สร้างบ้าน 2 - สร้างเรือนผิด .........


จะเล่าประสบการณ์ "สร้างเรือนผิดคิดจนเรือนทะลาย"ใครจะสร้างบ้านคิดให้รอบคอบครับ อะไรที่เป็นสิ่งดีๆ จากประสบการณ์เอาไปใช้ได้ครับ ประสบการณ์ที่ไม่ดีของผมก็อย่าทำตามที่ผมเคยโดนนะครับ

        ผมอยู่บ้านหลังปัจจุบันนี้เป็นหลังที่ 3 ครับ ไม่นับบ้านเช่าตอนเข้าทำงานใหม่ๆ  สองหลังแรกเข้าทำนองสร้างเรือนผิดคิดจนเรือนทะลาย จึงเอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังครับ

        ทำไม่ไม่อยู่บ้านพัก ?  ผมเข้าทำงานปี 2524  ตอนนั้นอายุ 22 ปี  ขอบ้านพักภายในหน่วยงาน  เขาไม่ให้  เหตุผลคือเป็นคนในพื้นที่สามารถหาที่อยู่ได้  (จะให้อยู่กับพ่อแม่)  เลยซื้อที่ดินผ่อนทิ้งไว้ 100 ต.ร.ว. ในราคา 120,000 บาท (ดาวน์ 20,000  ผ่อนเดือนละ 1,000 บาท)  ปี 2526 - 2529 ไปเรียนต่อ ป.โท  กลับมาน้องสาวแต่งงาน  อยู่กับแม่และครอบครัวน้องสาวไม่สะดวกใจเลยคิดสร้างบ้านหลังแรกบนที่ที่ยังผ่อนไม่หมด ไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์  แต่ตัดสินใจสร้างเพราะขัดสนเรื่องที่อยู่จริงๆ  เลยตัดสินใจสร้างบ้านหลังแรกบนที่ดังกล่าว

        บ้านหลังแรก  สร้าง พ.ศ. 2529  ด้วยแนวคิด ประหยัด ได้ประโยชน์ บนพื้นที่อันจำกัด  ผมสร้างบ้านขนาด 122.5 ตร.ม.บนพื้นที่ 100 ต.ร.ว. ด้วยงบประมาณ 3.6 แสน  เป็นที่อยู่เอง 7.00 X 7.00 ม. และสร้างห้องให้เช่าขนาด 3.50 X 7.00 ม. อีก 3 ห้อง  เป็นอาคารโครงสร้างเสาและพื้นเป็น ค.ส.ล. ผนังก่ออิฐฉาบปูน โครงสร้างหลังคาใช้ไม้ที่เลื่อยจากไม้ในสวน  ค่าจ้างเลื่อยไม้ถูกกว่าไม้ซื้อประมาณร้อยละ 80  บ้านหลังนี้สร้างติดพื้น  เมื่อเข้าหน้าฝน โดนน้ำท่วม 2531 และ 32 กลายเป็นความทุกข์  แถมมีงูเข้ามาในห้องน้ำ ครั้นไล่มันออก มันไม่ยอมออกทางประตูครับ  ดันหนีลงโถชักโครก  ราดน้ำซ้ำลงไปเลย กะว่าจะให้มันลงไปอึดอัดตายอยู่ในอึ  ที่ไหนได้  วันดีคืนดีมันโผล่หัวออกมาแลบลิ้นแผล็บๆ ให้เสียวเล่น  ต้องปิดห้องน้ำร่วมสามเดือน  จนแน่ใจว่ามันไม่อยู่แล้วจริงๆ  ช่วงที่ไม่กล้าใช้ห้องน้ำ ต้องกันห้องเช่าห้องหนึ่งไว้ใช้ห้องน้ำ เมื่อแน่ใจว่างูไม่อยู่แล้วจึงได้ใช้ต่อตามปกติ   เลยหาทางออกจะไปอยู่ที่สูงกว่า  โดยไปดาวน์บ้านหลังที่ 2 ไว้  ช่วงแรกให้เขาเช่า  พอโดนน้ำท่วมบ้านหลังแรกสองปี 6 ครั้ง   เลยออกไปอยู่ที่บ้านหลังที่ 2 เสียเอง  บ้านหลังแรกให้เช่าทั้งหมด  ช่วงที่ไปอยู่บ้านหลังที่ 2 นี้เอง  ที่ดินที่บ้านหลังแรกได้โอนกรรมสิทธิ์  ทำสัญญาซื้อ 2525 ได้โอน 2537 ถ้าผู้ขายจะเบี้ยวเสร็จแน่ๆ  แต่เขาซื่อสัตย์ จัดการโอนให้ตามสัญญา ทั้งที่ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่าตัว

        หลังที่ 2  ซื้อ พ.ศ. 2533 เป็นห้องแถวอาคารพานิชย์ ค.ส.ล. 2 ชั้น ขนาด 4.00 X 12.00 เมตร อยู่ในเขตเทศบาล เพื่อนกันเป็นคนจัดสรร  ราคา 5.2 แสน  ดาวน์ หนึ่งแสน  ที่เหลือผ่อนธนาคารเดือนละ 7,500  บางเดือนผ่อนเงินต้นได้ 500 บาท  เป็นดอกเบี้ย 7,000 บาท   ที่เลือกบ้านหลังนี้เพราะน้ำไม่ท่วม  แม้จะแคบ เวลาจอดรถต้องจอดในบ้าน  จะวางชุดรับแขกยังไม่ได้เลย  บางคืนนอนหลับเพลินๆ จะได้ยินเสียงขี้เมาร้านอาหารข้างๆ ตีกันบ้าง ด่ากันบ้าง  ที่ร้ายหนักกว่า โดนขโมยงัดประตูเข้าไปยกทีวีพร้อมเครื่องเสียงหายจ้อยไปในกลีบเมฆ  ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย  ท้ายที่สุดไม่มีความสงบสุขจากการอยู่บ้านหลังนี้  ขึ้นป้ายประกาศขายอยู่ 2 ปี  มีพนักงานธนาคารเขาซื้อไปในช่วง 2538 แล้วก็ย้ายกลับไปอยู่บ้านหลังแรก ช่วงนี้มีหน้าที่ต้องดูแลนาที่กำลังจะร้างและสวนยางที่กำลังจะหมดอายุ  พ่อกำลังจะโค่นแล้วปลูกใหม่  เลยวางแผนจะกลับไปดูแลนาและสวนยาง จึงวางแผนจะสร้างบ้านหลังที่ 3 ซึ่งเป็นหลังปัจจุบันครับ

       หลังที่ 3 ออกแบบภายใต้แนวคิดเรือนกาแลภาคเหนือ แต่ใช้วัสดุแบบทั่วไป  เพราะไม้หายากครับ  ตัวอาคารยกพื้นสูง 3.00 เมตร  เรียกว่าถ้ากั้นห้องก็จะกลายเป็นพื้นที่ใช้สอยอีกเท่าตัวครับ  แต่ผมใช้พื้นที่นี้เป็นที่จอดรถยนต์  จอดแทรคเตอร์ จอดรถไถเดินตาม  เก็บจอบเสียม ฯลฯ  ครัวยกพื้นประมาณ 80 ซ.ม.  ปัญหาที่แก้ได้คือสัตว์ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นหนู  แมว สุนัข  ขึ้นบ้านไม่ได้เลยครับ การป้องกันมดขึ้นบ้านยังทำได้เลยครับ บ้านของผมหันหน้าไปทิศตะวันตก  หันหลังพิงเขา  ผลก็คือในฤดูร้อน ลมตะวันออกโดนภูเขาบังร่องลม  อากาศค่อนข้างร้อนครับ  เลยออกแบบให้หน้าต่างทั้งหมดเป็นบานเกล็ดกระจกฝ้า  ดีตรงที่ 1) ไม่ต้องปิดหน้าต่างทั้งหมด  ลงบานเกล็ดแค่ไม่ให้ฝนสาดเข้าได้  2) กระจกฝ้ามองไม่ทะลุ  ไม่ต้องใช้ผ้าม่านและไม่ต้องกลัวโป๊เวลาเผลอ  3)อากาศถ่ายเทตลอดเวลาที่แง้มบานเกล็ดไว้  แม้ช่วงเย็นแดดส่องหน้าบ้านเพียงเวลาประมาณทุ่มอากาศก็เย็นสบายถ่ายเทดีครับ 4) บ้านที่ยกพื้นสูงจึงไม่ต้องติดเหล็กดัดกันขโมยเพราะขโมยปีนไม่ถึง ติดเพียงมุ้งลวดกันยุง หลังจากเข้าอยู่บ้นหลังใหม่ได้ประมาณปีเศษ ก็ขายบ้านหลังแรกได้ 8.7 แสน ทั้งที่ลงทุนเพียง 480,000 ได้อยู่เองกับค่าเช่าอีกส่วนหนึ่ง สรุปว่า  การซื้อ-สร้างบ้านแล้วขายออกไปไม่มีขาดทุนเหมือนซื้อรถ

       ผมชอบคติการสร้างบ้านของคนไทย(ทุกภาค) ที่นิยมยกพื้นสูง  มีใต้ถุนครับ  เพราะใต้ถุนสามารถใช้ประโยชน์ได้เยอะ  สมัยก่อนจอดเกวียนเดี๋ยวนี้จอดรถยนต์ครับ  จอดรถแทรคเตอร์ เก็บอุปกรณ์ทำมาหากินสารพัด          
       ใครจะสร้างบ้านคิดให้รอบคอบครับ  อะไรที่เป็นสิ่งดีๆ จากประสบการณ์เอาไปใช้ได้ครับ  ประสบการณ์ที่ไม่ดีของผมก็อย่าทำตามที่ผมเคยโดนนะครับ  ผมมีเวลาช่วง พ.ศ. 2529 - 2539 ลองผิดลองถูก ในช่วงอายุ 27 - 37 ปี  ตอนนี้เลข 4 ที่นำหน้าอายุในปีนี้ กำลังจะถูกทดมา 1 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว  ผมคงไม่มีโอกาสแก้ตัวเพื่อสร้างบ้านหลังที่ 4 แล้วครับ

หมายเลขบันทึก: 186097เขียนเมื่อ 4 มิถุนายน 2008 11:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • น่าคิดจริงๆเรื่องบ้านเรื่องทีอยู่
  • เหมือนอาจารย์  นั้นอยู่ในที่ดินในสวน..นั้นแหละถูกแล้ว
  • ขอบคุณมากครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท