ดืมน้ำอย่างไรถึงปลอดภัย


ดื่มน้ำ

 

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า น้ำเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับร่างกาย เพราะน้ำช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกายให้เหมาะสม ช่วย ย่อยและดูดซึมอาหาร รวมทั้งของเสียไปตามระบบเลือด ช่วยในการสร้างปฏิกิริยาเคมีในร่างกายหรืออื่น ๆ อีกมากมาย เพราะถ้าจะกล่าวถึงประโยชน์ของน้ำกันจริง ๆ แล้วนั้น  มีล้นเหลือจริง ๆ ค่ะ น้ำในร่างกายของเรานั้น  ส่วนใหญ่ก็มาจากการดื่มน้ำ และจากการกินอาหารโดยปกติแล้ว  ในวันหนึ่ง ๆ นั้น เราต้องสูญเสียน้ำจากการถ่ายปัสสาวะประมาณ 1.7 ลิตร  ทางอุจจาระ 0.5 ลิตร  และจากการขับเหงื่อประมาณ 0.4 ลิตร  ดังนั้นเราต้องมีการดื่มน้ำเข้าไปทดแทน  คิดกันง่าย ๆ เราต้องดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว  หรือประมาณ 1.5 ลิตร  คือ ดื่มตอนตื่นนอนก่อน และหลังอาหารทุกมื้อ  หลังออกกำลังกาย  หรือเมื่อปัสสาวะมีสีเข้ม  โดยจิบบ่อย ๆ ตลอดวัน

 

ถ้าน้ำในร่างกายมีน้อย จะมีผลเสียต่อไต  คือไตจะกรองของเสียออกจากร่างกายยากขึ้น  ปัสสาวะจะน้อยลง มีสีเข้ม ทำให้เกิดการหมักหมม ของเชื้อโรคในกระเพาะปัสสาวะได้  ถ้าดื่มน้ำเพียงพอ จะได้ผลดีอีกอย่างหนึ่งคือ ลดการตกตะกอนของก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะลงได้   และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป้นมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะด้วย

เราปฏิเสธไม่ได้นะค่ะว่า  ตอนนี้น้ำบรรจุขวดเข้ามามีอิทธิพลต่อคนไทยเรามาก  เพราะทุกวันนี้เกือบทุกครัวเรือนเป็นชีวิตกึ่งสำเร็จรูป  น้ำก็เหมือนกัน  จะเป็นน้ำกึ่งสำเร็จรูปบรรจุขวดขาย   ทำให้ธุรกิจผลิตน้ำบรรจุขวดผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด  ซึ่งในกระบวนการการผลิตน้ำประเภทนี้คล้ายกัน คือ นำน้ำดิบ  อาจจะเป็นน้ำบาดาลหรือน้ำประปา มาผ่านเครื่องกรอง อาจเป็นชุดกรองหยาบ สี กลิ่น ชุดเรซินสำหรับกรองบรรจุบวกประเภทความกระด้าง  หรือเหล็ก แมงกานีส เป็นต้น  บางรายก็ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยแสงยูวี โอโซน  จากนั้นก็บรรจุขวดขาย  แล้วเราจะเลือกน้ำบริโภคอย่างไรดีล่ะค่ะ!  ถึงจะปลอดภัยและคุ้มค่ากับเงินจ่ายไป ง่าย ๆ เลยคือ ก่อนจะซื้อน้ำดื่ม ต้องดูเลขทะเบียน อย.  อ่านรายละเอียดครบถ้วน  สถานที่ผลิต  บริษัทผู้ผลิต ปริมาณสุทธิ เป็นต้น  จากนั้นก็ลองดูว่าขวดที่บรรจุต้องสะอาด น้ำใส ไม่มีตะกอน ไม่มีกลิ่น และรสชาติที่ผิดปกติ แค่นี้ก็ดื่มน้ำได้คุ้มกับเงินที่จ่ายไปแล้ว

คำสำคัญ (Tags): #การดื่มน้ำ
หมายเลขบันทึก: 183734เขียนเมื่อ 21 พฤษภาคม 2008 20:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท