- ผมนั่งหลับตาฟังเสียงขลุ่ยและเสียงกีร์ต้า
- จิตใจล่องลอยไปแสนไกล
- พูดในใจเป็นบทกวีที่งดงามตามเสียงดนตรี
- ..เดี๋ยวผมจะถอดบทกวีในความรู้สึก..มาแบ่งปันให้ทุกคนได้ลิ้มรสครับ
- งดงามจริง ๆ ครับ ยืนยัน
บางทรายพยายามให้เวลากับกระบวนการในวันที่ 17-19 มากที่สุดจึง ถ่ายรูปไม่มาก และไม่ได้เขียนบันทึก
วันนี้มีเวลาเพียงพอจึงขอไล่ลำดับความอยากที่จะบันทึกไว้ ณ ที่นี้ครับ
งานพัฒนาชนบทนั้นสุดยอดคือกระบวนการสร้างคนให้รู้เท่าทันการสร้างตนเอง และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมในระดับต่างๆ
ในจำนวนคนเป้าหมายที่นับไม่ถ้วนนั้นมีเพียงเล็กน้อยที่ขับเคลื่อนไปตามความคาดหวัง หรือเจตนาที่ดีของเรา มิบังอาจไปว่ากล่าวเป้าหมายเหล่านั้น บ่อยครั้งที่เรากลับมานั่งทบทวนวิธีการของเรา หลักคิดของเรา กระบวนการของเราว่ามันมีพลังมากน้อยแค่ไหนที่จะไปกระตุกความคิดคนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดั่งที่เราหวัง
ที่ผ่านมาเราพบว่า วิธีการ หรือกระบวนการของเรา หลักคิดของเรานั้นพัฒนามาโดยตลอดจากการนำเข้า เป็นการฟังความคิดเขา จากการอัดฉีด เป็นการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วม จากการกระตุ้นเตือนเป็นการสร้างจิตสำนึก ล้วนมีผลในทางที่ดีบ้างมากน้อยแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่นั้น ทานกระแสหลักของสังคมไม่ไหว การเปลี่ยนแปลงที่ได้เกิดขึ้น เพียงข้ามวันก็ผันเปลี่ยนไปสู่ที่เดิม เพียงข้ามเดือนข้ามปีก็ไหลลงสู่พื้นที่เดิม
อย่าว่าแต่ชาวบ้านเลย แม้แต่ตัวเราเอง ด้วยซ้ำไป
ทบทวน ไตร่ตรอง ค้นหา..... จะมีเครื่องมือใดหนอ? ที่สร้างสำนึกให้เกิดขึ้นแล้วคงทนถาวร ให้นับวันยิ่งเข้มแข็งขึ้นยั่งยืนนาน จะทานทนต่อแสงสีเสียงที่เข้ามากระทบโสตสัมผัสทั้งหมดของร่างกายบุคคลผู้เป็นปุถุชน น่าจะมีอยู่ แต่มันคืออะไรล่ะ.... เชื่อลึกๆว่ามันต้องมีฐานรากจากศาสนา....เพราะเราได้เข้าไปสัมผัสมาบ้างแล้ว
...................................
เสียงขลุ่ยแผ่วเบาจากการบรรเลงของเด็กน้อย การกลั่นเกลากีตาร์ ออกมาจากห้วงลึกของวิญญาณของอาจารย์ มันผสมผสานกันลงตัวที่สุด ที่ทั้งสองไม่เคยเตรียมตัวมาก่อนล่วงหน้า และนี่เป็นเวทีแรกของทั้งสองที่มาพบกัน
ท่วงทำนอง และเสียงแห่งการผสมผสานได้ขับกล่อมให้จิตของผมสั่นไหวไปกระทบถึงส่วนลึกที่เข้าไปภายใน ไม่อาจบรรยายได้ด้วยคำพูด ไม่อาจเปล่งภาษาออกมาทดแทนความรู้สึกนั้นได้ มันเป็นความรู้สึกดีจริงๆ มันเป็นความอิ่มอะไรบางอย่างที่ได้บริโภคเข้าไป มันสั่นสะเทือนภายใน
..........
กระบวนการแล้วกระบวนการเล่า สร้างแรงกระแทกกระทั้นภายในให้ยิ่งทบทวน ไตร่ตรอง พินิจพิจารณาถึงชีวิต วิถี และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มันอาจจะต้องถอดรหัสในทางภาษา แต่ไม่จำเป็นต้องถอดรหัสทางความรู้สึก สำนึก ที่สัมผัสได้โดยตรง ทันที
รุ่งเช้า ทีมงานมาทำ Morning discussion หรือ AAR ประจำวัน ที่ผมมีส่วนบ้าง ก็พบการขยายความ การตกแต่งความรู้สึกและการหีบห่อให้ section นั้นๆจบสิ้นอย่างบริบูรณ์
หาก G2K คือเวทีใหญ่ของ KM ในรูปแบบของ Blog
G2K ก็คือช่องทางที่สำคัญยิ่งที่ได้มีส่วนสำคัญในการสร้างเวทีย่อยแบบเฮฮาศาสตร์ ได้เกิดการสร้างสรรค์ความดีงามให้กับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ที่เปิดกว้างสำหรับทุกท่านที่แสวงหา คนแซ่เฮเป็นเพียงหัวหอกของกระบวนการรวมกันเพื่อเรียนรู้ แลกเปลี่ยน ที่พัฒนาตัวมันเองไปเรื่อยๆตามจังหวะของห้วงวิถี
ผมกล่าวได้จากความรู้สึกว่า G2K คือ ฐานที่สำคัญที่ได้สร้าง Climax หนึ่งของการค้นหาให้ผมได้สัมผัส และจะเป็นฐานที่สำคัญที่จะนำไปออกแบบวิถีชีวิตของผมต่อไป
(ขอขอบคุณทีมงานจากสถาบันขวัญเมือง สวนป่า คุณหมอคนชอบวิ่งและทีมงาน G2K และผู้อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จนี้ทุกท่าน)
สวัสดีเจ้าค่ะ ลุงบางทรายจ๋า
คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง กอดดดดดดดดดดดดดดดดดด ลุงสบายดีหรือเปล่าค่ะ น้องจิสบายดี คิดถึงลุงด้วย อิอิ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ --->น้องจิ ^_^
นี่รูปน้องจิใส่ชุดนักศึกษา ถ่ายเมื่อวาน 555++ อิอิ คิดถึงลุงค่ะ อิอิ
พี่บางทรายคะ
ดีใจมากๆที่ได้เจอ เฝ้ามองความอ่อนน้อมและเป็นผู้เรียนรู้ตัวจริงเสียงจริงและการเป็นผู้นำของพี่ค่ะ
ความรู้สึกเช่นนี้ไม่มีโอกาสบอกและอธิบายว่าทำไมคิดเช่นนั้นระหว่างที่อยู่สวนป่า..(และคงจะไม่อธิบายไว้ที่นี้ด้วย..จนกว่าจะพบกันครั้งหน้า)
ถึงแม้ไม่มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนรวมทั้งได้ กอดพี่บ้าง แต่ก็สัมผัสถึงความเมตตาและการให้เกียรติอย่างสูงที่พี่มอบให้ค่ะ
ขอบพระคุณกับช่วงเวลาที่มีคุณค่าร่วมกันค่ะ
โห..น่ารักซะไม่เมี๊ยะ...แล้วใส่ชุดนี้แล้วเสียงเหน่อมันหายไปไหมหนอ...อิอิ
น้อง 2. จันทรรัตน์
v สวัสดีค่ะ พี่บู๊ท คะ
v ขอบพระคุณ ในความปรารถนาดี ที่จะให้ไปด้วย แต่ก็หมดโอกาสในคราวนี้ จนได้
v เชื่อฝีมือ พี่บู๊ท ผู้มากด้วยประสบการณ์ ทั้งเก่ง และมีภาวะผู้นำ อยู่แล้ว โดยเฉพาะมาช่วยให้ความรู้น้อง ๆ ในการจัดการความรู้ KM ในรูปของ เฮฮาศาสตร์ ค่ะ
v KM ที่จัดในรูปแบบต่างๆ ตามที่ได้ท่องแวะ อ่านๆๆๆ มาก็ไม่ต่างกันมากนัก ค่ะ
v แต่เฮฮาศาสตร์ ที่ได้ติดตามอ่านย้อนหลัง จนถึงปัจจุบัน รับรู้ได้ว่า เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ที่ออกมาจากจิตวิญญาณของแต่ละคนที่ต้องเข้าไปร่วมสัมผัส ถึงจะเข้าใจแก่นแท้ของการเรียนรู้ นะคะ
v ขอบพระคุณค่ะ ที่มีสาระดี ๆ มาเป็นวิทยาทาน จะนำไปประยุกต์ใช้ค่ะ
สวัสดีครับพี่บางทราย
ไคลแม็กทางการพัฒนาได้หรือเปล่าครับ
ผมอาจเอื้อมคิดเหมือนพี่นะครับ บางครั้งผมก็หมดหวังและถอยออกมาตั้งหลักเหมือนกันว่าอะไรกันแน่
และเช่นเดียวกับพี่ครับ ก็คือยังต้องสู้อยู่กับความเปลี่ยนแปลงและแตกต่าง (อาจเป็นเพราะว่าไม่มีทางอื่น ) แต่ก็ไม่ได้ท้อใจครับ ผมก็คิดเหมือนพี่ ( อีก ) คือเรื่องศาสนา แต่ว่า นั่นเป็นสิ่งรู้ได้เฉพาะตน ( ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ )
ผมคิดว่ามันน่าจะมีอะไรมาเชื่อมโยงไปได้ทั้งเรื่องการเสียสละ ธรรมะ ศาสนา และการปกครองอย่างยุติธรรม
ท่านพุทธทาสบอกว่า ธรรมาธิปไตย ธรรมมะต้องมาก่อน
ผมเห็นด้วยกับท่านเหมือนกัน
แต่ในโลกแห่งการยื้อแย่งขัดแย้งและทำลายกัน แล้ว....ผมเคยฟันธงแบบมั่ว ๆ ของผมกับพี่ไปแล้วว่า "สังคมนิยม"
แต่ไม่ใช่ในเงื่อนไขของอำนาจอย่างเดียวนะครับ สังคมนิยมการเอื้อเฟื้อ
สังคมนิยมยุติธรรม ( ข้อตกลงของทุกฝ่าย ) สังคมนิยมหลักธรรม สังคมนิยมวัฒนธรรม สังคมนิยมพอเพียง สังคมนิยมประชาธิปไตย
ที่เฮฮาศาสตร์ ผมว่า เป็นสังคมนิยมอีกประเภทนะครับ เป็นสังคมนิยมการเคารพให้เกียรติ เป็นสังคมนิยมช่วยเหลือ เป็นสังคมนิยมพึ่งตนเอง เป็นสังคมนิยมสมถะ เป็นสังคมนิยมเรียนรู้
และผมว่าเฮฮาศาสตร์อยู่ไกลจากความเป็น เสรีนิยมอยู่มาก เพราะเราไม่ได้แปลกแยกแบบปัจเจก เราไม่ได้บริโภคสุดลิ่มทิ่มประตู ( เมามายไร้สติ ) เราไม่ได้ระดมเงินทุนเพื่อแสวงกำไร เราไม่ได้กีดกันคนรวย จน ปานกลาง ( ทุนนิยม ) เราไม่ได้วิภาควิจารณ์แบบไร้กรอบแห่งความเคารพและเกรงใจ
ลองแลกเปลี่ยนกับพี่ดูนะครับ อยากเห็นมุมมองของพี่มุมนี้ครับ
สวัสดีครับ 5. บัวปริ่มน้ำ
น้องสายลมครับ 6. นายสายลม อักษรสุนทรีย์
น้องสายลมนั้นคุณภาพคับแก้วอยู่แล้ว หากจะใช้ความถนัดขับกล่อมให้เวทีแห่งนี้มีสาระมีสีสัน ก็จะเป็นดวงดาวที่สุกสกาวบนท้องฟ้าให้เพื่อนพ้องใด้ยินยลกันสุขยิ่ง
ขอบคุณแทนเพื่อนๆล่วงหน้าเด้อครับ
สวัสดีค่ะพี่บางทราย
สั่นสะเทือน..เปราะบาง...เติบโต
สุนทรียสนทนาเป็นการสื่อสารที่ไม่ใช่มีเพื่อทำความเข้าใจ แต่สื่อสารเพื่อการเรียนรู้และเปิดโอกาสให้ตัวเราเองลองมองโลกแบบใหม่ได้กว้างขึ้น ( นี่เป็นความเห็นขอเบิร์ดเองนะคะ ).. ปลอดโปร่ง จนเกิดอาการ “ปิ้งแว้บ” หรือ "ญาณทัศนะ" ขึ้นในสมองเชียวค่ะ..^ ^
เงื่อนไขง่ายๆ ใน "สุนทรียสนทนา" คือ การฟังกันและกันอย่างลึกซึ้ง, แขวนความคิดและการตัดสินของเรา และไม่จำเป็นต้องมีข้อสรุปซึ่งขัดกับการคุยกันในรูปแบบอื่นๆที่เคยชินกันมาเลยนะคะ
"การฟังอย่างลึกซึ้ง" เป็นการเฝ้าดูความคิดของเราด้วยเนาะคะพี่บางทราย ส่วน "การแขวนความคิดและการตัดสิน" เป็นการเปิดโอกาสให้เรามองโลกแบบใหม่ และลดภาวะอารมณ์ต่างๆลงและ "ไม่จำเป็นต้องมีข้อสรุป" คือ ปล่อยให้แต่ละคนได้ตรึกตรองเอง..
แต่หากในการประชุมที่จำเป็นต้องมีข้อสรุป การใช้สุนทรียสนทนาคือการทอดเวลาให้คนได้พูดคุยกันอย่างลึกซึ้งก่อน แล้วเปิดโอกาสให้ทางเลือกใหม่ๆ ได้เข้ามาได้อย่างดีเชียวล่ะค่ะ
ย่องเข้ามากวนแบบไม่ให้น้ำขุ่น และชูมือเห็นด้วยว่า G2K คือ ฐานที่สำคัญที่ได้สร้าง Climax หนึ่งของการค้นหาให้ได้สัมผัส..ค่ะ ^ ^
คุณน้องหมอเจ๊ 7. หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
น้องครับ 8. mr. สุมิตรชัย คำเขาแดง
ไคลแม็กทางการพัฒนาได้หรือเปล่าครับ
พี่รู้สึกเช่นนั้นครับน้องสุมิตรชัย ก็การพัฒนาคนที่แท้คือการพัฒนาตนเองก่อน ความจริงคำนี้ ประโยคนี้เรารับรู้มานานแล้วด้วยซ้ำ แต่เพียงรับรู้มิได้นำมาฝึกปฏิบัติ หรือวนเวียนกับหนทางในการปฏิบัติน่ะครับ
ผมอาจเอื้อมคิดเหมือนพี่นะครับ บางครั้งผมก็หมดหวังและถอยออกมาตั้งหลักเหมือนกันว่าอะไรกันแน่
และเช่นเดียวกับพี่ครับ ก็คือยังต้องสู้อยู่กับความเปลี่ยนแปลงและแตกต่าง (อาจเป็นเพราะว่าไม่มีทางอื่น ) แต่ก็ไม่ได้ท้อใจครับ ผมก็คิดเหมือนพี่ ( อีก ) คือเรื่องศาสนา แต่ว่า นั่นเป็นสิ่งรู้ได้เฉพาะตน ( ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ )
ประสบการณ์ของพี่ที่ได้แลกเปลี่ยนกับกระบวนกรจากสถาบันขวัญเมืองคือ การนำเอาหลักการศาสนามาปฏิบัติและอธิบายในรูปแบบใหม่น่ะครับ รูปแบบที่คนในสิ่งแวดล้อมปัจจุบันรับได้ครับ
ผมคิดว่ามันน่าจะมีอะไรมาเชื่อมโยงไปได้ทั้งเรื่องการเสียสละ ธรรมะ ศาสนา และการปกครองอย่างยุติธรรม
ท่านพุทธทาสบอกว่า ธรรมาธิปไตย ธรรมมะต้องมาก่อน
ผมเห็นด้วยกับท่านเหมือนกัน
แต่ในโลกแห่งการยื้อแย่งขัดแย้งและทำลายกัน แล้ว....ผมเคยฟันธงแบบมั่ว ๆ ของผมกับพี่ไปแล้วว่า "สังคมนิยม"
แต่ไม่ใช่ในเงื่อนไขของอำนาจอย่างเดียวนะครับ สังคมนิยมการเอื้อเฟื้อ
สังคมนิยมยุติธรรม ( ข้อตกลงของทุกฝ่าย ) สังคมนิยมหลักธรรม สังคมนิยมวัฒนธรรม สังคมนิยมพอเพียง สังคมนิยมประชาธิปไตย
ที่เฮฮาศาสตร์ ผมว่า เป็นสังคมนิยมอีกประเภทนะครับ เป็นสังคมนิยมการเคารพให้เกียรติ เป็นสังคมนิยมช่วยเหลือ เป็นสังคมนิยมพึ่งตนเอง เป็นสังคมนิยมสมถะ เป็นสังคมนิยมเรียนรู้
ที่บ้านสวนป่าของท่านครูบามีต้น "มะสัง" ต้นใหญ่ ท่านครูบาเอามะยาวมาเสียบ ติดตา ต่อกิ่งนี่แหละ มะนาวก็เติบโตบนต้นมะสังและออกผลดกมากมายเกินคาดทีเดียวครับ
พี่อยากเปรียบเทียบว่าธรรมะนั้นคือฐานที่สำคัญของคน สังคมทั้งมวล เมื่อฐานแน่น ไม่ว่าจะเอาอะไรมาเสียบมัยก็สามารถเติบโตไปได้ให้ดอกผลที่งอกงามออกมา เอาประชาธิปไตยมาเสียบ มันก็เป็นธรรมาธิปไตย เอาวิชาการใดๆมาเสียบก็เป็นธรรมาวิชาการนั้นๆ เอาทุนนิยมมาเสียบก็เป็นธรรมาทุนนิยมซึ่งเป็นสังคมอุดมการณ์ครับ
และผมว่าเฮฮาศาสตร์อยู่ไกลจากความเป็น เสรีนิยมอยู่มาก เพราะเราไม่ได้แปลกแยกแบบปัจเจก เราไม่ได้บริโภคสุดลิ่มทิ่มประตู ( เมามายไร้สติ ) เราไม่ได้ระดมเงินทุนเพื่อแสวงกำไร เราไม่ได้กีดกันคนรวย จน ปานกลาง ( ทุนนิยม ) เราไม่ได้วิภาควิจารณ์แบบไร้กรอบแห่งความเคารพและเกรงใจ
พี่ชอบย้อนนึกบทเรียนของพี่ว่ากลุ่มปรับตัว หลังจากที่มีควมขัดแย้งเกิดขึ้น เมื่อมีธรรมเป็นฐานการปรับตัวก็อยู่บนรากฐานของธรรม สังคมแก่งแย่งชิงดีกัน มันคงวุ่นวายไปจนที่สุดของมันแล้วก็มามองหาว่าแล้วอะไรคือสังคมที่เราต้องการ ในที่สุดมันคงจะมาลงที่สังคมที่มีธรรมเป็นรากฐาน เป็นรากแก้ว
ระยะเวลาของการปรับตัวของกลุ่มในชุมชนนั้นให้เวลาไม่นานนักก็เห็นผลการเปลี่ยนแปลง หรือกล่าวอีกคำหนึ่งคือการปรับความสมดุลครับ แต่สังคมประเทศต้องใช้เวลานานในการปรับระบบประชาธิปไตยให้เข้าสู่ธรรมาธิปไตย อาจจะเป็นร้อยๆปีก็ได้
ยิ่งไปดูสังคมโลกก็ยิ่งอาจใช้เวลาหลายศัตวรรษก็ได้ มันตรงกับคำทำนายทางหลักศาสนาทุกศาสนานะครับ
ลองแลกเปลี่ยนกับพี่ดูนะครับ อยากเห็นมุมมองของพี่มุมนี้ครับ
ยินดีแลกเปลี่ยนครับน้องครับ
สวัสดีครับน้องสาว 11. เบิร์ด
สั่นสะเทือน..เปราะบาง...เติบโต
สุนทรียสนทนาเป็นการสื่อสารที่ไม่ใช่มีเพื่อทำความเข้าใจ แต่สื่อสารเพื่อการเรียนรู้และเปิดโอกาสให้ตัวเราเองลองมองโลกแบบใหม่ได้กว้างขึ้น ( นี่เป็นความเห็นขอเบิร์ดเองนะคะ ).. ปลอดโปร่ง จนเกิดอาการ “ปิ้งแว้บ” หรือ "ญาณทัศนะ" ขึ้นในสมองเชียวค่ะ..^ ^
มันเป็นกระบวนการเชิงบวก ที่เอาตัวเองออกมาเมื่อผ่านกระบวนการปลดวาง ย้อนกลับสู่อดีต ผ่านผันสิ่งต่างๆลงไปถึงฐานะความเป็นคน แค่เป็นคนเท่านั้น ในแง่ความรู้สึกของพี่ เหมือนว่ากระบวนการได้ทะลายทำนบขวางกั้นอวิชาในมุมความเป็นคนออกไป วิเศษจริงๆ แม่เพียงผ่านครั้งแรกและไม่ยาวนานมากนักก็สัมผัสได้แล้ว
เงื่อนไขง่ายๆ ใน "สุนทรียสนทนา" คือ การฟังกันและกันอย่างลึกซึ้ง, แขวนความคิดและการตัดสินของเรา และไม่จำเป็นต้องมีข้อสรุปซึ่งขัดกับการคุยกันในรูปแบบอื่นๆที่เคยชินกันมาเลยนะคะ
"การฟังอย่างลึกซึ้ง" เป็นการเฝ้าดูความคิดของเราด้วยเนาะคะพี่บางทราย ส่วน "การแขวนความคิดและการตัดสิน" เป็นการเปิดโอกาสให้เรามองโลกแบบใหม่ และลดภาวะอารมณ์ต่างๆลงและ "ไม่จำเป็นต้องมีข้อสรุป" คือ ปล่อยให้แต่ละคนได้ตรึกตรองเอง..
เป็นอุบายที่แยบยลจริงๆ "การฟังกันและกันอย่างลึกซึ้ง, แขวนความคิดและการตัดสินของเรา และไม่จำเป็นต้องมีข้อสรุป" เราไม่เคยชินต่อสิ่งนี้ เราชินกับวิธีการตรงข้าม เหมือนเส้นผมบังภูเขานะน้องเบิร์ด
แต่หากในการประชุมที่จำเป็นต้องมีข้อสรุป การใช้สุนทรียสนทนาคือการทอดเวลาให้คนได้พูดคุยกันอย่างลึกซึ้งก่อน แล้วเปิดโอกาสให้ทางเลือกใหม่ๆ ได้เข้ามาได้อย่างดีเชียวล่ะค่ะ
ใช่ครับเราสามารถดัดแปลงกระบวนการนี้ไปใช้ได้ น่าจะช่วยให้เกิดการกลมกลืนทางความคิดได้มากขึ้นนะครับหากขจัดการเร่งรัดด้วยเวลาไปได้ และผู้ร่วมวงประชุมมีฐานที่ใกล้กันสักหน่อย แต่อย่างไรก็ตาม น่าจะนำไปใช้ดู
ย่องเข้ามากวนแบบไม่ให้น้ำขุ่น และชูมือเห็นด้วยว่า G2K คือ ฐานที่สำคัญที่ได้สร้าง Climax หนึ่งของการค้นหาให้ได้สัมผัส..ค่ะ ^ ^
ขอบคุณน้องสาวครับ
*** แวะมาสวัสดีค่ะ พี่บางทราย ***
*** มีเรื่องราวให้ได้ปลื้มใจกันเสมอค่ะ กับชาว gotoknow
ผมจะทะยอยลงครับท่านครูบา
โห...หมดชาวเฮฮาศาสตร์ ก็มีแขกใหม่เข้ามาอีก หากไม่ติดงานก็อยากเข้ามาช่วยอยู่ครับ
สวัสดีครับ 16. Bright Lily
ผมจำได้ครับว่าใครเป็นคนที่สองที่มาทักทายผมเมื่อผมเข้ามาครั้งแรกๆใน G2K นี้ครับ ขอบคุณมากเลยครับ เลย copy หลักฐานมาให้ดู
1. Bright Lily เมื่อ อา. 14 ม.ค. 2550 @ 16:59 137355 [ลบ]
ส่งกำลังใจไปให้ นักพัฒนาค่ะ
ขอบคุณมากๆครับ
สวัสดีค่ะพี่บางทราย
ดีใจที่ได้รู้จักพี่ใหญ่นักพัฒนาค่ะ ..
สวัสดีครับน้อง 19. Gutjang
สุรินทร์คือแหล่งเรียนรู้ของพี่ที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง พี่ใช้เวลาที่นี่ตามชายแดน 3 ปี กาบเชิง สังขะ บัวเชด สมัยระเบิดยังลงตูมๆ เราเช่าบ้านที่ อ.ปราสาท แล้วขับมอเตอร์ไซด์ตระเวนไปทั่วชายแดน เรียนภาษาเขมรที่วิทยาลัยครูสุรินทร์(สมัยนั้น) จน ยัยขะแมบาน อันแต๊ก อันแต๊ก.. อิอิ หลวงปู่ดุลย์คือพระที่พี่กราบไหว้อยู่ครับ
สวัสดีน้องสิงห์และครอบครัว
ขอบคุณครับพี่
ครับผมก็คิดเช่นนั้น เราอาจต้องรอนานและอาจไม่ได้เห็น ....วันที่ว่ามนุษย์รักกันมากกว่าที่เป็นอยู่
มาตรวจการบ้านครับ อิอิ
ทบทวน ไตร่ตรอง ค้นหา..... จะมีเครื่องมือใดหนอ? ที่สร้างสำนึกให้เกิดขึ้นแล้วคงทนถาวร ให้นับวันยิ่งเข้มแข็งขึ้นยั่งยืนนาน จะทานทนต่อแสงสีเสียงที่เข้ามากระทบโสตสัมผัสทั้งหมดของร่างกายบุคคลผู้เป็น ปุถุชน น่าจะมีอยู่ แต่มันคืออะไรล่ะ.... เชื่อลึกๆว่ามันต้องมีฐานรากจากศาสนา....เพราะเราได้เข้าไปสัมผัสมาบ้างแล้ว
............
เสียง ขลุ่ยแผ่วเบาจากการบรรเลงของเด็กน้อย การกลั่นเกลากีตาร์ ออกมาจากห้วงลึกของวิญญาณของอาจารย์ มันผสมผสานกันลงตัวที่สุด ที่ทั้งสองไม่เคยเตรียมตัวมาก่อนล่วงหน้า และนี่เป็นเวทีแรกของทั้งสองที่มาพบกัน
ท่วง ทำนอง และเสียงแห่งการผสมผสานได้ขับกล่อมให้จิตของผมสั่นไหวไปกระทบถึงส่วนลึกที่ เข้าไปภายใน ไม่อาจบรรยายได้ด้วยคำพูด ไม่อาจเปล่งภาษาออกมาทดแทนความรู้สึกนั้นได้ มันเป็นความรู้สึกดีจริงๆ มันเป็นความอิ่มอะไรบางอย่างที่ได้บริโภคเข้าไป มันสั่นสะเทือนภายใน
................
สั่นสะเทือน..เปราะบาง...เติบโต
สุนทรียสนทนาเป็นการสื่อสารที่ไม่ใช่มีเพื่อทำความเข้าใจแต่สื่อสารเพื่อการเรียนรู้และเปิดโอกาสให้ตัวเราเองลองมองโลกแบบใหม่ได้กว้างขึ้น ( นี่เป็นความเห็นขอเบิร์ดเองนะคะ )..ปลอดโปร่ง จนเกิดอาการ “ปิ้งแว้บ” หรือ "ญาณทัศนะ" ขึ้นในสมองเชียวค่ะ..^ ^
มัน เป็นกระบวนการเชิงบวก ที่เอาตัวเองออกมาเมื่อผ่านกระบวนการปลดวาง ย้อนกลับสู่อดีต ผ่านผันสิ่งต่างๆลงไปถึงฐานะความเป็นคน แค่เป็นคนเท่านั้น ในแง่ความรู้สึกของพี่ เหมือนว่ากระบวนการได้ทะลายทำนบขวางกั้นอวิชาในมุมความเป็นคนออกไป วิเศษจริงๆ แม้เพียงผ่านครั้งแรกและไม่ยาวนานมากนักก็สัมผัสได้แล้ว
เงื่อนไขง่ายๆ ใน "สุนทรียสนทนา" คือ การฟังกันและกันอย่างลึกซึ้ง, แขวนความคิดและการตัดสินของเรา และไม่จำเป็นต้องมีข้อสรุปซึ่งขัดกับการคุยกันในรูปแบบอื่นๆที่เคยชินกันมาเลยนะคะ
"การฟังอย่างลึกซึ้ง"เป็นการเฝ้าดูความคิดของเราด้วยเนาะคะพี่บางทราย ส่วน "การแขวนความคิดและการตัดสิน"เป็นการเปิดโอกาสให้เรามองโลกแบบใหม่ และลดภาวะอารมณ์ต่างๆลงและ "ไม่จำเป็นต้องมีข้อสรุป"คือ ปล่อยให้แต่ละคนได้ตรึกตรองเอง..
เป็นอุบายที่แยบยลจริงๆ "การฟังกันและกันอย่างลึกซึ้ง, แขวนความคิดและการตัดสินของเรา และไม่จำเป็นต้องมีข้อสรุป" เราไม่เคยชินต่อสิ่งนี้ เราชินกับวิธีการตรงข้าม เหมือนเส้นผมบังภูเขานะน้องเบิร์ด
แต่หากในการประชุมที่จำเป็นต้องมีข้อสรุปการใช้สุนทรียสนทนาคือการทอดเวลาให้คนได้พูดคุยกันอย่างลึกซึ้งก่อนแล้วเปิดโอกาสให้ทางเลือกใหม่ๆ ได้เข้ามาได้อย่างดีเชียวล่ะค่ะ
ใช่ครับเราสามารถดัดแปลงกระบวน การนี้ไปใช้ได้ น่าจะช่วยให้เกิดการกลมกลืนทางความคิดได้มากขึ้นนะครับหากขจัดการเร่งรัด ด้วยเวลาไปได้ และผู้ร่วมวงประชุมมีฐานที่ใกล้กันสักหน่อย แต่อย่างไรก็ตาม น่าจะนำไปใช้ดู
ย่องเข้ามากวนแบบไม่ให้น้ำขุ่น และชูมือเห็นด้วยว่า G2K คือ ฐานที่สำคัญที่ได้สร้าง Climax หนึ่งของการค้นหาให้ได้สัมผัส..ค่ะ ^ ^
...........
ผมกล่าวได้จากความรู้สึกว่า G2K คือ ฐานที่สำคัญที่ได้สร้าง Climax หนึ่งของการค้นหาให้ผมได้สัมผัส และจะเป็นฐานที่สำคัญที่จะนำไปออกแบบวิถีชีวิตของผมต่อไป
..................
ละเลียดติดตามตัวอักษรด้วยน้ำตาแห่งความรู้สึกหนึ่งที่มิอาจถ่ายทอดค่ะ
ทั้งประสบการณ์จริง บางช่วง ที่มิอาจถ่ายทอดได้...เพียงเก็บไว้ในใจ
แต่เชื่อมั่น เห็นตาม สามบรรทัดสุดท้ายของพี่ท่าน...บางทรายค่ะ
ขอบคุณ พลังแห่งจิตวิญญาณ ที่ถ่ายทอดเก็บไว้อย่างดียิ่งนะคะ
ยินดีที่ได้รู้จัก Tawandin ครับ ผู้ต่อสู้กับชีวิต กับสิ่งรอบข้าง และแม้กับตัวเอง ขอให้กำลังใจในการทำงานที่รับผิดชอบอยู่นะครับ แม้เราเป็นเพียงคนเล็กๆ กลุ่มเล็กๆ แต่งานที่ทำนั้นในทัศนะผมนั้นเห็นความยิ่งใหญ่ ต่อยอดมูลมรดกของสังคมเราให้พัฒนาไป สืบต่อไป โดยฝังอยู่ในเด็ก เยาวชน เพื่อนของเราเหล่านั้น เพียงแต่เราหยิบยื่นให้เขา แม้เพียงคำพูดไม่กี่คำมันก็เป็นพลังสั่นไหวโลกนี้ได้ครับ ขอให้กำลังใจนะครับ
ชื่นใจ ดีใจ สุขใจที่เห็นคุณหมอผู้บริหารให้ความสนใจคุณค่าของสาระในเฮฮาศาสตร์ ที่สองเสาหลักเฮฮาศาสตร์สร้างขึ้นมา
เป็นความหวังของประชาชน คนไข้ที่มีทีมงานของคุณหมอได้มาสัมผัส สาระ ในสวนป่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา แม้ว่าเราเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ แต่เมื่อเริ่มจากเล็กก็สามารถขยาย เติบโตได้ครับ
เป็นกำลังใจให้คุณน้องหมอเจ๊และทีมงานที่ต้องแบกรับภาระอันหนัก มหาศาล ในฐานะผู้รักษาและดูแลคนไข้ นะครับ