เรื่องของน้ำนม น้ำนม(แม่)


น้ำนมแม่มีค่าเหลือคณา

  วันนี้ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง หน้า ม.อ.ปัตตานี มีโอกาสได้พบปะรุ่นน้องที่เคยทำกิจกรรมเพื่อสังคมด้วยกันสมัยเรียนปริญญาตรี ย้ายมาทำงานที่ปัตตานี ก็เลยถือโอกาสพาไปเลี้ยงต้อนรับ การกลับมาของคนร่วมอุดมการณ์ (คิดเอง...เพื่อสังคม) ไม่รู้คุยกันไปอีท่าไหน จากประเด็นการทานข้าวมากจะก่อให้เกิดโรค การดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว มันดีตรงไหน มองอีกด้านก็มีข้อเสียเยอะเหมือนกัน เช่นจะทำให้ฉี่บ่อย เป็นต้น ก็ไปออกเรื่อง "น้ำนม" ทำไมคนเราจึงหันไปดื่มนมโน่นดื่มนมนี่กันมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นนมวัว นมแพะ ต่อไปก็ไม่รู้จะเป็นนมอะไรอีก ทั้งๆที่น้ำนมนั้นๆก็น่าจะเหมาะกับสิ่งนั้นๆ เช่น นมวัวก็น่าจะเหมาะกับการเลี้ยงลูกวัว นมแพะก็น่าจะเหมาะกับการเลี้ยงลูกแพะ นมแม่ก็น่าจะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเลี้ยงลูก แล้วทำไมเราจึงหันไปเลี้ยงลูกด้วยการให้ดื่มนมของสิ่งอื่นมากขึ้น มิหนำซ้ำยังเพิ่มอาหารเสริมอะไรต่อมิอไรต่างๆมากมายให้ลูกกินตั้งแต่ยังแบเบาะ ทั้งๆที่ทุกวงการก็รู้ๆกันอยู่ว่า น้ำนมของแม่มีประโยชน์มากเพียงใดต่อลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง 0-2 ปี อันนี่ก็นั่งคุยกันเล่นๆอ่านะครับ หวังว่าอ่านบล๊อกแล้วคงไม่เลิกดื่มนมต่างๆนะครับ นมยิ่งดื่มยิ่งดีครับ แต่สำรับ(อาหาร)ที่ดีของลูกน่าจะเป็นนมจากเต้าของแม่จะดีกว่าที่จะปล่อยให้ลูกดื่มนมจากเต้าของสั...ว์ต่างๆ เอะพูดเหมือนเคยเป็นพ่อคนเลย

  น้ำนมแม่มีค่าเหลือคณาครับ...

หมายเลขบันทึก: 181737เขียนเมื่อ 11 พฤษภาคม 2008 14:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

อัสสลามูอาลัยกุม

(ที่จะเขียนนี้ ความเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่เคยเช็คว่าข้อมูลจริงเท็จแค่ไหน แต่เขียนจากการที่ได้เคยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆชาวเยอรมัน)

จริงๆ แล้วการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นสิ่งที่มนุษย์เรารู้จักมาตั้งแต่ต้น เพียงแต่ยุคหลังๆ (อาจจะไม่ถึงร้อยปี มั้งคะ) เราเริ่มเปลี่ยนจากการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มาเป็นนมวัว ยุคแรกๆ ที่เปลี่ยนมาเลี้ยงลูกด้วยนมวัว มันเป็นเทรนด้วยซ้ำ ยุคนึง ในยุโรป เค้าหันมาเลี้ยงด้วยนมวัว รณรงค์ว่าดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้

ต่อมา เค้าเพิ่งค้นพบว่า นมวัว ถึงจะดีอย่างไร ก็สู้นมแม่ไม่ได้ เลยต้องมารณรงค์เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เหมือนแต่ก่อน ^_^

ยุคเพื่อนๆอาจารย์ แม่ๆเค้าเลี้ยงลูกด้วยนมวัวกัน เพราะยุคนั้น เทรนยุโรปเป็นอย่างนั้น แต่ตอนนี้เปลี่ยนแล้วค่ะ จริงๆ ที่เปลี่ยนอีกอย่างนึงคือ ในเยอรมัน เริ่มนิยมคลอดลูกที่บ้าน แทนการคลอดลูกที่โรงพยาบาล อย่างเพื่อนอาจารย์เองก็คลอดที่บ้าน โดยจะมี(คล้ายๆกับ)หมอตำแยที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง มาอธิบาย มาดูแลเราก่อนคลอด และมาแนะนำด้วยว่า ถ้าจะคลอดที่บ้านต้องเตรียมอะไร อย่างไรบ้าง โดยไม่ลืมเตรียมแสตนบาย หากต้องไปโรงพยาบาลด้วยเหมือนกัน

....

หลายๆสิ่ง หลายๆอย่าง กลับเข้าสู่สภาวะเก่าก่อนการเจริญด้านวัตถุ

^_^

...

คนเอเชียบ้านเรา พอโตหน่อย ก็เริ่มแพ้นม (หรือแพ้ แลกโตส ในนม) ทำให้ไม่ค่อยดื่มนมกัน ไม่ก็ต้องไปดื่มนมที่ไม่มี แลกโตส แทน เช่นพวกนมถั่วเหลือง เป็นต้น (เด็กเล็กบางคนก็แพ้แลกโตสตั้งแต่เกิดก็มี)

จริงๆ นี่อาจจะเป็นอีกเหตุผลที่คนเอเชียตัวไม่ใหญ่เหมือนฝรั่งเค้า (มั้ง) ส่วนฝรั่งเอง นอกจากดื่มนมเยอะแล้ว อาหารหลายๆชนิดก็จะมีส่วนผสมพวกนม เนยอยู่เยอะ

ขอบคุณ 1. อ.ซอบีเราะห์ มากครับที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเพิ่มเติมข้อมูล

นี่แหละมนุษย์ มักจะค้นหาสิ่งไกลตัว และมักจะมองข้ามสิ่งใกล้ตัว แต่สุดท้ายสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวนั่นแหละก็คือสิ่งที่มีค่ามากที่สุด น้ำนมแม่นั้นมีคุณค่าทั้งทางร่างกายและไออุ่นจากอ้อมกอดแม่มีคุณค่าทางจิตวิญญาณของลูกมากๆ คิดถึงคุณแม่ขึ้นมาทันทีเลยค่ะ ให้นมในระเวลาแค่2ปี แต่ให้ความรักทั้งชีวิตที่แม่มี แล้วพวกเราละค่ะให้อะไรกับแม่บ้าง?

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท