เราเคยได้ยิน นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่ากันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ในเวอร์ชั่นเก่า ๆ เขาเล่าว่า
กาลครั้งหนึ่ง…
เจ้าเต่ากับกระต่ายเถียงกันว่าใครเร็วกว่ากัน
ทั้งคู่จึงตกลงที่จะวิ่งแข่ง
ก็มีการกำหนดเส้นทางวิ่งแล้วก็เริ่มการแข่งขัน
เจ้ากระต่ายนำโด่งมาไกลก็เลยชะล่าใจ
คิดว่าพักผ่อนใต้ต้นไม้ซักกะแป๊บนึงก่อนแข่งต่อก็คงดี
ไปๆมาๆก็ง่วงสิ ตื่นมาอีกทีเจ้าเต่าก็คว้าแชมป์ไปแล้ว
นิทานตอนนี้สอนให้รู้ว่า ช้าๆแต่มั่นคงสามารถเอาชนะได้(เหมือนกัน)
นี่เป็นเวอร์ชั่นเดะๆที่เราคุ้นหูกัน
ไม่นานมานี้มีคนเล่าเวอร์ชั่นใหม่ที่น่าสนใจให้ฟัง
ขอเล่าต่อเลยนะค่ะ.................................
เจ้ากระต่ายสันหลังยาวก็อารมณ์บ่จอยตามระเบียบที่แพ้
มันจึงค้นหาจุดอ่อนของตนเอง
มันก็พบว่าความมั่นใจในตัวเองเกินไปบวกกับความขี้เกียจ
ของมันนั่นแหละที่ทำให้แพ้
ถ้ามันไม่เผลอหลับซะอย่าง เต่าหน้าไหนจะเอาชนะมันได้
มันจึงขอแก้ตัวใหม่อีกครั้ง
กระต่ายพูดว่า : “เฮ้ย..เมื่อกี๊ฟลุ้คอ๊ะป่าว แน่จริง..ใหม่เด่ะ” เจ้าเต่าก็ตกลง
เต่า พูดว่า : "ย่อมได้ไอ้น้อง”....
แน่นอนว่าครั้งนี้ เจ้าเต่าโดนทิ้งไม่เห็นฝุ่น กระต่ายชนะขาดลอยเลย
เราได้ข้อคิดอะไรล่ะ...
ต่อให้ช้าแต่ชัวร์ ยังไงก็แพ้เร็วและสม่ำเสมอ
ถ้าเราเปรียบเทียบคนสองคนในองค์กรของเรา คนนึงช้าจริง
ทำอะไรมีระบบระเบียบแบบแผน แต่ทำอะไรๆไม่เคยพลาด
ไว้ใจได้แน่นอนในผลงานของเขา
เทียบกับอีกคนนึงที่เร็วและก็พอไว้ใจได้ในสิ่งที่เขาทำ
คนที่เร็วกว่ามักจะประสบความสำเร็จมีความเจริญก้าวหน้าในองค์กรนั้นๆมากกว่า
(ซิกแซกไม่เป็น อะไรลัดได้ เร็วได้ก็ไม่กล้าเสี่ยงไม่กล้าทำผลงานก็เลยน้อยมั้ง)
ไอ้ช้าแต่ชัวร์น่ะมันก็ดีอยู่หรอก แต่ให้เร็วและพอใช้ได้นี่ดีกว่า....
ยังค่ะยัง...เรื่องยังไม่จบแค่นี้นะค่ะมาดูต่อ....
เมื่อเจ้าเต่าแพ้ ก็ทำให้ตัวเองได้คิดว่าจะต้องทำอย่างไร
คราวนี้ถึงทีเจ้าเต่ามาหาจุดบกพร่องของตัวเองบ้าง และมันก็พบว่า
เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะชนะกระต่ายในเส้นทางการวิ่งแบบที่เป็นอยู่นี้
มันก็คิดอยู่ซักครู่หนึ่งก็ไปท้ากระต่ายแข่งใหม่
เต่าพูดว่า : “ขอเปลี่ยนเส้นทางวิ่งซะหน่อย”
เจ้ากระต่าย : “ย่อมได้อยู่แล้วเพ่”
พอการแข่งเริ่มปุ๊บ เจ้ากระต่ายก็ใส่เกียร์ห้าออกไปเต็มสปีดเลย
จนกระทั่งไปถึงระหว่างทาง “เฮ้ย!!!..เวรกรรม ต้องข้ามแม่น้ำ ทำไงดีล่ะตู...”
เส้นชัยอยู่ไม่ห่างจากฝั่งตรงข้ามเท่าไหร่เลย
เจ้ากระต่ายมัวแต่เง็งว่าจะทำไงดี
จนเจ้าเต่าคืบคลานมาทันแล้วก็จ๋อมลงน้ำว่ายข้ามฝั่งไปเข้าเส้นชัย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า....
พิจารณาจุดแข็งของตนให้ดีแล้วพยายามเปลี่ยนสนามการแข่งขันให้
ตนเองได้เปรียบมากที่สุด
ย๊างงง ยังไม่จบ นะคะ มีต่อ.... อิอิ
ด้วยน้ำใจนักกีฬา ครั้งนี้เจ้าเต่ากับกระต่ายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว
ต่างคนต่างมาระดมสมองคิดด้วยกัน หากทั้งสองร่วมมือกัน
การแข่งแบบเมื่อครั้งล่าสุดจะช่วยให้ทำเวลาได้ดีขึ้น
ดังนั้น พวกมันจึงคิดจะแข่งอีกครั้ง แต่แข่งคราวนี้เป็นแบบทีมเวิร์ค
เริ่มต้นเจ้ากระต่ายก็แบกเต่าวิ่งไปด้วยความเร็วสูง จนถึงริมแม่น้ำ
เจ้าเต่าก็ให้กระต่ายขี่หลังว่ายข้ามไป
พอข้ามฝั่งเจ้ากระต่ายก็แบกเจ้าเต่าวิ่งต่อจนเข้าเส้นชัยด้วยกัน
ผลการแข่งครั้งนี้สร้างความพึงพอใจให้กับทั้งสองฝ่าย(ตัว)มากกว่า
การแข่งครั้งก่อนๆหน้านี้
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า....
การมีจุดแข็งและความสามารถโดดเด่นเฉพาะตัวเป็นสิ่งที่ดี
แต่หากไม่รู้จักทำงานร่วมกับผู้อื่น
ยังไงก็ไปไม่รอด เพราะมันจะมีบางสถานการณ์ที่เราเจ๋งคนอื่นเจ๊ง
ในขณะที่บางสถานการณ์เราเจ๊งแต่คนอื่นเจ๋ง
ทีมเวิร์คสำคัญตรงที่การกำหนดผู้นำให้เหมาะกับสถานการณ์
ให้ผู้ที่มีความถนัดกับสถานการณ์นั้นๆเป็นผู้นำกลุ่มในแต่ละช่วง
สถานการณ์ที่เหมาะกับความสามารถของเขา
นอกจากนี้เรายังได้บทเรียนอีกอย่างหนึ่งด้วยว่า ไม่ว่าเต่าหรือกระต่าย
ไม่มีใครที่คิดเลิกล้มหรือท้อแท้หลังจากความความล้มเหลวได้เกิดขึ้น
กระต่ายแก้ไขจุดบกพร่องของตนเองโดยการทำงานที่หนักขึ้น
และเพิ่มความมุมานะในงานของตนเองหลังจากพบความล้มเหลว
ส่วนเต่าได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของตนใหม่
เพราะตัวมันเองได้ทำงานหนักที่สุดเท่าที่มันจะสามารถทำได้แล้ว ในชีวิต
เมื่อเราพบกับปัญหาหรือความล้มเหลว
บางครั้งเราก็ควรจะทำงานให้หนักขึ้นและมีความเอาใจใส่ในงานมากกว่าเดิม
บางครั้งก็ควรเปลี่ยนแผนการทำงานและทดลองในสิ่งใหม่ๆที่แตกต่างออกไป
และในบางครั้งก็จำเป็นต้องทำทั้งสองอย่างเลย
นอกจากนั้น กระต่ายกับเต่าก็ได้บทเรียนที่สำคัญอีกอย่างคือ
เมื่อเราหยุดการแข่งขันกับตัวบุคคล
แล้วหันมาแข่งขันกับสถานการณ์แทน พวกมันจะทำงานได้ดีขึ้นมาก
ปล. อ่านเรื่องนี้ จากเว็บ อารมณ์ดี ชอบนะค่ะ เลยนำมาเล่าต่อให้ฟัง อิอิ
เห็นด้วยครับ ความสามารถเฉพาะตัว กับ ทีมเวิร์ค บูรณาการใช้ความสามารถของสมาชิกให้เหมาะสม เหรียญทองโอลิมปิคแน่นอน
สวัสดีค่ะ ท่านผอ.ประจักษ์
แหม ราณีก็ว่างั้น นะคะ ถ้าเรามีทีมเวิร์คที่ดี เรื่องเหรียญทองไม่เกินเอื้อมแน่นอน อิอิ ขอบคุณนะคะ ที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนค่ะ
คนอารมณ์ดีก็เลยอ่านเว็บอารมณืดี อีกหน่อยก็เขียนเรื่องอารมณ์ดีซะเองเลย อิอิ
นิทานอะไร สอนตั้งหลายเรื่อง อิอิ
ว่างๆฟังเรื่องกระต่ายของจอมป่วน อิอิ คอยทวงเองก็แล้วกันนะ
มาอ่านแล้วเพื่อน อิอิ..ลักษณะคุ้นๆเหมือนที่ไหนน๊า....
เข้ามาอ่านนิทาน สนุกดี.... และขออนุญาตต่อนิทานออกไปอีกนิด...
แม้ว่ากระต่ายและเต่าจะตกลงกันได้โดยทำงานร่วมกันเพื่อความสุขสงบและผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แต่ในใจส่วนลึกทั้งสองก็ยังคงต้องการความเป็นเลิศ จึงพยายามอบรมพวกลูกๆ ด้วยความหวังว่าจะชนะอย่างเด็ดขาดในรุ่นต่อไป....
แต่ผลปรากฎว่ากลับตาลปัต กล่าวคือ เจ้ากระต่ายน้อยและเจ้าเต่าจูเนียร์ ไม่นำพาคำแนะนำสั่งสอนของบรรพชน กลับไปมั่วสุ่มอยู่แต่ร้านเกมส์ ...
วันหนึ่งกระต่ายกับเต่าชราทั้งสอง จึงมานั่งถอดถอนใจร่วมกันว่า ลูกหลานสมัยนี้ มันล่วงเลยยุคเราไม่เสียแล้ว ไม่สนุกเหมือนยุคเราเลย...
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ปัญหาและการต่อสู้ของชนรุ่นหนึ่ง มิใช่ว่าจะตกทอดไปสู่ชนอีกรุ่นหนึ่งเสมอไป.... (จบ)
เจริญพร
สวัสดีค่ะ
ไม่ได้เข้ามาคุยด้วยนานมาก ยังจำกันได้ไหมคะ
สามัคคีคือพลังยังใช้ได้ผลเสมอในทุกสถานการณ์
ให้ข้อคิดได้เยอะเชียวค่ะ ขอบคุณนะคะ
คิดถึงนะคะ มีความสุขกับทุกวันค่ะ
อ่านแล้วมีลุ้นตลอดเรื่อง..ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะนะคะ...ไปตามกำลังความสามารถเฉพาะตัว...ชอบตอนสรุปค่ะ เมื่อเราหยุดการแข่งขันกับตัวบุคคล
แล้วหันมาแข่งขันกับสถานการณ์แทน พวกมันจะทำงานได้ดีขึ้นมาก
ชอบความเห็นของพระอาจารย์ ด้วยค่ะ
จะแข่งขัน ต่อสูู้่ สู่ที่หมาย
ต้องขนขวาย ชนะตัว ใช่มัวหวัง
โกงผู้อื่น เพื่อมีชัย ไม่จีรัง
ถึงทีหลัง แต่ได้สู้ คือผู้...ชนะใจ
รพี กวีข้างถนน
ขอบคุณค่ะ คุณพี่ Ranee ได้ข้อคิดมากเลยค่ะ เลือกได้ยังขอเลือกเป็นเต่ามากกว่ากระต่ายค่ะ
สวัสดีค่ะ
นิทานอะไร สอนตั้งหลายเรื่อง อิอิ
ว่างๆฟังเรื่องกระต่ายของจอมป่วน อิอิ คอยทวงเองก็แล้วกันนะ
555+ นิทานนี้แหละ แหมจะนิทานอะไรได้ อิอิ. ที่สอนหลายเรื่องก็เพราะมีหลายภาคเหมือนมังกรหยกมั้ง คริๆ
แหมจะรอฟังนะ สงสัยคนบอกจะลืมเองซะแล้ว ต้องนำไปเล่าที่สวนป่านะคะเรื่องกระต่ายของจอมป่วนเนี่ย หุหุ เดี๋ยวจะให้เหล่านักการทวงนะคะ
ขอบคุณมากครับ ที่นำมาเผยแพร่ ขอบคุณครับ
แหมมีแซวนะว่าเหมือนที่ไหน น๊า อยากรู้จัง บอกหน่อยดิ อิอิ อย่างนี้ต้องมีเฉลย ถึงเชื่อ คริๆ
สวัสดีเจ้าค่ะ น้าราณีจ๋า
คิดถึงงงงงงงงงงง เลยต้องแวะมาอ่านนิทาน ง่วงอีก หาววววววว ไปนอนต่อดีก่า 555++ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ
เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ ---> น้องจิ ^_^
กราบนมัสการค่ะ
อ่านที่ไปก็ชอบค่ะ ที่ท่านพระอาจารย์ต่อนิทานให้ ดีค่ะ กระจกสะท้อนหลาย ๆ ด้าน ต้องมีซักด้าน ที่มีคนเห็นบ้าง
นิทาน... เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ปัญหาและการต่อสู้ของชนรุ่นหนึ่ง มิใช่ว่าจะตกทอดไปสู่ชนอีกรุ่นหนึ่งเสมอไป.(จบ)
จริง ๆ แล้วเด็ก ๆ สมัยนี้ (บางกลุ่มนะคะ)ถูกเลี้ยงดูแบบตามใจ พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแล อยู่กับวัตถุ มีเกมส์อยู่เป็นเพื่อน เลย มักทำอะไรตามใจตัวเอง ขาดความยับยั้ง ชั่งใจ ทำให้บางครั้งก็สายเกินไป บางคนก็คิดได้ น่าสงสารอนาคตของชาตินะคะ
สวัสดีค่ะครูตุ๊กแก
จะจำครูคนสวยไม่ได้ค่ะ อิอิ คิดถึงเสมอค่ะ ช่วงนี้ใกล้เปิดเทอมแล้วใช่ไหมค่ะ งานคงเยอะแน่เลยค่ะ
เห็นด้วยค่ะสามัคคีคือพลัง จริงๆ ด้วยค่ะ คนเราถ้ายอมรับจุดเด่นของคนอื่น แล้วนำมาเสริมจุดด้อยของตนเอง หรือรู้จักที่จะยกย่องคนอื่นได้บ้าง คนเราจะอยู่กันอย่างมีความสุขนะคะ (เติมในส่วนที่ขาด ดีกว่าฟาดฟันแล้วแพ้ทั้งสองฝ่าย )
อยากบอกว่าระลึกถึงเสมอนะค่ะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์ จันทรรัตน์
อาจารย์สบายดีไหมค่ะ ดีใจที่จะได้เจอกันที่สวนป่านะคะ
ไม่ใช่แต่อาจารยจะลุ้น ตอนราณีอ่านก็ลุ้นเหมือนกัน ชอบที่เขานำมาเปรียบเทียบ ทำให้เราสะท้อน และมองเห็นภาพได้ค่ะ สถานการณ์ในยุคปัจจุบัน เปลี่ยนเร็ว มองมุมเดียวก็ไม่ได้ แต่ละมุมก็สะท้อนออกมาไม่เหมือนกันอยู่ที่เราเลือกมุมที่เหมาะกับเรา สถานการณ์ในเวลานั้น ๆ
ชอบที่พระอาจารย์เขียนมาเหมือนกัน สะท้อนภาพสังคมยุคปัจจุบัน ที่เปลี่ยนไปได้เป็นอย่างดี
ขอบคุณมากนะคะ ที่แวะมาเยี่ยมเยียนค่ะ
สวัสดีค่ะน้องพนัส
ขอบคุณมากๆ นะค่ะที่จะนำไปเผยแพร่ให้เขาได้คิด และนำไปประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์
ขอให้มีความสุขกับการทำงานทุก ๆ อย่างนะคะ เห็นภาพสามเณรน้อย แล้วยิ้มอย่างมีความสุข สุขใจแทนคนเป็น พ่อกับแม่จริง ๆ ค่ะ
ผ่านมาแถวนี้ต้องบอกนะ อย่าลืมละคะ แวะมาด้วย ยิ่งพามาทั้งครอบครัวยิ่งดีค่ะ คิดถึงเสมอนะคะ
สวัสดีครับคุณราณี
เข้ามาปรบมือให้เต่า และกระต่ายครัีบ การแข่งขันที่ผิดสนามน่าสนใจครัีบ หากทั้งสองแข่งขันกันวิ่งลงเหว ก็น่าคิดเหมือนกันครัีบ
โลกยุคนี้เป็นยุคแข่งขันกันจริงๆนะครัีบ อะไรๆ ก็จับเข้าลู่วิ่งหมดเลยครัีบ อะไรไม่เป็นตัวเลขก็แปลงให้เป็นตัวเลขเพื่อจะได้เข้าลู่วิ่งแข่งกันได้อีกครัีบ
ขอบคุณมากครัีบ สำหรัีบเต่ากับกระต่าย คนเราละครัีบ เป็นอะไรกันแน่ครัีบ
สวัสดีค่ะคุณ รพี กวีข้างถนน
จะแข่งขัน ต่อสูู้่ สู่ที่หมาย
ต้องขนขวาย ชนะตัว ใช่มัวหวัง
โกงผู้อื่น เพื่อมีชัย ไม่จีรัง
ถึงทีหลัง แต่ได้สู้ คือผู้...ชนะใจ
เห็นด้วยอย่างยิ่งสำหรับกลอน ขอบคุณสำหรับกลอนที่เพราะๆ ถ้าคนเรารู้จักรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย หันหน้าเข้าหากัน ไม่ว่าที่ไหน ก็จะสงบสุข ได้ อิอิ.
ขอบคุณมากนะคะ ดาวลูกไก่ ชื่นชมยินดี
แหมอยากเป็นเต่า อิอิ แถมมีรูปประกอบ kick me ด้วย ดูไป ก็ขำไป 555+
คนเราจะเป็นอะไรก็อยู่ที่เราเลือก และตัดสินใจ ขอเพียงล้ม แล้วลุกขึ้นอย่างสง่างามก็พอ เมื่อพร้อมเราก็กล้าเดินได้อย่างมั่นคง
สวัสดีค่ะพี่ สิทธิรักษ์
สวัสดีค่ะ Pee_NId คนสวย แซ่เฮ
แหมบอกมาหลายข้อเชียว แต่อ่านก็ยังงงๆ นะคะ อิอิ
จริง ๆ ทุกองค์กรก็หวังอยากให้บุคลากรรู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่แล้วค่ะ แต่อยู่ที่บุคลากรในองค์กรมีความคิดแตกต่างกันออกไป อาจมีเป้าหมายในแต่ละคนไม่เหมือนกัน เลย เหมือนต่างคนต่างเดินกันนะคะ ตัวเราเท่านั้นที่รู้ตัวเราเป็นอย่างไร เริ่มจากตัวเราเองเลยค่ะพี่นิด ทำให้ดี ไปสู่สิ่งที่หวังได้ไม่ยาก
แต่ข้อสุดท้ายที่พี่นิดบอกไม่กลัวการเริ่มต้นใหม่ แต่ก็ไม่ชอบ เพราะเสียเวลาปลุกปล้ำใหม่ แต่ราณีอ่านแล้วก็งง แต่กลับมองว่าเป็นการพิสูจน์ตัวเราเองในการทำงาน เพราะเราสามารถแยกแยะได้ ว่าที่ทำอันเก่านั้น หรืออันใหม่ถูกผิด ดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น สามารถนำไปประยุกต์ต่อยอดได้หรือไม่ ต่อไปเราก็จะระวังได้ดีขึ้น ต่อยอดได้เรื่อย ๆ อิอิ.(ไม่ร้ผิดถูกประการใด ยังไงขออภัย ณ ที่นี้ด้วยจ้า)
หวัดดี โก๊ะจิจัง แซ่เฮ ^๐^!
อิอิ อุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาอ่านนิทาน ก๊ากส์ๆๆๆ อ่านไปดันง่วงซะนี่ ขอบใจมากนะจ้ะ ที่แวะมาทักกัน รักษาตัวเองนะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงปีนต้นไม้ ที่สวนป่า 55555555+++++
สวัสดีครับ
ข้อความที่อ่านนั้นมีประโยชน์มากเลยค่ะทำให้คนเราได้รู้จักมองตนเองได้ว่าควรทำงานเป็นทีมจึงจะประสบความสำเร็จ
สวัสดีค่ะคุณเม้ง
แหมเข้ามาถึงก็ปรบมือให้เต่า และกระต่ายเลยนะคะ คนเราเลือกที่จะทำให้ตัวเองดีขึ้น ได้นะคะ แต่คงไม่มีใครอยากวิ่งลงเหว เมื่อรู้ว่าตรงนั้นเป็นเหว หรือว่าคุณเม้งเคยลองค่ะ อิอิ( ล้อเล่นเด้อค่ะ)
ชีวิตคนเราก็เปรียบเหมือนการแข่งเหมือนกัน อยู่ที่ใจเราจะแข่งกับคนอื่นหรือแข่งกับตัวเอง ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะชนะหรือแพ้ แต่การแพ้ ถ้าเราไม่ลุก และย้อนกลับไปแก้ไข คุณจะแพ้ไม่มีวันสิ้นสุด ตัวเลขก็เป็นสิ่งที่เราสมมติขึ้นเท่านั้น ขอบคุณมากนะค่ะ ที่แวะมาเยี่ยมเยียน ถ้าเป็นคุณเม้ง อยากเป็นอย่างไรค่ะ
สวัสดีค่ะผอ. นายประจักษ์
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยีนกันอย่างสม่าเสมอนะคะ อยากเห็นรูปจังเลย อิอิ แต่ไม่เห็นก็จินตนาการก็ได้ค่ะ
แวะเข้ามาอ่านอีกรอบ เพราะผมไปนึกว่าถ้าเจ้าสองตัวนี้วิ่งแข่งกันลงเขานะ ใครจะชนะ
แต่ผมไปถามเต่ามาแล้ว แกบอกว่าเคยแข่งกันแล้ว กระต่ายมัวแต่เบรคเพราะกลัวตกเขา
แต่เต่าหดคอหดขา กลิ้งลงเขา เร็วแบบซิ่งๆกลิ้งลุ่นๆ เลยชนะด้วยประการะชะนี้แล
สวัสดีค่ะครูเก่า
แหม เล่นไปเป็นจุดตรวจบนเขา แถมแอบถามเต่าก่อนนี่เอง อิอิ สถานการณ์ เป็นใจอย่างนี้นี่เอง 555+
ขอบคุณนะคะที่แวะมาเยี่ยมเยียนกันเสมอคะ มาพิษณุโลกคราวหน้าอย่าลืมแวะมาบอกที่บันทึกก่อนได้นะคะ
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องดีดีมีคติสามารถนำไปเล่าต่อได้
สงสัยฉันเป็นกระต่ายแน่ๆ แต่ฉันไม่ได้งีบหลับ ฉันหยุดเพื่อทบทวนตัวเองว่าสิ่งที่ฉันทำ มันถูกหรือผิด พอฉันรู้ตัวว่าผิด ฉันก็กำลังหาทางแก้ไขอยู่ เหมือนฉันเดินหลงทางอยู่ในเขาวงกต แต่ฉันกำลังหาทางออก ที่ดีที่สุดให้กับตัวเองอยู่ จริงๆแล้ว การปรึกษาผู้รู้ที่ยืนอยู่ดูฉันข้างนอกเขาวงกต มันหน้าจะช่วยให้ฉันหาทางออกได้เร็วกว่านี้ แต่ถ้าไม่เรียนรู้ด้วยตัวของเราเอง ฉันคงไม่เข้าใจ และแก้ปัญหาได้ไม่ตรงจุด ฉันเชื่อ ว่าถ้าฉันกลับไปขอโทษอย่างจริงใจ ฉันจะได้รับการให้อภัยใช่ไหมคะ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนกันนะคะ และราณีดีใจที่สิ่งที่นำมาฝากนั้นเป็นประโยชน์สำหรับคุณโสภิต ที่จะใช้ในการวิเคราะห์ตน และทีมงาน การทำงานก็ขึ้นอยู่กับงานที่ทำและสถานการณ์ด้วยค่ะ ว่าควรทำงานเป็นทีมหรือคนเดียว งานจึงจะสำเร็จ อิอิ