"จะพูดจะจาอะไรให้คิดก่อน พูดแล้วเอากลับมาไม่ได้ จะพูดให้พูดคำพูดดี ๆ ให้คนสบายใจ ดีกว่าทำให้คนทุกข์ใจเพราะคำพูดตามใจตามอารมณ์ของเรา”
"ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้พูดชั่วตัวตายทำลายมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา"
จากนิราศภูเขาทอง
ของสุนทรภู่
คนไม่มีรากเป็นแฟนประจำและติดตามอ่านเรื่อง ครูดี
“ครูเพื่อศิษย์”
ของท่านอาจารย์ Lin Hui ทำให้สำนึกและตระหนักถึงความสำคัญของ
“คำพูด”
ท่าน ศาสตรจารย์ พันเอกพิเศษ พูนพล
อาสนจินดา ซึ่งเป็นอาจารย์ของอาจารย์
Lin Hui
เป็นตัวอย่างที่คนไม่มีรากชื่นชม...เมื่อลูกศิษย์หลับในชั้นเรียน
ท่านไม่ดุ แต่กลับพูดว่า “ออกไปล้างหน้าล้างตาเสียหน่อยจะรู้สึกดีขึ้นนะ
แล้วเราค่อยมาเรียนต่อพร้อมๆกัน”
ดูเถอะ...คำพูดเต็มไปด้วยความเข้าใจและเมตตาขนาดนี้ ลูกศิษย์จะไม่รัก
ไม่ระลึกถึงแม้ท่านจากไปแล้วได้อย่างไร
เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา เพื่อนรักสองคนมาคุยกันที่บ้านคนไม่มีราก
เนื่องจากสะดวก และผู้ใหญ่ในบ้าน (พี่สาว) ก็ใจดี
ต้อนรับขับสู้เพื่อนของน้องสาวทุกคน
ทำให้ยิ่งเห็นความสำคัญของคำพูดมากขึ้นไปอีกเป็นทวีคูณ
พ.1 เกลียดจัง
คนอะไร... คนพูดตาแดง บวมตุ่ย เสียงเครือ
พ.2
เกลียดใคร...อ้าวร้องไห้อีกละ
คนไม่มีราก ....
ยิ้มให้กำลังใจเพื่อน ส่งทิชชู่ให้ซับน้ำตา
พ.1
แม่ผั...ฉันสิยะ กระแทกเสียง
วุ่นวายกับการซับน้ำมูก น้ำตา
พ.2
แกก็งี้...กับคุณแม่สามีก็ยอม ๆ
หน่อยสิว้า...รักลูกชายเขานี่...
พ.1
ไม่รู้จะจิก...ฉันไปถึงไหน
คอยดูฉันจะให้...ย้ายออกมาอยู่กันเอง
ดีกว่า ปล่อยคนแก่ใจร้ายอยู่คนเดียวไปเลย... ชักอารมณ์เดือดกรุ่น
พ.2 อะไรว้า...จนมีลูก 2
คนแล้ว ยังไม่เลิกเล่นงานอีกหรือ...
พ.1
ใช่สิ...มีหลานให้แล้วทั้งผู้หญิงผู้ชาย...ตอนนี้ว่าฉันสั่งสอนลูกไม่ดี
ลูกดื้อ
ไม่มีสัมมาคารวะ.. พอจะสอนก็ไม่ให้ว่าหลานแก...ไม่รู้จะเอาไง...ฮือ ๆ
ๆ... สถานการณ์ตึงเครียด
ยิ่งพูดยิ่งคับแค้นใจ
คนไม่มีราก ใจเย็น
ๆ... แกเป็นคนพูดจาแบบนี้เองมั้ง ...
อย่าถือสาเลย...
ลูบหลังลูบไหล่ ให้แขนเสื้อเป็นที่ซับน้ำตาเพื่อน
พ.1
หล่อนก็พูดได้สิ...ไม่เจอเองนี่ ฉันเจอวันละ 24 ชั่วโมงนะโว้...ทีกับ
คนอื่นแกพูดดีนะ..กับฉันคนเดียวนี่แหละ...ฮือ...
พ.2 ใช่ ๆ
บอกสามีหล่อนออกมาอยู่เองดีกว่า บ้านก็ซื้อไว้นานแล้วไม่ใช่
หรือ..ออกมาเลย... เสียงยุส่ง
ฟ้งแล้วก็อดที่จะเห็นใจเพื่อนไม่ได้ เพื่อนคนนี้แต่งงานมา 7
ปีแล้ว มีปัญหากับแม่สามี ซึ่งมีลูกชายคนเดียวที่แสนแหนหวง
คนมาเป็นลูกสะใภ้จึงโดนตั้งแง่ ตั้งแต่เป็นแฟนยันแต่งงานจนมีลูกถึง 2
คนแล้ว
ปัญหามันอยู่ที่ว่า ไม่มีใครยอมปรับตัว
คุณแม่สามีก็บ่นตามประสาคนสูงอายุและรักลูกหลาน แม่เพื่อนรักก็เป็นคนรักสบาย
ไม่ค่อยเป็นแม่บ้านแม่เรือน
ส่วนคุณสามีของเพื่อนก็ไม่หากลยุทธ์ให้เกิดความปรองดองของแม่และภรรยา
แล้วนี่ถ้าไม่สามารถประนีประนอมกันได้
ก็คงต้องลำบากยุ่งยากทุกฝ่าย เพราะคุณแม่สามีก็อายุมากแล้ว
จะอยู่คนเดียวได้อย่างไรกัน ลูกชายก็คงอึดอัดใจ นั่นก็แม่ นี่ก็ภรรยา
ส่วนเพื่อนรักก็คงต้องเหนื่อย
เพราะทำงานนอกบ้านต้องหาคนมาเฝ้าบ้านและช่วยเลี้ยงลูกอีก
ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น ความสะดวกก็น้อยลง
ไม่มีข้อดีสักอย่างเดียวเลย
อดคิดไม่ได้ว่า
ทำไมหนอ...เมื่อยังมีชีวิตอยู่ร่วมกันจึงไม่ชื่นชมและใช้เวลาด้วยกันอย่างมีความสุข
แต่มักจะทำร้ายกันด้วยคำพูดและการกระทำ
เคยอ่านพบมานานแล้วว่า “มนุษย์ก็อุปมาเหมือนไก่ที่เจ้าของเลี้ยงไว้ในเล้า
รอวันจะจับขึ้นมาเชือดเป็นอาหาร
แต่ไก่ในเล้านั้นหาได้สำเหนียกไม่
ยังคงจิกตีทะเลาะกันวุ่นวายอยู่นั่นเอง
ไม่รู้เลยว่ามัจจุราชกำลังจะมาเยือนเมื่อไหร่”
นึกถึงคำสอนของแม่ที่ว่า “จะพูดจะจาอะไรให้คิดก่อน
พูดแล้วเอากลับมาไม่ได้ จะพูดให้พูดคำพูดดี ๆ ให้คนสบายใจ
ดีกว่าทำให้คนทุกข์ใจเพราะคำพูดตามใจตามอารมณ์ของเรา”
บางคนบอกว่า พูดอะไรต้องตรงกับใจ
ไม่ชอบคนปากหวานก้นเปรี้ยว คนไม่มีรากก็ยิ้ม ๆ
ปากหวานไม่ก้นเปรี้ยวก็มีนะ
ไม่จำเป็นต้องปากหวานก้นเปรี้ยวเสมอไปหรอกน่า…
และถึงแม้จะปากหวานก้นเปรี้ยว ก็ยังถือว่า เป็นคนมีธรรมะในข้อ
ความเมตตา
เพราะไม่ทำให้คนทุกข์เพราะคำพูดที่ไม่จรรโลงใจ
ไม่ประเทืองอารมณ์
หลักจิตวิทยาอธิบายว่า
คนมักสร้างเกราะขึ้นมาป้องกันตัวเอง คนอ่อนไหว ใจดี
มักจะต้องป้องกันตัวเองและปกปิดความอ่อนไหวของตัวเองไว้ด้วย...คำพูดที่ห้วนกระด้าง
เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาใจอ่อน
อ่อนไหวง่าย
หันกลับไปยิ้มแล้วก็ปลอบเพื่อนรักอีกที
... “อดทนหน่อยจ้ะ...คนปากร้าย
มักจะใจดีนะเธอ...จริง ๆ นะจ้ะ...”
อ้างอิง
http://gotoknow.org/blog/remotesensing/180858
http://gotoknow.org/blog/remotesensing/181036
http://gotoknow.org/blog/remotesensing/181366
ขอบคุณ
สำหรับความเอื้อเฟื้อของครูมิมและคุณกวิน
ที่ช่วยหากลอนนิราศภูเขาทองประกอบบันทึกนี้