น้องเดมตั้งแต่คลอดมา จนปัจจุบัน 8 ขวบกว่าแล้ว เคยนอน รพ.ด้วยอาการท้องเสียและไข้สูง เพียงครั้งเดียว เมื่อตอนขวบกว่า ๆ จากนั้นก็มีป่วยบ้างก็เพียงไข้หวัด อาการอย่างนี้ผมดูแลเองได้ น้องเดมไม่เคยไปใช้บริการที่คลินิกเอกชน หากไปก็จะเป็นสถานีอนามัย (ด้วยความภูมิใจ) เท่านั้น เพื่อรับยาที่ผมมาดูแลต่อได้เอง เช่นยาลดไข้ หรือยาละลายเสมหะ เป็นต้น และที่สำคัญ (ก็ว่าได้) ผมยังใช้ภูมิปัญญาของคนเฒ่าคนแก่ในการดูแลน้องเดม เวลามีไข้ เช่น ต้มใบมะขามกับหอมหัวแดงให้อาบเพื่อลดอาการคัดจมูก หลังหายไข้ เป็นต้น
ภาพตอนน้องเดมได้รับของขวัญจากป้าอร เมื่อ 30 ม.ค.49 |
หากเวลามีไข้น้องเดมส่วนใหญ่จะมีไข้สูง (มาก) แต่ก็มักจะไข้อยู่เพียงคืนเดียวเท่านั้น สำหรับพ่อแล้ว น่ากลัวและตกใจตรงที่ลูกเราไข้ขึ้นและเพ้อ พูดอะไรออกมาสารพัด เพราะไข้สูง โชคดีของผมมาก หรืออาจจะเป็นเพราะน้องเดมรู้ว่าพ่อไม่ค่อยมีเวลาสำหรับเขามาก เขาจึงไม่ค่อยป่วยเป็นอะไร หากเทียบเคียงกันแล้ว ในรุ่นราวคราวเดียวกัน ถือว่าสุขภาพดีมาก ในทุกมิติทีเดียว แต่เป็นมุมมองจากพ่อ หากจากตัวตนเขาเอง อันนี้ยังตอบแทนน้องเดมไม่ได้ แม้น้องเดมจะบอกว่า “มีความสุขค่ะ” เสมอ ก็เถอะ
เวลาน้องเดมมีไข้ผมมีอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่ทราบจะเหมือนคนอื่น ๆ ไหมในการดูแล คือคืนที่น้องเดมมีไข้สูง เขาจะนอนบนตัวผม บนหน้าอก นอนโดยทุกส่วนของร่างกายอยู่บนตัวผม แม้ครั้งหลังสุดสักประมาณ 3 เดือนมานี่ก็ยังทำอย่างนี้ ในปัจจุบันผมรับรู้ได้ว่าน้องเดมตัวหนักมาก แต่ก็ยังทำอย่างนั้น ฉะนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ที่สามารถกลับไปที่น้องเดมได้เมื่อทราบว่ามีไข้ ผมก็จะไปทันที เพราะรู้ว่าเขาจะต้องการนอนอย่างนี้ นั่นหมายถึงผมจะไม่หลับเลย และจะรับรู้ตลอดเวลาว่ามีไข้ขึ้นไหม ก่อนจะได้จัดการเช็ดตัวอย่างถูกวิธี บางครั้งขณะเช็ดตัวก็ยังมี “เพ้อ” ออกมา (ยิ้ม) เพราะสิ่งที่เพ้อ (พูด) ออกมานั้น บางเรื่องอยู่ในใจลึก ๆ ของเขา โดยที่ได้ยินบ่อยคือ “พ่อ...ไปไหน” ทั้ง ๆ ที่อยู่ต่อหน้า
การนอนบนตัวผมเวลามีไข้สูง เป็นท่านอนที่สบายที่สุด (มั้ง) รู้แต่ว่าน้องเดมเองก็ต้องการนอนอย่างนี้ โดยไม่ต้องพูดกัน เมื่อมีไข้ขึ้นมา เขาจะให้อุ้มอยู่ในอกตั้งแต่เล็ก ๆ เมื่อนอนก็ใช้วิธีผมเอนตัวลง แล้วเขาก็นอนลงบนผมโดยอัตโนมัติ ตอนหลัง ๆ เมื่อโตขึ้น เขาจะป่ายขึ้นมานอนเอง ก็ไม่นึกว่าเขาจะนอนอย่างนี้อีกเวลามีไข้ จนติดเป็นนิสัย แต่ก็ไม่บ่อยนักในการมีไข้ เพียงแต่ทำอย่างนี้ทุกครั้ง และน้องเดมเป็นศูนย์กลางครับ “สบายตัว” น้องเดมบอกไว้อย่างนี้
ผมมองว่าการที่น้องเดมนอนบนตัวผมเวลามีไข้ขึ้นมีข้อดีมากกว่าเพียงการแบ่งปันอุณหภมิของร่างกายมาให้ผมจัดการ หรือทำให้ผมสามารถรับรู้ได้ในทันทีด้วยว่าขณะนี้ไข้สูงขึ้นอีกไหม เพื่อที่จะได้เช็ดตัว แต่ที่สำคัญผมว่านะ “ความรักและการสัมผัสกัน” น่าจะมีส่วนช่วยลดไข้ได้ด้วย และได้มากทีเดียวโดยอยู่ในส่วน 80% ตามบันทึกหมอรักษาได้ 20% ที่เหลืออีก 80% หายเพราะเหตุอื่น
อ่านแล้วคิดถึงแม่คะ
พี่เม่ยวัดไข้ลูก ด้วยการเอา "แก้ม" ไปแนบตามจุดต่างๆที่คิดว่าจะมีการถ่ายเทความร้อนออกมา เช่น หน้าผาก หลัง ซอกคอ ก็ได้ผลดีค่ะ เครื่องวัดนี้ (แก้ม)มีความไวพอสมควร รู้ได้ทุกทีไปว่า ลูกเริ่มมีไข้แล้วนะ
ส่วนวิธีลดไข้ ก็ใช้ผ้าชุบน้ำเย็น แล้ววางแนบ (ตามซอกแขน ซอกคอ หน้าผาก) สักหนึ่งอึดใจ แล้วเอาผ้าออกมาแนบแก้มเพื่อวัดความร้อนดูว่า ผ้าร้อนมากไหม ถ้าผ้าร้อนมากก็ทำอย่างเดิมอีกรอบค่ะ ทำจนกว่าผ้าจะไม่ร้อน จึงหยุด เสริมด้วยการให้ดื่มน้ำอุ่นทีละน้อย..บ่อยๆ
เวลาลูกไม่สบาย เขาจะบ่นว่าเมื่อไรจะมีไข้ซะที แม่จะได้วัดไข้และเช็ดตัวอย่างที่เล่ามาค่ะ
ตอนนี้หนูเดมหายดีหรือยังค่ะ หากหายดีแล้ว ให้ชวนคุณแม่แมวมาภูเก็ตนะ ป้าอรคิดถึงอยู่ คิดถึงหลานทุกคน แต่ก็หาเวลายากมาก อยากให้มาอยู่ด้วยตอนปิดเทอมน่ะ
แล้วจะพาไปวาดรูปที่ทะเลตามที่สัญญาไว้ค่ะ
ขอบพระคุณทุกท่านที่ได้เข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์อันมีค่า และได้ร่วม ลปรร.กัน หลายท่านที่ลังเลจะแต่งงานดีไหม น่าจะตัดสินใจได้ดีขึ้น หรือที่คิดจะมีลูก (เพิ่มอีก) ดีไหม ก็ทำให้ตัดสินได้คล่องขึ้น (ยิ้ม...ยิ้ม) แต่...โปรดพิจารณา! ข้อมูลแค่นี้ไม่น่าเพียงพอ ข้อมูลนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเล็ก ๆ ที่ช่วยเพิ่มทัศนคติเชิงบวกเท่านั้นนะ
รัก ศรัทธา เชื่อมั่น ให้เกียรติกัน ไม่ครอบครอง ... และไว้วางใจ ต่อกัน --> สำคัญมากกว่าอื่นใด
อบอุ่นเหลือเกินเมื่ออ่านแล้ว อ่านซ้ำ อ่านอีก ขอบคุณที่ได้นำมาถ่ายทอด
ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม เมื่อ พฤ. 30 มี.ค. 19:51:13 2006
ขอบคุณครับที่มองเห็นและยินดีที่รู้สึกว่าได้มีส่วนช่วยให้เกิดความอบอุ่นขึ้นได้ ในสังคมที่เป็นอยู่นี่
ความรัก ความเมตตา ที่อัดแน่นอยู่ภายในใจสื่อออกมาได้มากด้วยสายตา และน้ำเสียง แต่จะให้สมบูรณ์ต้องมีการสัมผัสด้วยเสมอ สัมผัสจะทำให้เราสามารถถ่ายทอดสิ่งที่ละเอียดอ่อนยิ่งออกมาได้ โดยไม่ต้องอธิบาย เพราะบางทีก็ไม่รู้จะอธิบายได้อย่างไร มันเหนือคำบรรยายจริงๆ แต่ผู้รับเขารับรู้ได้เต็มที่เสมอ
อาจารย์ Handy
"สายตา น้ำเสียง และการสัมผัส" ธรรมชาติให้มาพร้อมการเข้า-ถอดรหัส จนได้เป็นการรับรู้กันและกัน วิเศษมากเลยนะครับ
อ่านแล้วปลื้มจ้ง!!! ผู้ชายมีกี่คนที่เข้าใจลูกแบบนี้เน๊อะ...น่ารักจัง...ชอบ ๆ สมแล้วที่เป็นพ่อคน
คุณ"Vij"
อย่างน้อยก็คุณพ่อ (ที่สงขลา)
ท่านหนึ่งล๊ะ ที่เข้าใจลูก ไม่งั้นไม่ยอมให้ลูกขี่คอได้หรอก
(ว่าไหม)
อ้าว! ก็เป็นพ่อคนนะสิครับ
เดมนะเป็นเป็นคนครับ (แฮะ) ยิ้ม ๆ ครับ
คุณ "ชายขอบ"
มิได้หมายความว่ากระนั้นค่ะ...คนบางคนเป็นพ่อ แต่ไม่มีความเป็น "พ่อคน" ก็มีใช่มั๊ยค่ะ
ขอชื่นชมอีกนิด...ลูกสาวน่ารักจังค่ะ...
คุณ Vij
ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้สึกมีคุณค่าในความเป็น "พ่อ" ทั้ง ๆ
ที่ไม่ค่อยได้มีเวลาให้กับลูกเลย
น้องเดมมักจะดีใจเมื่อไปบอกว่ามีคนชมว่าเขาน่ารักครับ แล้วจะบอกให้
เมื่อได้เจอเขาครับ
น่ารักจังเลยค่ะ
ร้องไห้เลยนะเนี่ย ขนาดเคยได้ฟังอาจารย์เล่าแล้วนะ
ไม่รู้ว่าตอนไก่เด็กๆ พ่อจะทำแบบนี้มั๊ย
คิดถึงพ่อกับแม่มาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คุณวิวิสาข์ คุณแสงตะวัน และน้องไก่ ครับ
ขอบคุณครับที่แวะมาอ่าน หากพอที่จะช่วยให้เราได้ระลึกถึงความสุขของตนเองในอดีตได้บ้าง ผมก็พลอยมีความสุขไปด้วยครับ
ยิ่งอ่านก็ยิ่งคิดถึงค่ะ
เข้ามายิ้ม ๆ ครับ เด็กนี่จะคิดถึงอะไรมากมาย สงสัยอยากกลับบ้าน เคลียร์งานเสร็จแล้วกลับได้เลย แต่อย่านานนักนะ