ชีวิตต้นทุนต่ำ


ในช่วงแห่งความโกลาหล คนที่จะรอด ต้องดำรงชีวิตแบบ "ต้นทุนต่ำ"

แนวโน้มใหญ่ระดับโลก เกิดมานับสิบปีแล้ว เราเริ่มเห็นได้จาก องค์กร-บรรษัท ที่นำมาใช้ก่อน

การ outsource ถือเป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่ทำให้องค์กร สามารถปรับตัวสู่ภาวะต้นทุนต่ำ

ดูเผิน ๆ ค่าใช้จ่ายจากการ outsource ไม่ต่างจากเดิม

แต่จริง ๆ แล้ว ความแตกต่างอยู่ตรงคำว่า "ภาระผูกพัน" ซึ่งเป็นส่วนที่มองไม่ค่อยเห็น

แต่มีอยู่จริง มีมากด้วย

มากจนเป็นภาระ

การ outsource ทำให้การจ่ายการจ้าง จบลงตรงนั้นได้อย่างบริบูรณ์ ไม่ลุกลามบานปลาย

และการ outsource ก็ทำให้โครงสร้างของต้นทุน กลายเป็น variable cost ไป (จากเดิม ที่เป็น fixed cost)

ผลคือ ต่อให้ยอดขายลดลง บริษัท ก็ยังไม่ขาดทุน

เป็นการ "ทำกำไรได้ทุกระดับของรายรับ"

นี่คือการดำรงตนแบบต้นทุนต่ำ ในแบบฉบับขององค์กร

ต้นทุนต่ำ ไม่จำเป็นต้องจ่ายถูก

อาจจ่ายแพงกว่า แต่แพงแบบมีผลดีตามหลัง หรือไม่มีผลเสียตามหลัง

...ให้เห็นภาพ...

ถ้าผมจ่ายเงินซื้อคอมพิวเตอร์มาก แต่ได้บริการที่ดี ได้การใช้งานที่เสถียร ก็เท่ากับผมได้ "ของถูก"

ถ้าผมจ่ายเงินซื้อคอมพิวเตอร์น้อย แต่สร้างปัญหาทุกย่างก้าว จ่ายเท่าไหร่ก็ "แพง"

 

 

ในระดับของคนทั่วไปบ้าง

ดำรงตนแบบต้นทุนต่ำ ก็คือ ทำให้ "ทำกำไรได้ทุกระดับของรายรับ"

หรือหากทำไม่ได้ ก็อาจทำแบบที่รองลงมา

"ไม่ขาดทุน ในทุกระดับของรายรับ"

คือใช้ชีวิตแบบไม่เกินตัว ใช้น้อยกว่าที่หาได้

ครอบครัวที่มีลูกโต บางที ลูกเจาะกระเป๋าพ่อแม่แบบเลือดเย็น เห็นแล้วสยดสยอง

สมัยก่อน เวลาคนสื่อสารด้วยโทรเลข คิดแล้วคิดอีก ว่าจะใช้คำน้อยที่สุด ว่ายังไง อีกฝ่ายจะได้รู้เรื่อง

เดี๋ยวนี้ เผาเงินส่งไปทางอากาศ ผ่านสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "มือถือ" ไม่ต้องบันยะบันยัง

 

แม้แต่การทำสวนทำไร่ หรือทำนา ก็เช่นกัน

 

แนวคิดที่ "ลงทุนหนา เพื่อกำไรหนัก" มักเป็นแนวคิดที่ดูเย้ายวนใจ ทำให้ชาวนาขาดทุนมานักต่อนัก

ทำนา ใช้ปุ๋ยมากกว่าราคาข้าว มีอะไรผิดคาดนิดเดียว หนี้ท่วมหัวท่วมหูทันที

สารเคมีที่อัดไม่ยั้ง ยังกลายเป็นยาพิษนองแผ่นดินอีกต่างหาก

เดี๋ยวนี้ บางหมู่บ้าน ปลูกผัก เพื่อขายคนอื่น หัวเด็ดตีนขาด ไม่กินสิ่งที่ตัวเองปลูก (ใส่ยาเยอะ ขืนกินก็ตาย)

ซื้อคนอื่นปลูกมากินดีกว่า (เผื่อมันใส่สารเคมีน้อยกว่าเรา 555 ... แต่กินแล้วก็ได้มะเร็งเหมือนกัน - ชีวิตหักมุมซึ่ง ๆ หน้า)

แนวคิดที่ เน้น "ทุนต่ำมาก จะขายได้เท่าไหร่ กำไรเห็น ๆ" ก็มีอยู่ให้เห็น (ตัวอย่าง: ข้าว, ต้นไม้)

 

ถ้าไม่ปรับตัว ปีหน้า อยู่ยากกว่านี้ครับ

 

 

คำสำคัญ (Tags): #ชีวิต#สังคม
หมายเลขบันทึก: 179065เขียนเมื่อ 27 เมษายน 2008 20:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

สวัสดีค่ะ

เคยมีประสบการณ์ การพยายามทำให้องค์กรสามารถปรับตัวลงสู่การมีต้นทุนต่ำได้

ส่วนใหญ่คนมักเข้าใจว่า   การตัดค่าใช้จ่าย" ก็คือ การลดต้นทุน 

บางทีการลดต้นทุนไม่จำเป็นต้องมีการตัดค่าใช้จ่ายก็ได้

หากว่าการใช้จ่ายนั้นเกิดประสิทธิผล (Effectiveness) หรือมีประสิทธิภาพ (Efficiency)

หากยังคงมุ่งหน้าที่จะตัดค่าใช้จ่าย ด้วยความหน้ามืด โดยออกคำสั่งว่า ?ขอให้ทุกแผนกไปลดค่าใช้จ่ายลงมา 5%  บางที เหตุการณ์เช่นนี้ ไม่บังเกิดผลอย่างแท้จริง

หัวหน้างานเพียงแต่ทำให้ "ถูกใจ" ผู้บังคับบัญชาเท่านั้น

การผลิตสินค้าและบริการที่ไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า หรือต้นทุนที่เกิดจากการทำผิดแล้วต้องมีการแก้ไขอยู่บ่อยๆ

 มีนัยสำคัญกว่าการไปดูรายละเอียด ไปดูทีละรายการ การทำงานเป็นคุณนายละเอียด นอกจากจะไม่ทำให้ต้นทุนลดลงแล้ว กลับทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ

ที่เคยทำคือ...ต้นทุนของสินค้า และบริการเป็นภาระหน้าที่  ของทุกคนทุกระดับที่ต้องมีความรับผิดชอบ  ที่จะทำให้เกิดการลดต้นทุนที่จริงจัง และสามารถควบคุมให้ระดับต้นทุนของสินค้า/บริการของเรา ไม่สูงกว่าต้นทุนของคู่แข่ง และผู้นำในตลาด

เพราะผู้ผลิตที่มีต้นทุนสูงกว่าคู่แข่งมากก็ย่อมยืนระยะอยู่ได้ไม่นานนักค่ะ

 และการเดินเครื่อง เต็มกำลังการผลิต คือ 80-85 % คือ  Economy of Scale ที่ต้องทำให้ได้ เพราะ ต้นทุนจะต่ำทันที

ที่เหลืออีก 10-15% เป็นช่วงหยุดเครื่องจักร เพื่อบำรุงรักษาค่ะ

 

สวัสดีครับ พี่ P Sasinanda

 

  • ขอบคุณครับ ที่กรุณาเสริม

ส่วนใหญ่คนมักเข้าใจว่า   การตัดค่าใช้จ่าย ก็คือ การลดต้นทุน

  • เป็นประเด็นที่ตรงใจมากครับ
  • ต้นทุนต่ำ ไม่ใช่จ่ายน้อย แต่เป็น จ่ายแล้วคุ้ม
  • องค์กร จ่ายแล้วคุ้ม ด้วย economy of scale, การเน้น service มากกว่าเงิน ทำให้ไม่มีผลข้างเคียงเรื่องค่าใช้จ่ายผิดคาด
  • คน จ่ายแล้วคุ้ม ด้วยการจ่ายฉลาด
  • กรณีตัวอย่าง มีรายการลดราคา 40 % แล้ว บางคน กระโดดเข้าตะครุบทันที ยิ่งกว่าแมวเห็นเส้นด้าย โดยไม่ถามว่า แล้ว 60 % นั่นน่ะ คุ้มไหม ?
  • ถ้า 60 % ที่จ่าย ไม่คุ้ม 40 % ที่ดูเหมือนไม่ต้องจ่าย ก็ไม่คุ้ม เพราะต้องจ่ายตั้ง 60 % แทน

อาจารย์ใช้คำพูดได้ตรงประเด็นจริงๆนะคะ

อีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็น คือในโรงพยาบาล บางที มีการลดพยาบาลลง ในกะกลางคืน จริงๆก็ดู จะลดค่าใช้จ่ายอยู่...

แต่บางที ถึงคราวเคราะห์ มีคนไข้หนักมาหลายคนทีเดียวกัน เกิดการผิดพลาด ถุกฟ้องร้อง บางทีกับการมีพยาบาลตามที่ควรจะมี ก็คุ้มกว่าค่ะ

 

่อ่านแล้วทำให้นึกถึงหลายเรื่องด้วยกันค่ะ ^ ^ (ฟุ้ง)

  • เดมมิ่ง (กูรูแห่งเรื่องคุณภาพ) บอกว่าอยากให้เกิด sustainability ต้องเริ่มที่คุณภาพ ไม่ใช่ที่ลดค่าใช้จ่าย
  • นึกถึงเรื่องการเขียน..ที่อาจารย์บอกว่า

    "สมัยก่อน เวลาคนสื่อสารด้วยโทรเลข คิดแล้วคิดอีก ว่าจะใช้คำน้อยที่สุด ว่ายังไง อีกฝ่ายจะได้รู้เรื่อง

    เดี๋ยวนี้ เผาเงินส่งไปทางอากาศ ผ่านสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "มือถือ" ไม่ต้องบันยะบันยัง"

  • เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ เคยได้ยินเขาเล่ามาอีกทีว่า จอร์จ วอชิงตัน พูดว่า I would have written you a shoter letter, if I have more time. คนทำงานเกี่ยวกับการเขียนอย่างตัวเอง เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะเขียนอะไรสั้นๆ ดีๆ ได้ใจความ (อย่างรัฐธรรมนูญของอเมริกาที่ไม่เคยถูกแก้แก่นแม้แต่คำเดียว)นั้นมันต้องใช้เวลาจริงๆ

ไหงไปจบรัฐธรรมนูญได้ไงก็ไม่รู้แฮะ ^ ^  ของใครแก้บ่อย เข้าข่ายต้นทุนต่ำ! อิอิ

"อาจารย์ใช้คำพูดได้ตรงประเด็นจริงๆนะคะ" - P  Sasinanda

พี่ Sasinanda: คำชมใช่ไหมครับ ? (<-- ร้อนตัวครับ อิอิ กินปูนเยอะ ไปหน่อย)

 

อาจารย์P กมลวัลย์:

ความเข้มข้นของแก่นแท้ ต้องวัดกันด้วย Kolmogorov complexity

แต่ก็ต้องดูว่า จะวัดเรื่อง ผลประโยชน์ใคร ?

สวัสดีคะ อาจารย์วิบุล

มะปรางแวะมาขอเชิญร่วมโหวต ภาพกิจกรรม เฮฮาศาสตร์4  คะ

ไปร่วมสนุกกันนะคะ

สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์

* แวะมาอ่านมุมมองค่ะ

* ที่ทำงานก็ใช้ outsource ค่ะในบางตำแหน่ง

* เรียนถามท่านอาจารย์ เกี่ยวกับการใช้ยา ... อย่างไรให้ มีต้นทุนต่ำคะ

* ... ไม่เอาคำตอบ แบบ รักษาสุขภาพดีๆ จะได้ไม่ต้องทานยานะคะ อิ อิ

* ขอบพระคุณ ฝันดีนะคะ

 

P  มะปรางเปรี้ยว

  • ชอบรูปสองเสาหลักปักข้างทะเลครับ

 

 

สวัสดีครับ คุณ P  poo

  • อ่านใจผมได้แน่เลย...
  • คือจะบอกว่า รักษาสุขภาพ จนไม่ต้องทานยา จะดีที่สุด เพราะโรคที่ต้องจ่ายหนัก ๆ ส่วนใหญ่ ป้องกันได้ และคุมด้วยปรับพฤติกรรม ก็ช่วยได้พอสมควร
  • แต่ถ้าโรคมา ถึงคราวใช้ยา ก็ไม่ต้องเสียดายครับ
  • เท่าไหร่ ก็จ่ายไปเถอะครับ
  • เพราะถ้าเราเน้นป้องกัน โอกาสที่ต้องจ่าย ลดลงไปเยอะมาก จนจ่ายแพงกว่าก็คุ้ม !
  • หากมีข้อจำกัดเรื่องเงิน...
  • ร้านยาที่จัดหรูมาก เขาอาจชาร์จค่าสถานที่เข้าไปด้วย ลองเช็คไม่ยาก ซื้อพาราเซ็ตสักแผงก็รู้แล้ว ก็หลีก ๆ ไป
  • ยาผลิตในประเทศ มักถูกกว่ามาก...
  • ผมเองใช้ยา ไม่แคร์เรื่องยี่ห้อ (แต่ต้องดูดี ๆ ว่าไม่ใช่ยาเถื่อน !)

"สมัยก่อน เวลาคนสื่อสารด้วยโทรเลข คิดแล้วคิดอีก ว่าจะใช้คำน้อยที่สุด ว่ายังไง อีกฝ่ายจะได้รู้เรื่อง เดี๋ยวนี้ เผาเงินส่งไปทางอากาศ ผ่านสิ่ง(ไม่)มีชีวิตที่เรียกว่า "มือถือ" ไม่ต้องบันยะบันยัง"

เรื่องนี้  กู่ไม่กลับแล้วนะคะอาจารย์
ส่วนตัวมีไว้รับ  ถ้าเลิกโดยเด็ดขาดจะเป็นยังไงหนอ

"ใช้ชีวิตแบบไม่เกินตัว ใช้น้อยกว่าที่หาได้"คำตอบ..อยู่นี่เอง

 

 

ชีวิตต้นทุนต่ำ ตามแนวคิดท่านอาจารย์wibul คือ

การทำชีวิตให้เข้าใกล้ ชีวิตภาระต่ำ ชีวิตความเสี่ยงต่ำ ชีวิตไม่ประมาท หรือชีวิตสุขใจ ทำนองนี้หรือเปล่าครับ

พงศธร เหล่าสกุล

  • ชีวิตต้นทุนต่ำ คือชีวิตที่เรียบง่าย ว่ากันซื่อ ๆ ไม่ต้องถึงขนาดขวานผ่าซากอยู่แบบสุดโต่ง ไม่ใช้อะไรเลย
  • อย่างเช่น ใช้มือถือ ก็ต้องตอบให้ได้ว่า ใช้เพื่อ สื่อสาระ หรือ สื่อไร้สาระ
  • สือสาระคือไว้ติดต่อคนอื่น
  • สื่อไร้สาระคือไว้แสดงแสนยานุภาพทางการเงิน ให้คนอื่นประทับใจ ว่าข้ารวย
  • อะไรทำนองนี้
  • ไม่ถึงขนาดปฎิเสธเทคโนโลยี
  • แต่รู้จักกับระดับที่มันพอดี ๆ คือ ถ้าต้องใช้ ก็ซื้อ ก็ใช้ ไม่ว่าจะเป็นโนเกียรุ่นคงกระพันชาตรี หรือ BB เน้นที่มันลงตัวกับวิถีชีวิตไว้ก่อน เช่น บางคนอยู่แต่บนรถ ไฮเทคเคลื่อนที่ อาจกลายเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐาน ไม่แปลก

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท