เมื่อวานนี้ช่วงบ่าย2-3 โมง ได้ไปร่วมพิธีเผาศพ คุณแม่ของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลท่านหนึ่ง โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 3 ทางโรงพยาบาลก็ได้เป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพด้วย มีเจ้าหน้าที่ไปร่วมงานกันมาก
งานเผาศพจัดที่ป่าช้าบนเขา ซึ่งอากาศร้อนมาก ทางพิธีกรซึ่งเป็นครูเป็นผู้ที่มีความรู้มาก ได้ใช้เวลาพูดให้ความรู้เกี่ยวกับงานศพไปด้วย
เขาพูดถึงเรื่อง 4 คนหาม 3 คนแห่ 1 คนนั่งแคร่ 2 คนเดินนำ หมายถึง 4 คนก็คือธาตุทั้ง 4หรือดิน นำ ลม ไฟ ส่วน 1 คนนั่งแคร่คือสังขารของคนหรือผู้ตายเมื่อตายไปก็ไปตัวเปล่า ไม่ได้อะไรติดมือไปด้วยมีเพียงบุญกุศลที่ได้ทำไว้เท่านั้น ส่วน 3 คนแห่ก็หมายถึงทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียงเกียรติยศก็ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ ส่วน 2 คนนำหมายถึงบุญกับบาป ที่จะเป็นทางนำไปสู่นรกหรือสวรรค์
ในการเผาศพในครั้งนี้ ได้นั่งฟังพระและมัคทายกพูดก็ได้ความรู้ในหลายเรื่อง ปกติก่อนเผาศพก็จะมีการทอดผ้าบังสุกุล ผ้าไตรบังสุกลและผ้าไตรมหาบังสุกุล โดยการทอดผ้าบังสุกุลนั้นก็จะเป็นญาติมิตรคนรุ้จักใกล้ชิดกัน ส่วนผ้าไตรบังสุกุลก็เป็นแขกผู้ใหญ่ ส่สวนผ้าไตรมหาบังสุกุลก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นประธานในพิธี อย่างวันนี้ผมก็ได้รับเกียรติจากญาติให้ขึ้นไปทอดผ้าไตรบังสุกุลชุดที่ 2 (มี 2 ชุด) ซึ่งส่วนใหญ่เวลาไปงานศพของญาติเจ้าหน้าที่หรือคนรู้จักในอำเภอ ผมก็มักจะได้รับเกียรตินี้ แต่ผมมักคิดในใจว่า ทำไมไม่ให้ลูกซึ่งเป็นญาติสายตรงเป็นผู้ขึ้นไปทอดโดยเฉพาะผ้าไตรมหาบังสุกุล ซึ่งเป็นเสมือนการส่งบุญกุศลอันยิ่งใหญ่จากคนในครอบครัวไปสู่ผู้ตายครั้งสุดท้ายก่อนจะเผาทำลายสังขารนั้น พอให้แขกผู้ใหญ่ซึ่งบางทีก็ไม่ได้รู้จักกับผู้ตายแต่อาจเป็นผู้บังคับบัญชาของลูกคนใดคนหนึ่งหรือสส./สว.ในพื้นที่ การให้ลูกเป็นผู้ทอดน่าจะสามารถส่งพลังใจสู่ผู้ล่วงลับได้ดีกว่า
การเผาศพคุณแม่ของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ จึงเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกประทับใจเพราะญาติๆให้ ลูกชายคนโตเป็นผู้ทอดผ้าไตรมหาบังสุกุลเอง โดยมีลูกชายคนรองเป็นผู้เชิญผ้า ผมคิด(เอาเอง)ว่าเป็นภาพที่น่าประทับใจที่ลูกได้ส่งบุญอันยิ่งใหญ่ก่อนเผาศพให้กับแม่ของตนเอง