ตอนที่50 คิดทำสวน ควรปรับปรุงดินดีมีกำไรในความยั่งยืน


การปรับปรุงบำรุงดินและการหาแหล่งน้ำจึงเป็นอันดับแรกที่จะต้องเริ่มทำ เพราะดินมีหน้าที่เป็นที่ให้รากพืชได้เกาะยึดเหนี่ยวเพื่อให้ลำต้นของพืชยืนต้นได้อย่างมั่นคง แข็งแรง

          

                  เมื่อคิดจะทำสวนผลไม้ ทุกคนมุ่งหวังพื้นดินที่มีสภาพอยู่ในทำเลที่เหมาะสมพร้อมความอุดมสมบูรณ์  แต่จะต้องใช้ทุนสูงในการหาซื้อที่ดินที่มีความพร้อมตามที่ต้องการ  แต่ผู้ที่มีทุนอยู่จำกัดจะต้องมองหาพื้นที่ราคาถูก แต่จะต้องใช้ความอดทนและต่อสู้ที่สูงเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าจึงจะประสบผลสำเร็จ เพราะพื้นที่ราคาถูกนั้นส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ ขาดแคลนน้ำ การปรับปรุงบำรุงดินและการหาแหล่งน้ำจึงเป็นอันดับแรกที่จะต้องเริ่มทำ เพราะดินมีหน้าที่เป็นที่ให้รากพืชได้เกาะยึดเหนี่ยวเพื่อให้ลำต้นของพืชยืนต้นได้อย่างมั่นคง แข็งแรง ขณะที่พืชเจริญเติบโต รากของพืชจะเติบโตชอนไชหยั่งลึกแพร่กระจายลงไปในดินอย่างกว้างขวางทั้งแนวลึกและแนวราบ เป็นแหล่งให้ธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชทั้งนี้เนื่องจากธาตุอาหารพืชจะถูกปลดปล่อยออกจากอินทรียวัตถุ และแร่ต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบของดิน ให้อยู่ในรูปที่รากพืชสามารถดึงดูดไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย เป็นแหล่งที่เก็บกักน้ำหรือความชื้นในดิน ให้อยู่ในรูปที่รากพืชสามารถดึงดูดได้ง่าย เพื่อนำไปหล่อเลี้ยงลำต้นและสร้างการเจริญเติบโต น้ำในดินจะต้องอยู่ในสภาพที่เหมาะสมที่รากพืชสามารถดึงดูดขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้เท่านั้น อีกทั้งเป็นแหล่งที่ให้อากาศในดิน ที่รากพืชใช้เพื่อการหายใจรากพืชประกอบด้วยเซลล์ที่มีชีวิต ต้องการออกซิเจนสำหรับการหายใจทำให้เกิดพลังงานเพื่อการดึงดูดน้ำ ธาตุอาหารและการเจริญเติบโต ดินที่มีการถ่ายเทอากาศดี รากพืชจะเจริญเติบโตแข็งแรง ดูดน้ำและ ธาตุอาหารได้มาก ทำให้ต้นพืชเจริญเติบโตแข็งแรงและให้ผลิตผลสูง คุณสมพงษ์ แย้มยิ้ม เกษตรกรคนเก่งตำบลไพรนกยูง เป็นอีกผู้หนึ่งที่ประสบความสำเร็จ จากการปรับปรุงบำรุงดินในพื้นที่ด้อยค่าและราคา ซึ่งผู้อื่นมองข้ามไปแล้ว เนื่องจากปลูกมันสำปะหลังจนดินขาดธาตุอาหาร เพราะคำนึงถึงประโยชน์ดังกล่าวของดิน

นายสมพงษ์  แย้มยิ้ม  เกษตรกรวัย 50 ปี บ้านเลขที่ 74     หมู่ที่ 6   .ไพรนกยูง        .หันคา  .ชัยนาท   เป็นเกษตรกรอีกคนหนึ่งที่ได้ปรับปรุงดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำให้เป็น   พื้นดินที่มีค่ามีราคาสูงสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำขึ้นมาด้วยความอดทน เล่าให้ฟังว่าได้ย้าย ครอบครัวจาก อ.ธัญญบุรี  .ปทุมธานี  ซึ่งประกอบอาชีพเปิดร้านซ้อมรถจักรยานยนต์แต่ด้วยใจรักในอาชีพการเกษตรจึงรวบรวมทุนมาซื้อที่ดินที่ไพรนกยูงเพราะเห็นว่าราคาพอที่จะซื้อได้และมีทุนเหลือพอที่จะดำเนินงานสร้างสวนผลไม้ต่อไป  โดยมีนายสมบุญ  เมฆอินทร์ เป็นเกษตรตำบล สนับสนุนทั้งความรู้และ สระน้ำขนาด 20x30x3 เมตรในโครงการขุดสระน้ำขนาดเล็กเพื่อการเกษตร  เนื่องจากสภาพดินเป็นดินร่วนปนทราย  ขาดความอุดมสมบูรณ์  จึงต้องปรับปรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมกับการปลูกพืชต่างๆ  เพราะตระหนักถึงดินว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญของการผลิตพืช   ถ้ามีความเหมาะสมแล้วพืชจะมีความแข็งแรงต้านทานต่อโรค - แมลง ลดต้นทุนการผลิตให้ผลผลิตสูง   จึงปรับปรุงดินด้วยการปลูกถั่วเขียวแล้วไถกลบหลังการออกดอก ถึง 2 ครั้ง และใส่ปุ๋ยมูลไก่พร้อมกับการไถพรวน  ในระยะแรกได้ดำเนินการปลูกองุ่นเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2542  โดยนำองุ่นมาปลูก  3  พันธุ์  คือ  พันธุ์ไวท์มะละกา  ราชินีดำ และซีเลกด์ ปลูกในพื้นที่  5  ไร่    เตรียมปลูกโดยการขุดหลุมขนาดกว้างลึก 50 เซนติเมตร  ผสมดินบนกับปุ๋ยหมักรดน้ำให้ชุ่มทิ้งไว้  15  วัน ใช้จอบพรวนดินก่อนนำพันธุ์มาปลูก แล้วทำการบำรุงดูแลรักษาให้มีการเจริญเติบโตที่ดี  พบว่าต้านทานต่อโรค-แมลง และให้ผลผลิตสูง คุ้มค่ากับการลงทุนที่ได้ปรับปรุงบำรุงดิน อีกทั้งช่วยลดต้นทุนจากการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีเป็นจำนวนมาก

เมื่อประสบความสำเร็จ จากการปลูกองุ่นแล้วจึงขยายพื้นที่ปลูกองุ่นเป็นองุ่นพันธุ์ไร้เมล็ดที่มีราคาที่สูงกว่า และผลไม้อื่นโดยใช้วิธีการปรับปรุงบำรุงดินเหมือนกับการปลูกองุ่นครั้งแรก เช่นส้มโอขาวแตงกวา 11 ไร่  ฝรั่งแป้นสีทอง ปลูกแซมในสวนสมโอ ขนุนปลูกรอบสระน้ำ และแก้วมังกรอีก 20 ต้น ผลที่ได้รับเป็นที่น่าพอใจเมื่อรายได้เข้าสู่ครอบครัวเป็นระยะตลอดมาพอประมาณ ดังนี้ ส้มโอขาวแตงกวา ระหว่างเดือน สิงหาคม 2549 - มกราคม 2550 ประมาณ 40,000 บาท  ฝรั่งแป้นสีทอง  ประมาณเดือนละ 3,000 บาท แก้วมังกร ระหว่างเดือน มิถุนายน- ตุลาคม  ประมาณ 3,000 บาท และเมื่อเดือนธันวาคม 2550 เก็บผลผลิตองุ่นในพื้นที่ 1 ไร่ ประมาณ 50,000 บาท การทำไร่นาสวนผสม จะทำให้มีรายได้เข้าสู่ครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ แต่ที่สำคัญและละเลยไม่ได้คือการเพิ่มอินทรีย์วัตถุให้กับดินด้วยการใส่ปุ่ยคอก ปุ๋ยหมัก แกลบดิบและขี้เถ้าแกลบ ปุ๋ยพืชสด เพื่อปรับปรุงบำรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืนต่อไป

คุณสมพงษ์  แย้มยิ้ม ฟากบอกถึงผู้อ่านอีกว่า การทำสวนไม้ผลนั้นจะต้องศึกษาหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการควบคุมศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสาน โดยเริ่มตั้งแต่การเตรียมดินและปรับปรุงบำรุงดินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พืชมีความแข็งแรงต้านทานต่อโรคและแมลง สนใจศึกษาดูงาน ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทร
.06-0449270 หรือจะผ่านสำนักงานเกษตรอำเภอหันคา 0-5645-1031 ยินดีต้อนรับครับ

หมายเลขบันทึก: 177862เขียนเมื่อ 20 เมษายน 2008 23:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท