โยคีน้อย
สาธุกับบันทึกนี้ ที่สะท้อนข้อเท็จจริงทั้งในใจตนเองและสิ่งที่พบเห็นข้างนอก
เรื่องแบบนี้ละที่เป็นของมีคุณค่า ต่อสังคม
เพราะมองผ่านเลนซ์ที่เป็นกุศล
เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า คลินิคแห่งนี้เป็นสถานที่สร้างความดีงามระหว่างเชื้อชาติและเผ่าพันธ์
เป็นผลงานของทุกฝ่ายในอดีตที่ต้องช่วยกันส่งเสริมและรักษาให้อยู่ต่อไปให้นานเท่านาน
โยคีน้อยผ่านวิชาช่างปูนชีวิตอีกวิชาหนึ่งแล้ว
ยินดีด้วย
สวัสดีค่ะพี่โยคี
สิ่งหนึ่งที่ทำอยู่เป็นประจำ คือถามตัวเองบ่อยๆ และใช้วิธีการนี้ กับผู้คนที่ได้มาที่นี่ แบบท่องเที่ยวและมาพักค้าง เขาก็จะมีคำถามมากมาย ทำไมอินเดียถึงต้องทำอย่างนั้น ทำแบบนั้น ฯลฯ ก็จะบอก เขาว่าลองหาคำตอบดูจากการมองเขาซิคะ ไม่นาน เขาก็สามารถตอบคำถาม ตัวเขาเองได้หมด
การแทนใจ แทนความรู้สึก แบบมนุษยชน ไม่ใช้แบบเรา แบบเขา ก็จะทำให้เราเข้าใจ ชีวิตได้ถ่องแท้ขึ้น หน้าที่อีกอย่างของอาสาสมัครฯ ก็คือ ช่วยกันประคับประคองสัมพันธภาพ ทั้งสองประเทศให้ไปในทางดีงาม เพราะไม่อยากได้ยินคำว่า "พวกแขกมัน.." อยากได้ยินแต่คำว่า "รักกัน"
วิชาช่างปูนชีวิตนี้ ครบถ้วนเลยค่ะ ทั้งสัมผัส กายและใจ และออกมาเป็นผลลัพธ์ ขอบพระคุณ พี่ที่เข้าใจความรู้สึกนี้ค่ะ
โยคีน้อย
เข้ามาบอกว่า บ่ฮุด อัดช่า
ศิลปะไทยชั้นสูงมีช่างสิบหมุ่
แต่สำหรับช่างชีวิต พี่ว่าโยคีน้อยจบช่างไปหลายหมุ่แล้วละ
เจริญสุขนะจ๊ะ
อ้าว ขอโทษทีโยคีน้อย
กะว่าจะแก้คำผิดให้ ลืม copy ข้อความไว้
ช่วยโพสต์ใหม่ก็ละกัน