สงกรานต์ปีนี้ แม้จะไม่ได้ออกต่างจังหวัด แต่ก็ได้ไปทำบุญที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ที่มีอดีตเจ้าอาวาสคือหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ (ปั้น ปัญญานันโท) หรือ พระพรหมมังคลาจารย์
พี่สาวภรรยาและสามี(คู่เขยของผม)มารับผมกับลูกสาวคนเล็กแต่เช้า เธอจัดเตรียมอาหารที่จะถวายพระเป็นชุดๆ มาเผื่อด้วย
ไปถึงวัดชลประทานแล้วก็ตรงไปที่ "ลานหินโค้ง" เธอเรียกของเธออย่างนั้น เพราะบริเวณที่พระสงฆ์มาประชุมกันสำหรับให้พวกเราได้ถวายภัตตาหารและสรงน้ำพระเป็นลานหินโค้งขนาดใหญ่คล้ายๆ ที่สวนโมกข์ ไชยา ที่มีต้นไม้ร่มรื่นมาก มีการทำป้ายให้คติธรรมจากบาลีสั้นๆ มาติดไว้ตามต้นไม้ด้วย
วันนั้นพื้นที่ภายในลานหินโค้งที่โค้งเป็นรูปวงรีขนาดใหญ่ไม่พอนั่ง ก็เลยต้องใช้บริเวณรอบนอกของลานหินด้วย (ดูรูป)
เมื่อทุกคนพร้อมแล้วก็สวดมนต์ อาราธนาศีล พระให้ศีลแล้วก็ฉันอาหารเช้า ระหว่างพระฉันทางวัดเปิดเทปหลวงพ่อปัญญานันทะ (ด้วยเสียงเนิบๆ ที่คนไทยคุ้นหู) ที่ท่านเคยเทศนาเรื่องวันสงกรานต์ ความเป็นมา คุณค่า และความหมายในทางพุทธศาสนา ซึ่งพอสรุปได้ว่า อันดับแรกสุดคือให้ทุกคนที่มาประชุมกันในวัดวันนี้ให้ฟังอย่างสงบ ให้รักษามารยาทไม่คุยส่งเสียงรบกวนคนที่เขาตั้งใจฟัง ไม่ลุกเดินไปเดินมารบกวนสมาธิคนอื่น
แล้วท่านก็เล่าความเป็นมาว่า พระพรหมมาทายปริศนากับ....(ผมจำชื่อไม่ได้)...ว่า ราศีทั้ง ๓ ของมนุษย์คืออะไร หากตอบไม่ได้จะต้องสูญเสียศีรษะ แต่หากแก้ปริศนานี้ได้พระพรหมก็จะตัดศีรษะตัวเอง ปรากฏว่าขณะที่กำลังอับจนหนทางอยู่นั้น เขาได้ยินเสียงกาแม่ลูกคุยกัน (เขาฟังภาษานกได้) ว่า ราศีทั้ง ๓ ก็คือ หน้า ท้อง และเท้า นั่นเอง เพราะเช้าขึ้นมามนุษย์จะล้างหน้า กลางวันก็กิน กลางคืนก่อนเข้านอนก็จะล้างเท้า พอพระพรหมมาทวงคำตอบเขาก็ตอบได้ พระพรหมผู้รักษาสัจจะ (เสียชีพไม่เสียสัตย์) ก็ตัดศีรษะตัวเอง แต่ศีรษะพระพรหมร้อนมาก หากตกถึงพื้นโลก(ที่ท่านเป็นผู้สร้าง)จะเกิดไฟลุกท่วมโลก มีนางฟ้า ๗ องค์มาผลัดเปลี่ยนกันถือศีรษะพระพรหมไว้คนละปี (ตรงนี้ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับนางสงกรานต์ที่ผลัดเปลี่ยนกันมาแต่ละปีหรือเปล่า??? ผู้รู้คงช่วยบอกได้ ชาวบ้านช่วยกันรดน้ำนางฟ้าเพื่อบรรเทาความร้อน)
หลวงพ่อปัญญาฯ ท่านว่าพระพุทธเจ้าสอนเรื่องพรหม ต่างจากศาสนาพราหมณ์ (ฮินดู) พรหมในพุทธศาสนาคือพรหมวิหารสี่ ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
บิดามารดาของเราคือพรหมของเราด้วยเพราะท่านเป็นแบบอย่างของผู้ที่ปฏิบัติพรหมวิหารสี่ต่อเรา ท่านปรารถนาให้เรามีแต่ความสุข (เมตตา) ท่านปรารถนาให้เราพ้นทุกข์ (กรุณา) ท่านยินดีเมื่อเราเจริญก้าวหน้า (มุทิตา) และท่านวางใจเป็นกลางเมื่อเราเกิดปัญหา ไม่ซ้ำเติมเรา (อุเบกขา)
เราได้ปฏิบัติต่อ "พรหม" ของเราอย่างไรบ้างในวันสงกรานต์ (หรือวันไหนๆ)
เมื่อเทศนาจบ พระสงฆ์ก็ฉันเสร็จพอดี พระสงฆ์ให้ยถาฯ ให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ ขณะที่พระสวดนั้น ผมรู้สึกว่าพระสงฆ์สวดได้พร้อมเพรียงและไพเราะมาก เรียกได้ว่าเป็นระบบเสียงแบบ surround เพราะท่านนั่งล้อมเป็นวงรีรอบคนที่ไปทำบุญหลายร้อยคน ท่านสวดได้พร้อมเพรียงกันอย่างน่าอัศจรรย์ ขณะที่พวกเราฆราวาสสวดไม่พร้อมกันทางด้านหน้าจบแล้วด้านหลังยังไม่จบ แล้วก็มีหลายสำเนียง หลายโทนเสียง ไม่เหมือนพระสงฆ์ที่สวดอย่างพร้อมเพรียง ชัดเจน และมีจังหวะจะโคน เสียงสวดของท่านสร้างความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาแก่ญาติโยม(อย่างผม)ได้อย่างดี
เสร็จพิธีแล้วผมก็ไปนมัสการพระที่มีศักดิ์เป็นหลานมาบวชที่วัดนี้ครู่หนึ่ง แล้วก็ไปกราบหลวงพ่อปัญญา ที่อาคารที่อยู่ติดกับลานหินโค้ง ภายในอาคารติดแอร์เย็นฉ่ำ โลงไม้ลายไทยสวยงามวางบนแท่นสูงครอบด้วยแผ่นกระจกใสรอบด้านไว้อีกชั้นหนึ่ง ตรงหน้าแผ่นกระจกใสลงมามีรูปปั้นเท่าตัวจริงของท่านนั่งในท่าสบายๆ บนเก้าอี้ มือถือไม้เท้า (อย่างในภาพ ๙๖ ปีข้างบนร้อยเปอร์เซ็นต์เลย) ห่มจีวรผ้าจริงด้วย ขณะที่ผมเปิดประตูเข้าไปเห็นด้านหลังของชายคนหนึ่งนั่งพับเพียบกับพื้นที่ปูพรมพนมมือทำท่าเหมือนกำลังสนทนากับท่านอยู่ ทำเอาผมตกใจ ลูกสาวผมก็บอกว่าตกใจเหมือนกัน
ผมกับลูกและพี่ๆ เลยค่อยๆ ย่องเข้าไปอย่างเงียบๆ ไปกราบที่รูปปั้นท่าน แล้วลากลับ (ขณะที่ชายคนนั้นยังคงนั่งพนมมือหน้ารูปปั้นของท่านพร้อมทำปากขมุบขมิบอยู่ตลอดเวลา) ผมเกรงเสียมารยาทจึงไม่ถ่ายรูปใดๆ ในอาคารนี้ (เก็บความทรงจำไว้ในใจเพียงอย่างเดียว)
ก็นับเป็นเทศกาลสงกรานต์ที่มีความสุขที่ได้ไปทำบุญกับลูก กับญาติ ได้รับศีลฟังธรรมเทศนาของ "ปราชญ์" ที่ยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัยท่านหนึ่ง
สุรเชษฐ เวชชพิทักษ์
๑๖ เมษา ๕๑
สวัสดีครับ อ.สุรเชษฐ เวชชพิทักษ์ สาธุ ขอให้เจริญ และมีความสุขในวันสงกรานต์ปีใหม่ไทยๆ
ขอบคุณครับผม
สวัสดีปีใหม่ไทย (วันสงกรานต์)ครับ ขอให้ อ.สุรเชษฐ มีความสุขสมหวังสุขภาพแข็งแรง การงานเจริญรุ่งเรืองครับ ถึงปีนี้ข้าวจะยาก หมากจะแพง ก็ขอมีความสุขครับ
ได้อ่านบันทึกการไปทำบุญของอาจารย์ก็รู้สึกอิ่มเอิบตามไปด้วยจริงๆคะ เหมือนได้ไปด้วยคะ ขอรดน้ำปีใหม่ไทยอาจารย์เชษฐจากใจจริงผ่านทางคอมพิวเตอร์ ขอให้ อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงมีความสุข รวมทั้งครอบครัวด้วยคะ
ส่วนตัวเคยไปวัดชลประทานรังสฤษฎ์ 3 ครั้ง ครั้งแรก นานมากๆแล้ว ครั้งยังเรียนหนังสือ ไปงานเผาศพคุณพ่อเพื่อนประทับใจกับความเรียบง่ายของการจัดงานศพแบบวัด และเมื่อปีที่แล้วเพิ่งไปงานศพคุณแม่เพื่อนที่ทำงานอีกครั้งก็คง conceptเดิม ทำให้ตระหนักได้ว่าชีวิตนี้เรียบง่ายไม่ควรยึดติดอะไรจริงๆ เสียดายมิได้มีเวลาเดินดูบริเวณวัด
ครั้งที่สาม เมื่อ ธค 50 นี้เอง ตั้งใจดั้นด้นไปเพื่อขอ(ซื้อ)หนังสือสวดมนต์ของวัด เป็นบทสวดเดียวกับที่ใช้ที่สวนโมกข์ เพราะได้ไปสวดครั้งปฎิบัติธรรมร่วมกันกับ อาจารย์สันติกโร เพื่อนๆ ครั้งงานของโกมลคีมทองที่จันทบุรีแล้วประทับใจมากเกิดปิติอิ่มเอิบกับทุกบทสวดโดยเฉพาะบทสวดหน้าที่ว่าด้วยเรื่อง "ที่เราจะไม่ยอมให้นายช่างปลูกเรือน(ตัณหา)มาสร้างเรือนในใจเราได้อีก เราจะหักโค่นตัดมันเสีย" แต่ก็ได้ไปฟังสวดงานศพท่านอาจารย์ปัญญานันทภิกขุเสียด้วยเลย
พักหลังมานี้ ได้ฟังเทศที่วัดไม่ว่างานศพหรืองานบุญ ตัวเองมักจะตั้งใจฟังและก็ได้คำสอนดีดีติดมาทุกครั้ง ขอบคุณที่อาจารย์ยกเรื่องพรหมวิหารสี่ โดยเฉพาะในบ้าน(พ่อ แม่)มาได้ตอกย้ำเตือนสติอีกครั้ง เป็นสิ่งควรน้อมนำมาใส่ตัวเรา พ่อแม่เป็นตัวอย่างกับลูกๆ จริงๆ เคยประทับใจอย่างแรงกับบทความในมติชนที่ลงเรื่องพรหมวิหารสี่มาแล้ว ครั้งที่พระพรหมเอราวัณถูกทุบ และคนกังวลว่าเมื่อสร้างใหม่แล้วจะทำพิธีอันเชิญอย่างไรให้พระพรหมกลับมาอยู่เป็นสิริมงคลเช่นเดิม บทความเขียนสรุปลงท้ายแล้วทำให้อิ่มเอิบว่า อันที่จริงไม่ต้องกับวลเลยเพราะไม่ต้องไปหาที่ไหนพรหมอยู่ในใจเราทุกคนนี่แหละแหละ
ขอบคุณอาจารย์อีกครั้งสำหรับการย้ำเตือน
เสียงสวดมนต์อันพร้อมเพรียงที่สร้างศรัทธาที่อาจารย์เล่า จะเป็นประหนึ่งเป็นโกอาน (อุปมา)ได้ดีทีเดียว ฟังแล้วผึ้งนึกถึงคำว่า "getting in tune" =เมื่อใดที่เรากลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเรา ไม่ขัดแย้งทั้งภายในภายนอก กับตัวเราเองและคนอื่นนั่นแหละเราก็มีความสุข มีคุณค่า =harmony นี้เป็นเป้าหมายชีวิตที่ตัวเองอยากไปถึง
ขอบคุณอาจารย์มากคะสำหรับบันทึกเรียบง่ายในวันดีดี
สวัสดีสงกรานต์ กับเพื่อนๆท่านด้วยพร้อมกันเลยนะคะ ขอให้มีความสุขสุขภาพแข็งแรงนะคะ
ขอให้คุณงามความดีที่ท่านทั้งหลายทำส่งผลให้ท่านประสบความสุขความเจริญเช่นกันครับ