เมื่อหลายวันก่อนได้ไปสัมมนาทางิวชาการ เรื่อง การเฝ้าระวังและเตรียมการเพื่อรองรับภัยพิบัติสึนามิ ของ ม.ราชภัฎภูเก็ต ซึ่งประทับในในหัวข้อการช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิของประเทศญี่ปุ่น ทำให้เห็นว่าการช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัยไม่สามารถสำเร็จได้ ถ้าไม่มีความร่วมมือของประชาชนซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ประสบภัย ในลักษณะการช่วยเหลือซึ่งกันและกันและการเป็นเครือข่ายความร่วมมือ นอกจากนี้ อาสาสมัครก็เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ประเด็นที่น่าสนใจ
1. สร้างความตระหนักและสร้างจิตสำนึกในการระวังภัย ต้องมองภัยทุกด้านไม่เฉพาะสึนามิอย่างเดียว ซึ่งอาจเป็นกำหนดในหลักสูตรการศึกษา การฝึกอบรมที่เหมือนจริง(ปีละครั้ง)
2. การให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อม เพื่อป้องกันภัย โดยกำหนดให้วันที่ประสบภัยเป็นวันฝึกซ้อมใหญ่ นอกจากนี้ต้องเตรียมความพร้อมทั้งทางด้าน Software และ Hardware ในทุกระดับทั้งในระดับประเทศ จังหวัด เขต หมู่บ้าน และท้องถิ่น โดยมีการกำกับควบคุมและสั่งการอย่างเป็นระบบ และอำนาจการสั่งการและวางแผนจะอยู่ที่จังหวัด ส่วนกลางจะให้การช่วยเหลือ โดยมีการเตรียมความพร้อมเรื่องของระบบความเข้มแข็งของภัยพิบัติ การช่วยผู้ประสบภัย การวางแผนป้องกันภัย การสร้างระบบข้อมูลป้องกันภัย การจัดตั้งเครือข่ายการประสานงาน
3. สร้างชุมชนร่วมป้องกัน
4. การสร้างสภาพเมืองพร้อมรับภัยพิบัติ
ทำให้หันมามองที่บ้านเรา ว่าได้ตระหนักถึงภัยพิบัติต่าง ๆ มากน้อยแค่ไหน สร้างความรู้ให้กับประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญญาในยามฉุกเฉินมากแค่ไหน หรือแม่แต่หลักสูตรทางการศึกษาชุมชนได้มีโอกาสกำหนดหรือไม่ เพราะองค์ความรู้ของคนในชุมชนจะหายไปเพราะใช้ความรู้ที่ส่งตรงจากส่วนกลาง จุดเล็กน้อยของการหนีภัย เช่น การสังเกตุอาการของสัตว์อะไรต่าง ๆ เหล่านี้นักวิชาการนำมาแทรกเป็นความรู้หรือเปล่า อย่าปล่อยให้ทุกอย่างหายไปกับความทรงจำ ควรมีการบันทึกเป็นประวัติศาสตร์สำหรับการค้นคว้าเพื่อในอีก 50 ปีข้างหน้าอาจเกิดขึ้นจะได้มีการเฝ้าระวังและป้องกันได้ทัน
ไม่มีความเห็น