ข้อเสนอแนวทางสันติวิธีและการหาทางออกจากวิกฤตทางการเมือง (ต่อ)


            (2 มี.ค. 49) หลังจากร่วมแถลงข่าวกับอาจารย์โคทม อารียา และอาจารย์ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ เมื่อวานนี้ภายใต้หัวข้อ “ข้อเสนอการใช้แนวทางสันติวิธีกับวิกฤตทางการเมือง” แล้ว ผมได้รับเชิญให้ไปออกรายการ “จับประเด็น” กับคุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ (หลังจากคุณดนัยสัมภาษณ์คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ไปล่วงหน้า) โดยอัดเทปไว้ก่อนตอนประมาณ 21.00 น. เศษ เพื่อออกรายการจริงๆเวลา 23.30 น.
            มาเช้าวันนี้ก็ได้รับเชิญให้ไปออกรายการ “เกาะติดเลือกตั้ง 49” กับคุณกิตติ สิงหาปัด โดยให้ความเห็นเกี่ยวกับการใช้แนวทางสันติวิธีและการหาทางออกจากวิกฤตทางการเมืองที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่
            สำหรับการแถลงข่าวเมื่อวานนี้นั้น ได้มีรายงานข่าวในหนังสือพิมพ์หลายฉบับในวันนี้ ที่ลงละเอียดพอสมควรคือ นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ซึ่งปรากฏดังนี้
ผวารุนแรงเสนอนายกฯหาทางลง
            นักวิชาการเสนอ'ทักษิณ' หาทางถอย ลาออกคลายวิกฤติ ตั้งรองนายกฯ รักษาการแทน เว้นวรรคผู้นำไปนั่งฝ่ายนิติบัญญัติ พร้อมเสนอทุกฝ่ายประนีประนอม ให้คนกลางไกล่เกลี่ยเจรจา
            นายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงข่าวร่วมกับ นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ประธานกรรมการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) รศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และ ศ.นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ สถาบันพระปกเกล้า
            นายโคทม กล่าวว่า หลังจากที่ได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองภายหลังการยุบสภา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคนก็พ้นจากตำแหน่งแต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น สังคมไทยยังมีความแตกแยก โดยแบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย ซึ่งทุกฝ่ายก็ต่างมีเหตุผลที่แตกต่างกัน ฝ่ายค้านก็ประกาศจะไม่ลงรับสมัครเลือกตั้ง ส่วนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็เรียกร้องให้นายกฯ ลาออก ส่วนรัฐบาลก็ยังยืนยันจะไม่ปฏิบัติตามคำเรียกร้อง ซึ่งต่างฝ่ายก็มีต่างมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน
            เครือข่ายสันติ วิธีมีข้อเสนอ 4 ข้อ เพื่อให้ทุกฝ่ายนำไปพิจารณา คือ 1.นายกฯ ควรขอลาออกจากตำแหน่ง และหากต้องการยุติบทบาททางการเมืองด้วยการวางมือก็ถือเป็นการเสียสละเพื่อแก้ไขสถานการณ์
            2.ระหว่างการเลือกตั้งต้องมีคนเข้ามารักษาการนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจเป็นรองนายกฯ ที่ไม่เป็นสมาชิกพรรคขึ้นมาทำหน้าที่แทน เพื่อทำหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งให้เกิดความเป็นธรรมกับพรรคการเมืองทุกพรรค หากเป็นความประสงค์ร่วมของพรรคการเมืองที่ต้องการให้เลื่อนวันเลือกตั้งออกไปได้ และพรรคฝ่ายค้านทบทวนมติไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งใหม่
            3.ควรมีการปฏิรูปการเมือง โดยทุกองค์กรและภาคประชาชนควรเข้ามามีบทบาท และ 4.หากมีการชุมนุมต่อควรให้เป็นไปอย่างสันติวิธี ปราศจากอาวุธ
หลักการของข้อเสนอดังกล่าวจะเป็นการลดความรุนแรงเพราะไม่ต้องการเห็นสังคมเกิดความแตกแยกจนนำไปสู่การนองเลือด อีกทั้งไม่ต้องการให้มีการดำเนินการนอกกรอบรัฐธรรมนูญ เพื่อรักษารัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และเพื่อสร้างสันติสุขให้กลับมาในสังคมไทย
            “วันนี้ต้องมาคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเปลี่ยนเป็นความรุนแรง ซึ่งเราต้องหาทางออกที่เป็นทางเลือกแบบ win win solution ที่ทั้งสามฝ่ายต้องร่วมกันคิดและหาจุดร่วมที่พอจะเป็นไปได้ เพราะคงไม่มีฝ่ายใดชนะ 100 เปอร์เซ็นต์ ควรมีคนกลางเข้ามาทำหน้าที่ดำเนินการเจรจาอย่างที่ทุกฝ่ายต้องการ และควรทำให้เร็วที่สุดยิ่งเร็วยิ่งดี ซึ่งอาจเกิดขึ้นในรูปแบบสานเสวนา แต่ปัญหาขณะนี้เกิดจากการสื่อสารที่ไม่เข้าใจ ทางเลือกที่ดีควรยกหูโทรศัพท์คุยกันหรือตั้งโต๊ะเจรจากันอย่างเร็วที่สุด“ นายโคทม กล่าว
            ด้านนายไพบูลย์ กล่าวว่า บรรยากาศของความเกลียดชังมักจะนำสังคมไปสู่ความรุนแรง โดยเฉพาะสถานการณ์ที่มุ่งการเอาชนะเช่นนี้ ยิ่งจะทำให้เกิดการทำลาย ถึงขั้นเสียเลือดเสียเนื้อ หากเปรียบเทียบการทะเลาะกันในครอบครัวคงไม่มีใครอยากเห็นคนหนึ่งคนใดชนะ เพราะถ้ามุ่งชนะกันด้วยวิธีใดก็ตาม ฝ่ายชนะก็ต้องพังยับเยินเหมือนกัน หากเราสามารถทำให้ทุกฝ่ายชนะทั้งหมดได้ก็จะเป็นการดี แต่ต้องมีการเจรจากัน เพราะใจลึกๆ ก็เชื่อว่าทั้งสามฝ่ายก็ต้องการคุยกัน แต่ต้องมีคนกลางมาช่วยให้การเจรจาเกิดความเข้าใจกัน
            “การลาออกของนายกฯ ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้เหตุการณ์ผ่อนคลายความตึงเครียดได้ และเป็นสัญลักษณ์ของการถอยออกมาอีกหนึ่งก้าว อยากให้นายกฯ รับข้อเสนอนี้ไว้พิจารณาเพราะเป็นการถอยอย่างมีท่า มีศักดิ์ศรี สร้างคุณประโยชน์ต่อทุกฝ่าย อีกทั้งยังถือเป็นการเสียสละเพื่อแสดงความใจกว้างและเป็นการเปิดทางให้คนอื่นขึ้นมาทำหน้าที่แทน และหากนายกฯ ขอเว้นวรรคทางการเมืองไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งก็จะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้พรรคไทยรักไทยที่จะนำไปสู่การเป็นสถาบันการเมืองอย่างที่นายกฯ ต้องการ ส่วนนายกฯ เองอาจจะเลือกทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติแทน ในฐานะประธานสภาที่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายบริหารอีก” นายไพบูลย์ เสนอ
            ด้าน รศ.ดร.ชัยวัฒน์ กล่าวว่า แนวทางสันติวิธีจะเป็นแนวทางที่ทำให้ทุกฝ่ายสร้างความเข้าใจกันได้ ดังนั้น ต้องมองทุกฝ่ายที่เกิดความขัดแย้งเป็นเหมือนญาติมิตรกัน จึงควรหาทางอยู่ร่วมกันเพื่อลดความขัดแย้งที่จะเป็นสาเหตุแห่งความเกลียดชังที่เป็นบ่อเกิดแห่งความแตกแยกและความรุนแรง ซึ่งเชื่อว่าวิธีที่นำเสนอสามารถทำให้สังคมที่มีความสุขได้ และสังคมไทยมีคนที่มีความสามารถในการคิดค้นทางเลือกให้สังคมได้อยู่แล้ว ดังนั้นควรผลักดันให้แนวทางดังกล่าวได้รับการยอมรับเพื่อแก้ไขให้สังคมเกิดความสงบสุขต่อไป

นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม

2 มี.ค. 49

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 17412เขียนเมื่อ 2 มีนาคม 2006 19:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
ติดตามข่าวจากอาจารย์เรื่อยๆครับ กระผมอยากให้แนวคิดของท่านเป็นจริงเช่นกันครับ ไม่ทราบว่า ท่านทักษิณจะเล่นเกมอะไรต่อไปก็ไม่ทราบเช่นกันครับ

จาก ความคิดที่ไม่น่าจะหล่นหาย
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท