บรรยากาศกำลังเข้มข้นมาขึ้นเรื่อยๆค่ะ สำหรับการประชุมเครือข่ายฯสัญจร ครั้งที่ 2/2549 ซึ่งองค์กรรออมทรัพย์ชุมชนบ้านแม่พริกเป็นเจ้าภาพ ขณะนี้ผู้วิจัยเล่าให้ฟังถึงวาระที่ 3 แล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเล่าให้ฟังต่อเลยก็แล้วกันนะคะ
วาระที่ 3 เรื่องสืบเนื่อง (ต่อ)
หลังจากที่ อ.ธวัช , พี่นก ยุพิน รวมทั้งคุณปิยชัย ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอในการบริหารจัดการแบบใหม่ต่อที่ประชุมเครือข่ายฯสัญจรแล้ว ประธานได้กล่าวขึ้นมาหลังจากที่คุณปิยชัยแสดงความคิดเห็นจบว่า ตกลงกลุ่มบ้านต้นธงชัยก็คิดจะทำอย่างเถิน คือ แยกออกไปบริหารจัดการใช่ไหม? คุณปิยชัยกล่าวว่า ผมเพียงแต่บอกว่าน่าที่จะเสี่ยงศึกษา อาจารย์ (ประธาน) อย่าพูดอย่างนี้
ประธานจึงกล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ผมกำลังจะตั้งประเด็นว่าตอนนี้ถ้ากลุ่มไหนเห็นด้วยกับเถิน เดี๋ยวเราจะมาคุยกันว่าจะจัดการตัวเองอย่างไร จะเคลียร์ (เงิน) กันอย่างไร จะย้อนหลังไปถึงสิ่งที่เราทำกันมาแล้วไหม อย่างกลุ่มเถินก็ใช้เงินไปเยอะในเรื่องของการเฉลี่ยความเสี่ยง (ค่าศพ) จะทบยอดไหม หรือจะเอาอย่างไร เพราะ ได้ใช้เงินไปแล้ว ไม่ใช่ว่าคุยกันแล้วจะตัดเลย เนื่องจากใช้เงินไปแล้วล้านกว่าบาท ก็ต้องดูข้อมูลย้อนหลัง สมมติว่าที่ประชุมบอกว่าจะแยกตัวออกมาในลักษณะกลุ่มใครกลุ่มมัน ตัวใครตัวมัน รับผิดชอบตัวเอง หรือ กลุ่มไหนคิดว่าแผนที่ภาคสวรรค์ยังใช้ได้ เรายังรวมกันได้อยู่ เพราะ กลุ่มตัวเองยังเล็กอยู่ ถ้าแยกตัวออกไปเกิดมีคนตาย 1-2 ศพ ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องการที่จะเกาะกลุ่มกัน ก็ตกลง ไม่ใช่ว่าจะตัด แต่อยากให้ทุกกลุ่มพิจารณาอย่างถี่ถ้วนในเรื่องของปรัชญา การทำงานร่วมกันเป็นเครือข่ายฯจังหวัด ถ้าบอกว่าให้ผมทำงานคนเดียวมันไม่ใช่เครือข่ายฯ ต่างคนต่างก็ทำงานของตัวเองไป ไม่ต้องมายุ่งกัน ทำไมผมต้องไปวิ่งให้กับคนอื่น มันไม่ถูกต้อง ทำไปทำไม คำว่าเครือข่ายฯมันต้องมีหลายๆกลุ่ม ต้องเกิดพี่ช่วยน้อง ต้องหลับตาให้เห็นภาพว่ากลุ่มเล็กๆที่กำลังก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา ถ้าจะไปตั้งกลุ่มใหม่อีกสัก 1-2 กลุ่ม เขาจะมีเงินสักเท่าไหร่ เกิดมีคนตายมา 1-2 ศพ เขาจะอยู่ได้ไหมภายใต้ปรัชญาเรื่องวันละ 1 บาท เพราะ เราไม่ได้ทำเรื่องประกันชีวิต เรากำลังทำเรื่องกองทุนสวัสดิการชุมชน เพราะฉะนั้น ตรงนี้ผมยังยืนยันว่ากลุ่มนาก่วมใต้ก็ยังเอาตัวรอดได้ (กลุ่มนาก่วมใต้เป็นกลุ่มที่ประธานเป็นประธานอยู่ค่ะ) แต่ถามว่ากลุ่มข้างเคียงซึ่งมีสมาชิก 100-200 คน ที่พยายามทำอย่างสุดวิถีทางแต่ก็ยังไม่เกิด แล้วกลุ่มพวกนั้นจะอยู่อย่างไร
อ.ธวัช ได้ยกมือขึ้นขอแสดงความคิดเห็นหลังจากที่ประธานกล่าวจบว่า ประธานอาจเข้าใจผิดว่ากลุ่มเถินจะแยกตัว ซึ่งไม่ใช่นะครับ เถินเพียงแต่อาสาจะเป็นหนูทดลองให้เท่านั้น ถ้าทดลองแล้วได้ผล พวกเราก็จะทำไปด้วยกัน แต่ถ้าไม่ได้ผลก็กลับมาเหมือนเดิม
เกิดการโต้เถียงกันขึ้นเล็กน้อยระหว่างที่ อ.ธวัช เสนอ โดยประธานกล่าวแทรกขึ้นมาว่า แล้วจะทำอย่างไร จะมีวิธีการอย่างไร จะเคลียร์ระบบบัญชีอย่างไร จะมีการเคลียร์ย้อนหลังไหม หรือจะตัดบัญชีกันเลยตรงนี้ จะจัดการอย่างไรต้องพูดกันให้ชัดเจน
เมื่อพูดคุยกันมาถึงตรงนี้ ดาบไพศาล ในฐานะรองประธานเครือข่ายองค์กรออมทรัพย์ชุมชนจังหวัดลำปาง ได้ยกมือแสดงความคิดเห็นว่า ผมคิดว่าเรื่องนี้เรามาเสวนากันใหม่ดีไหม เรามาวิเคราะห์ทั้งตัวเลข ทั้งเปอร์เซ็นต์ เพราะ เรามีทั้งกลุ่มเล็ก กลุ่มกลาง และกลุ่มใหญ่ เรามาหาค่าเฉลี่ยกันใหม่ดีไหม ก่อนที่จะฟันธงว่าจะเอาอย่างไร จากนั้นมีผู้เข้าร่วมประชุมกล่าวขึ้นมาว่านี่เป็นแค่ตัวเลขสมมติ คุณกู้กิจ จึงกล่าวขึ้นมาต่อว่า นี่ไม่ใช่ตัวเลขสมมติ เป็นตัวเลขจริงๆ อย่าง 20% ซึ่งเป็นส่วนของกองทุนกลาง (สำรอง) ก็ไปนอนอยู่ที่เครือข่ายฯ 5% ในกองทุนชราภาพ อีก 5% ในกองทุนเพื่อการศึกษา ก็ส่งไปที่เครือข่ายฯ เฉลี่ยการตายก็ส่งไปที่เครือข่ายฯ ยกเว้นกองทุนธุรกิจชุมชนอย่างเดียวที่เงินอยู่ที่กลุ่ม รวมทั้งเงินจ่ายสวัสดิการด้วย แต่จะเห็นได้ว่าเก็บเงินมาได้ 30 บาท จ่ายไปแล้ว 41 บาท จากนั้นที่ประชุมเริ่มอภิปรายอย่างกว้างขวาง (ต่างคนต่างพูด) บางคนก็บอกว่าตัวเลขนี้น่าคิด ในขณะที่บางคนก็บอกว่าน่าจะเอาตัวเลขนี้มาคิดดู ไม่ใช่ว่าจะตัดกลุ่มเถินออกไป มันไม่ใช่ ไม่ถูกต้อง ไม่น่าพูดอย่างนี้
พี่พิกุล ในฐานะประธานองค์กรออมทรัพย์ชุมชนบ้านเกาะคา ได้กล่าวขึ้นมาท่ามกลางความสับสนและเสียงแสดงความคิดเห็นว่า น่าจะเอาตัวเลขนี้มาคิดกัน อย่างถ้าสมาชิกเป็นสมาชิกครบ 180 วันแล้วเราต้องเริ่มจ่ายสวัสดิการให้พวกเขาแล้ว เกิดมีคนตายขึ้นมาเราจะทำอย่างไร ในเมื่อทุกเดือนเราเอาเงินให้เครือข่ายฯไปหมด ทุกวันนี้เงินเราไม่เหลือเลย แถมยังติดลบอีกด้วย เมื่อเป็นอย่างนี้เราจะทำอย่างไร ใครจะมาช่วยเรา อย่างลืมนะว่าตอนนี้หนู (พี่พิกุล) เป็นประธานกลุ่ม ขณะที่ดาบไพศาล เป็นรองประธานกลุ่ม เราต้องเป็นคนรับหน้า เราจะจัดการกันต่อไปอย่างไร
ประธานได้ตัดบท โดยกล่าวว่า ขณะนี้ผมกำลังหาสรุปว่า ในเรื่องนี้เป็นเรื่องสืบเนื่องที่ทางกลุ่มเถินได้เสนอขึ้นมาตั้งแต่การประชุมเครือข่ายฯสัญจรครั้งที่แล้ว แล้ววันนี้ก็แสดงเจตนารมย์ชัดเจน ดังนั้น ตอนนี้อยู่ที่ว่าเราจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร เราลองทดลองที่เถินไหม แต่ต้องมาเคลียร์บัญชีกันให้เรียบร้อย สมมติว่าที่ผ่านมาเถินเอาเงินจากเครือข่ายฯออกไปเท่าใดก็เอาคืนมา เถินเอามาเข้าเครือข่ายฯเท่าใดก็เอาคืนไป เอาอย่างนี้ดีกว่า ตัวเลขจะได้ชัดเจน ในกรณีเดียวกันกลุ่มอื่นๆอยากจะทำก็เข้ามาเคลียร์กัน ใครที่ต้องการรวมเป็นเครือข่ายฯอยู่ก็มาทำงานร่วมกัน
คุณปิยชัย ได้ยกมือแสดงความคิดเห็นว่า ถ้าพูดอย่างประธานก็เหมือนกับว่าตัดขาดเถินออกไป ซึ่งจริงๆแล้วผมคิดว่าเถินไม่ได้มีความตั้งใจที่จะออกจากเครือข่ายฯหรอก น่าจะลองให้เขาไปศึกษา ไปลองทำดู ประธานจึงบอกว่า ไม่ใช่ว่าจะตัด แต่จะให้ทำอย่างไร เงินไม่เข้าเครือข่ายฯ แล้วหนี้สินที่เถินมีอยู่ที่เครือข่ายฯจะทำอย่างไร ใครจะรับผิดชอบ เงินที่ยืมไปล้านกว่าบาทใครจะรับผิดชอบ คุณปิยชัยช่วยตอบผมหน่อย คุณปิยชัยจึงถามกลับมาว่า เงินที่ยืมไปล้านกว่าบาทคือเงินอะไร ประธานตอบกลับมาว่า เงินที่ยืมมาจาก พอช. ที่สำรองจ่ายค่าศพไปก่อน คุณปิยชัย จึงกล่าวตอบประธานว่า ที่ผมพูดขึ้นมานั้น เพราะ ผมอยากให้กลุ่มเถินทดลองไปก่อนระยะหนึ่ง ประธานจึงกล่าวกลับมาว่า ก็ใช่เราจะให้เขาทดลอง แต่ก็ต้องเคลียร์เงินกลับมาก่อน คุณปิยชัยจึงถามกลับไปว่า ถ้าเขามาเคลียร์เงินแล้วก็เท่ากับตัดเขาออกไปเลยใช่ไหม ประธานตอบว่า ไม่ได้ตัด เพราะ เงินกองทุนสวัสดิการคนทำงานที่ต้องส่งมาที่เครือข่ายฯ 40 บาท/คน/ปี เขาก็ยังส่งอยู่ ไม่ได้ตัดเขาออกจากเครือข่ายฯนะ พี่เบิ้ม จากกลุ่มเกาะคา ได้ยกมือช่วยอธิบายว่า ผมเข้าใจว่าประธานหมายความว่า ให้เถินมาเคลียร์บัญชี เคลียร์ตัวเลขต่างๆให้เรียบร้อยใช่ไหม ประธานตอบว่า ใช่ เราไม่ได้ตัดเถิน พวกเราก็ยังคงมีสภาอยู่ ผมอยากจะให้เขาทดลองทำดู ผมก็เห็นว่าเป็นความคิดที่ดี แต่ว่าเราต้องมาดูว่าเราจะเคลียร์กันอย่างไร เพราะ ตอนนี้ตัวเลขมันอีรุงตุงนังกันอยู่ ทางออกก็คือ ต้องเอารายรับ รายจ่ายมาเคลียร์กันก็เท่านั้นเอง
อ.นวภัทร ในฐานะประธานองค์กรออมทรัพย์ชุมชนบ้านเหล่า (เถิน) ได้ยกมือขออนุญาตแสดงความคิดเห็นว่า เห็นตัวเลขแล้วคิดหนัก (ในที่ประชุมพากันหัวเราะ) รับมาจากสมาชิก 30 บาท แต่จ่ายจริง 41 บาท เพราะว่าเราจะไปไม่รอด ทีนี้เราจะมีวิธีไหนที่จะรวมกลุ่มกันเพื่อคลี่คลายปัญหา ทางเถิน (กลุ่มบ้านดอนไชย) ก็เสนอว่าน่าจะลองอย่างนี้ เราให้เขาลองไม่ดีเหรอ เผื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ค่าเฉลี่ยต่างๆอาจลดลง เห็นอย่างนี้แล้วใจหายเลย จะไปรอดไหมนี่ เราเป็นตัวแทนชาวบ้านนะ มีหน้ามีตาในชุมชนนะ เกิดเจ๊งขึ้นมาเราอยู่ไม่ได้นะ โคตรเหง้าต้องหนีกันหมดนะ
ประธานพยายามสรุปว่า ก็นี่ไงครับ เรากำลังช่วยกันคิด ความจริงแนวทางนี้เราก็ช่วยกันคิดตลอดอยู่แล้ว แผนที่ภาคสวรรค์ที่เราทำอยู่ก็ใช้มาตั้งแต่กลุ่มแรก คือ กลุ่มนาก่วมใต้ ก็ใช้มาเรื่อยๆ มันยังไม่ถึงวิกฤติ แต่เรายังไม่ปฏิบัติตามกฎกติกาเท่านั้นเอง ดังนั้น ผมจึงเห็นว่าแผนที่ภาคสวรรค์ยังไม่ติดลบ ทีนี้ถ้าเถิน แม่พริก เห็นว่าไปไม่ไหวแล้ว อยากจะลองวิธีการใหม่ เราก็ไม่ขัด แต่ว่าเราจะเคลียร์กันอย่างไรเท่านั้นเอง เพราะว่าเงินถูกใช้ไปก่อนหน้านี้แล้วเป็นจำนวนมาก เมื่อมาถึงตรงนี้พี่เบิ้มได้กล่าวแทรกขึ้นมาว่าเคลียร์ยังไงวันนี้ก็คงไม่จบ เอาไว้ไปเคลียร์กันในการประชุมครั้งหน้าที่เกาะคาดีไหม ทานข้าวแต๋นไปก็เคลียร์กันไป ปรากฎว่าสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากที่ประชุมได้พอสมควร
จากนั้น คุณอุทัย ในฐานะประธานองค์กรออมทรัพย์บ้านป่าตัน และเป็นรองประธานเครือข่ายฯด้วย ได้ยกมือแสดงความคิดเห็นว่า ในความคิดเห็นของผมเรื่องวันละ 1 บาท พอเห็นว่าเก็บเงินได้ 30 บาท แต่จ่ายจริง 41 บาท ผมยอมรับว่าไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน มองดูแล้วน่าคิด แต่ถ้ากลุ่มเถินไม่ส่งเงินมาที่เครือข่ายสักบาท ส่งแต่ 40 บาท/คน/ปี เพราะฉะนั้นรายจ่ายตั้งแต่ต้น ถ้าเถินจะลองก็ไม่มีปัญหา ผมเห็นด้วย ผมอยากให้ลอง แต่ระบบรายจ่ายถ้าเราอยากให้ตัวเลขเห็นชัด เราต้องเคลียร์ตั้งแต่ต้นมา เราจะได้รู้ว่าเถินรับมาเท่าใด จ่ายไปเท่าใด แล้วลองให้เถินทำดู จากนั้น 6 เดือน หรือ 1 ปี เราลองมาคุยกัน มาสรุปกัน ไม่ใช่ตัดเถินออกนะครับ แต่อยากให้มาเคลียร์กันให้เรียบร้อย ถ้าเถินทำแล้วประสบความสำเร็จ กลุ่มของผมก็จะทำด้วย ถ้ามันจะดีกว่าเก่า ผมก็ว่าโอเคนะ ในหลักความเป็นจริงกลุ่มเล็กอาจไปไม่รอด ดังนั้น ต้องใช้หลักพี่อาศัยน้อง น้องอาศัยพี่ แต่ถ้าเป็นกลุ่มใหญ่อย่างเถินจะลองทำอย่างนี้ ผมเห็นด้วย แต่ไม่ใช่ตัดเถินออกจากเครือข่ายฯนะครับ
พี่นก ยุพิน ได้กล่าวต่อจากคุณอุทัยว่า ระบบบัญชีของเถินต้องยอมรับว่าเป็นปัจจุบันที่สุด เราสามารถเอาตัวเลขมาชน (เปรียบเทียบ) กับเครือข่ายฯได้เลย ถ้ามามอง มาสรุปตัวเลขตรงนั้นจะเห็นชัดเจนกว่านี้อีก วันนี้เราแค่เอาประเด็นที่ทุกกลุ่มไม่ได้มอง หรือเอามามองแล้วแต่ยังไม่ได้ทำอะไร เราก็ลองมาคิดแค่จุดเดียว ถ้าเราเคลียร์บัญชีเรียบร้อย แล้วลองกลับไปทำตามที่เราวางแผนกันมานี้ แล้วเอามาคุยกันในที่ประชุมทุกเดือน ว่าเถินทำไปแล้วเป็นอย่างไร พบปัญหาหรือไม่ มีวิกฤติเกิดขึ้นหรือไม่ เถินจะไม่ปิดบังข้อมูล จะรายงานทุกครั้ง ที่ประชุมก็สามารถถามได้ แต่เถินขอไปจัดการอย่างนี้
เอาล่ะค่ะ เล่ามาตั้งนานแล้ว วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อนนะคะ เพราะ ต้องทำงานอีกหลายอย่าง พรุ่งนี้มีนัด (อย่างน้อย) ตั้ง 3 นัดหนะค่ะ แล้วจะเข้ามาเล่าให้ฟังใหม่นะคะ