เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาผู้เขียนทำงานที่คลินิกของมหาวิทยาลัย
มีคนไข้เป็นคุณยายท่านหนึ่งที่หลังโกงมากๆนั่งรถเข็นคล้ายๆรูปด้านบนมาหา
ดูแล้วเห็นว่ารถเข็นปรับเอนไปด้านหลังได้ ก็เลยไม่ได้ย้ายท่านไปนั่งที่เก้าอี้ทำฟัน
อีกทั้งหลังของท่านก็โก่งมาก ถ้านั่งเก้าอี้ทำฟันท่านคงทนได้ไม่ถึง 2 นาที
ผู้ช่วยกับผู้เขียนก็เลยช่วยกันเข็นรถท่านมาเทียบขนานกับเก้าอี้ทำฟัน
เอาให้แน่ว่าไฟส่องถึง สายเครื่องมือกรอฟันยาวถึง ปุ่ม power ที่เท้าอยู่ในตำแหน่งที่ทำงานได้
แล้วเราก็เอนเบาะรถเข็นของท่านลง แต่ว่าเอนลงมาได้แค่ประมาณรูปด้านบนท่านก็ถามว่า "แค่นี้พอมั้ย"
ผู้เขียนก็ตอบว่า โอเค มาลองดูกันก่อนว่าเป็นไงนะ
ผลการรักษาเป็นไปได้ด้วยดีค่ะ อุดฟันหน้า 4 ซี่ กับ ขูดหินปูน คุณยายก็นอนสบาย สีหน้ายังสดชื่นเมื่อรักษาเสร็จ แต่....
หมอกลับบ้านปวดคอและไหล่ซ้ายไป 2 วันค่ะ! นี่ขนาดเตือนตัวเองบ่อยๆนะว่า อย่าลืม ergonomic
แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะว่า....ค้นพบแล้วว่าส่วนสูงของหมอ สู้ส่วนสูงของคนไข้และรถเข็นไม่ได้ : P
ตอนแรกก็นั่งทำงาน แต่ไม่ถนัดก็เลยยืน เป็น standing dentistry เหมือนสมัยก่อน แต่ก็ยังมีมุมที่ไม่สามารถรักษาความเป็น ergonomic ได้ เพราะพนักพิงศีรษะมันหนามาก (ยิ่งหลังคนไข้โกงแค่ไหน ที่พิงศีรษะก็จะถูกปรับให้หนามากขึ้น คือหัวของคนไข้จะยื่นออกไปด้านหน้ามากขึ้น)
ทำให้มุมมันไม่เอื้อ (ต่อการปฏิบัตืการจากทั้ง 12 และ 9 นาฬิกา)
หมอคนที่สูงๆคนไม่มีปัญหาเท่านี้ -_-'
จำไว้ว่าคราวหน้าต้องมีกล่องหนุนเพิ่มความสูงหมอ! แฮะๆ
บันทึกนี้ทำให้นึกถึงคนที่ดูแลผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็นรุ่นนี้อยู่ทุกวันด้วยค่ะ ให้ระวังดูท่าทางตัวเองเวลาดูแลแปรงฟันให้ท่าน ถ้าไม่ถนัด แนะนำว่าให้แปรงฟันตอนผู้สูงอายุนอนตะแคงบนเตียงแล้วใช้ถาดรองรับน้ำช่วย น่าจะดีกว่ากับทั้งคนดูแล (ถนอมหลังและไหล่) และผู้สูงอ่ายุเอง (ฟันเหงือกลิ้นสะอาดทั่วถึง)
-------------------------------------------------------------------------------
คลิกเพื่ออ่าน:
เรื่องเล่าจากประสบการณ์การทำงานทันตกรรมผู้สูงอายุ (1)
@ สวัสดีคะ
@ ดีจังเลยนะคะเดียวนี้มาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยหลาย ๆ ด้าน
@ อย่างเช่นเก้าอี้ดังกล่าว แต่ อย่างไรคุณหมอก็ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ
@ เป็นกำลังใจให้คะ
อย่างนั่งบ้างนะครับขี้เกียจเดิน...
สวัสดีค่ะคุณ=ปลายฝน= และคุณกวินทรากร
ขอบคุณมากๆค่ะที่แวะมาทักทาย
รถเข็นที่นี่ทันสมัยมีหลายแบบมากค่ะ
มัทเคยไปเชียร์กีฬาคนพิการที่นี่ เพราะมีนักกีฬาคนไทยมาด้วย
ตอนพิธีเปิดจะเห็นได้ชัดมาก ว่ารถเข็นของแต่ละประเทศเป็นอย่างไร
เห็นแล้วอยากหาทุนซื้อรถใหม่ให้พี่ๆน้องๆนักกีฬาประเทศกำลังพัฒนาอย่างเราๆมากเลยค่ะ เพราะของเรามันทั้งหนักทั้งหนาทั้งช้า ไม่ได้บางเบาคล่องตัว เอนได้ พับได้ หรือแม้แต่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเหมือนของประเทศที่มีเงินมาก
ขอบคุณค่ะอ. ขจิต
มัทเห็นใน internet ว่ามีบริษัทขายรถเข็นในไทยที่มีคุณภาพอยู่ค่ะ แต่ว่างบนักกีฬาพิการเราน้อยมาก เลยไม่มีมาใช้
พูดถึงรถพวกนี้นำเข้าได้ไม่ยาก หรือถ้ามี prototype คนไทยน่าจะทำได้
แต่ที่มัทเป็นห่วงมากๆคือสภาพถนนบ้านเรามากกว่าค่ะ
แล้วก็พวกห้องน้ำ ฟุตบาท ทางขึ้นลง มันช่างไม่เอื้ออำนวยให้คนพิการหรือผู้สูงอายุออกจากบ้านเท่าไหร่
อยากช่วยหาทางทำให้มันดีๆจังค่ะ