วันเดินทางกลับ ลุงโจ้ไม่ใช้เส้นทางเดิมซึ่งต้องแวะรับป้าเจี๊ยบที่มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก เพราะกะกันว่าจะไปกินข้าวเย็นที่บ้านกลางดงอำเภอปากช่องของป้าแจง ดังนั้นเมื่อออกจากอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ลุงโจ้ก็เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปขอนแก่น
ลุงโจ้มีบุคลิกประจำตัวที่ญาติมิตรรู้จักดีคือพูดน้อยมาก ก... บางวันไม่พูดเลยยังได้ ดังนั้นเมื่อบอกสั้นๆว่าจะพาไปดูช้างกระ และแวะอำเภอชนบทให้ป้าแอ๋วศรีภรรยาซื้อผ้าไหม ป้าเจี๊ยบก็เงียบ แม้จะไม่นิยมใส่ผ้าไหม (แบบว่าชอบผ้าฝ้ายฮ่ะ..) และเคยเห็นช้างกระแล้ว
เมื่อถึงประตูทางเข้าวัดป่ามัญจาคีรี มีป้ายใหญ่กว่าชื่อวัดเขียนว่า “อุทยานกล้วยไม้ป่าช้างกระ” ป้าเจี๊ยบก็เริ่มสนใจขึ้นมานิดๆ (นิดเดียวจริงๆ) คาดว่าคงจัดทำเป็นสวนปลูกช้างกระไว้ให้นักท่องเที่ยวชม ก็ดี...จะได้ถ่ายรูปดอกไม้เอาไปอวดน้องแพร
ระหว่างที่ลุงโจ้ขับรถเข้าไปในบริเวณวัด ป้าเจี๊ยบเห็นแต่ลานโล่งๆ ไม่เห็นมีสวนช้างกระเลยสักนิด? สมาชิกในรถเริ่มเปรยกันว่าไม่เห็นมีอะไรเลย
แต่พอป้าเจี๊ยบเริ่มสำรวจบริเวณด้วยการกวาดตาไปทั่วๆ ก็ต้องร้อง “โอ้โห...” ดังลั่น บอกทีมเที่ยวว่า “มองข้างบนนู่น...”
ทีนี้ก็ตื่นเต้นสิคะ พอลุงโจ้จอดรถปุ๊บ ป้าเจี๊ยบก็ถลาลงทันที ถือกล้องถ่ายรูปไปเดินแหงนหน้าดูช้างกระจำนวนมากมายมหาศาลที่เกาะอยู่บนต้นมะขามขนาดยักษ์ สวยงามมากค่ะ แถมยังหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณอีกต่างหาก
คุณแม่ชีที่เฝ้าบริเวณวัดกรุณาพาพวกเราเดินชมไปเรื่อยๆ ยิ่งเดินก็ยิ่งพบว่ามีมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน เพราะพื้นที่วัดมีตั้ง 15 ไร่ ปลูกต้นมะขามไว้เกือบ 300 ต้น! แต่ละต้นยักษ์ๆ ก็มีต้นช้างกระซึ่งขึ้นเองตามธรรมชาติเกาะอยู่ตามกิ่งตามลำต้นเต็มพรืดไปหมด
คุณแม่ชีชี้ให้ดูต้นช้างกระเล็กกระจิ๋วหลิวที่เพิ่งงอกขึ้นตามลำต้นมะขามด้วยค่ะ อธิบายว่าสปอร์ปลิวมาเกาะแล้วงอกขึ้นใหม่อย่างนี้แหละ ถึงได้มีอย่างมากมาย
บ้างต้นงอกอยู่บริเวณโคนต้นมะขาม ทำให้ป้าเจี๊ยบถ่ายรูปสวยๆ แบบใกล้ชิดได้ และสูดกลิ่นหอมสดชื่นแบบเต็มๆ...
ตามปกติช้างกระจะเริ่มออกดอกเดือนธันวาคมและบานในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ แต่ก็เอาแน่ไม่ได้ แล้วแต่อากาศปีนั้นๆ อย่างปีนี้ออกดอกเร็วมาก คุณแม่ชีบอกว่าถ้ามาต้นมกราคมจะเห็นมากกว่านี้
โห..นี่ขนาดไม่เยอะนะเนี่ย..
ป้าเจี๊ยบอยากให้ใครที่ไม่เคยไปได้เห็นจังเลยค่ะ หวังว่าปีหน้าจะได้พาน้องแพรและสมาชิกครอบครัวไปดูอีก ตอนที่ออกดอกเต็มที่
อีกอย่างคือ ทางจังหวัดน่าจะมีมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งช่วยรักษาจำนวนช้างกระให้คงที่หรือเพิ่มขึ้นอีก เพราะคุณแม่ชีเล่าว่า เมื่อก่อนมีมากกว่านี้หลายเท่า แต่มีคนมาขโมยไปขายอยู่เรื่อยๆ บางรายเอารถกระบะมาขนใส่กระสอบไป!
อะพิโถ... คนหนอคน ขโมยของวัดก็ยังทำได้ลง..
อู๊ยๆๆ สวยๆๆจังค่ะ
in กับเรื่องมาก ขนาดได้กลิ่นหอมเลยนะคะ
แต่ก่อนที่บ้านมีเยอะ คุณพ่อชอบ ต่อมาเราย้ายบ้าน บางส่วนต้องขายไปบ้างค่ะ
สวัสดีค่ะ ป้าเจี๊ยบ
เคยไปวัดนี้ค่ะ แต่ไปตอนที่ไม่ใช่ฤดูให้ดอก
ว่าจะๆๆๆๆ กลับไปชื่นชมออีก ก็ไม่ได้ไปซักทีค่ะ
คงจะส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณเลยนะคะ
ปล. ป้าเจี๊ยบ ถ่ายรูปสวยค่ะ ได้ภาพชัดเจนเลยค่ะ
สวัสดีครับ ป้าเจี๊บย
ผมก็ไปมาแล้วครับ สวย หอม น่าทนุถนอมจริงๆครับ
สวัสดีค่ะ คุณป้าเจี๊ยบ
ถ้าไปปีหน้ากันจริงๆ คงต้องแวะไปอยุธยา รับทั้งน้องแหวว พชรวรัตถ์ แสงทองชนาพงศ์ และ คุณนายดอกเตอร์ ส่วนคุณ tuk-a-toon อยู่แถวนั้นแล้ว คงเจอกันที่วัดได้ ^_____^