เทคโนโลยีสีเขียว และผลิตภัณฑ์จากจุลินทรีย์
ขอขอบคุณ ศ. ดร. ยอดหทัย เทพธรานนท์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บวท. (บวท. = บัณฑิตยสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย มีฐานะเป็นมูลนิธิ) ที่ส่งจดหมายเชิญชวนให้ลงคะแนนเลือก “สิบเทคโนโลยีอนาคตสำหรับประเทศไทย” ทำให้ผมเกิดความคิดนี้ เตือนไว้ก่อนว่าคงจะเป็นความคิดที่ทวนกระแส
บวท. และ สวทช.
ร่วมกันดำเนินการโครงการนี้มาหลายเดือน
หลายขั้นตอนแล้ว
จนได้รายชื่อเทคโนโลยีแห่งอนาคต ๑๘
รายการเอามาให้ลงคะแนนกันเพื่อให้ได้ ๑๐
เทคโนโลยีแห่งอนาคตสำหรับสังคมไทย
ที่จริงผมเกี่ยวข้องแบบห่างๆ กับโครงการนี้มาตั้งแต่ต้น
เพราะผมเป็นกรรมการบริหาร บวท. ด้วย
แต่ผมตามเรื่องเทคโนโลยีไม่ค่อยทัน
จึงไม่สามารถให้ความเห็นได้มากนัก
พอได้รับจดหมายเชิญให้ลงคะแนนและได้อ่านข้อสรุปสำหรับแต่ละเทคโนโลยี
(ซึ่งเขียนโดยผู้เชี่ยวชาญไทยในแต่ละด้าน และเขียนอย่างดี
ทำให้ผมได้ความรู้มาก)
ผมก็ฉุกคิดว่าข้อสรุปสิบเทคโนโลยีอนาคต นี้
น่าจะมีความลำเอียงอยู่
คือเป็นสิบเทคโนโลยีอนาคตตามความเห็นของนักวิชาการผู้เกี่ยวข้องในโครงการลงไปที่ประเด็นของบันทึกนี้เลยนะครับ
ในรายการ ๑๘ เทคโนโลยีที่เขาส่งมาให้เลือกนั้น รายการที่ ๑ ชื่อ
เทคโนโลยีสีเขียวแบบผสมผสาน
และเทคโนโลยีที่ ๓ ชื่อ ชีวโมเลกุลที่ผลิตในแบคทีเรีย
ผู้เชี่ยวชาญ คือ
ศ. ดร. จงรักษ์ ผลประเสริฐ แห่ง AIT ได้ให้นิยามของ
เทคโนโลยีสีเขียวแบบผสมผสาน
ว่า เป็นการรวมตัวกันของเทคโนโลยีสีเขียว
(หมายถึง เทคโนโลยีที่มุ่งเน้นที่จะอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม)
ในหลายแขนงวิชา ได้แก่ ด้านวัสดุ
ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบพลังงาน และเทคโนโลยีการผลิต
ไว้ด้วยกัน ไม่เพียงแค่ลดปริมาณของเสีย
แต่ต้องไม่ก่อให้เกิดของเสียเลย
และสามารถนำผลผลิตและของเสียกลับมาใช้ใหม่อย่างสมบูรณ์
เทคโนโลยีนี้สามารถนำมาใช้ได้ทั้งในภาคเกษตร
การผลิตอุตสาหกรรม เหมืองแร่ และระบบการขนส่ง
ดร. นำชัย
ชีววิวรรธน์ ได้ให้ความหมายของ ชีวโมเลกุลที่ผลิตในแบคทีเรีย
ว่าหมายถึงการใช้จุลินทรีย์เป็นโรงงานผลิตสารชีวโมเลกุลที่มีคุณค่าสูงและราคาแพง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารในกลุ่มชีวเภสัชภัณฑ์
(biopharmaceuticals) เช่นสารปฏิชีวนะ
วิตามิน ยา วัคซีน เอนไซม์
กรดอะมิโน รวมไปถึงสารชีวโมเลกุลอื่นๆ
ที่ไม่เคยพบตามธรรมชาติมาก่อน
ผมชอบ ๒ เทคโนโลยีนี้มาก แต่ชอบคนละแบบกับการนำเสนอ ซึ่งเสนอในแบบตามแนวตะวันตก คือมองการผลิตแบบไฮเทค ซึ่งผมมองว่าไม่ใช่จุดแข็งของเรา จุดแข็งของเราคือความเป็นประเทศในเขตร้อนชื้น ที่จุลินทรีย์ในธรรมชาติเติบโตได้ดี ผมจึงมอง ๒ เทคโนโลยีนี้ผสมผสานกัน เป็นการผลิตด้วยเทคโนโลยีสีเขียว ปลอดสารพิษ ปลอดการทำลายสิ่งแวดล้อม โดยให้จุลินทรีย์ในธรรมชาติสร้างปุ๋ยและชีวโมเลกุลเร่งการเติบโตของพืช ถ้ามีน้ำดี เทคโนโลยีชีวภาพที่เน้นการพัฒนาจุลินทรีย์ให้ทำหน้าที่สร้างปุ๋ยและฮอร์โมนธรรมชาติ น่าจะเป็นเรื่องที่เราเร่งพัฒนาให้จงหนัก โดยประสานกันระหว่างเกษตรกรผู้สร้างความรู้จากการปฏิบัติจริง กับนักวิชาการผู้ต่อยอดความรู้ปฏิบัติด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ผมได้แนวคิดนี้จากการไปคลุกคลีกับโรงเรียนชาวนาในจังหวัดภาคกลาง และพบว่าการบำรุงดินด้วยปุ๋ยชีวภาพและจุลินทรีย์ ให้ผลผลิตสูงอย่างไม่น่าเชื่อ
ผมมองว่าประเทศไทยสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรที่เรามีจุดได้เปรียบ
เช่นข้าว เราควรผลิตข้าวคุณภาพสูงทั้งด้านกินอร่อย
และเป็นข้าวปลอดสารพิษ
และขายตลาดบน
หรืออย่างน้อยขายภายในประเทศ
ให้คนไทยได้บริโภคอาหารปลอดภัย
เราจะได้ผลในด้านสุขภาพเป็นของแถม
(หรืออาจมองเป็นผลหลักก็ได้)
ทั้งสุขภาพของผู้ผลิต และของผู้บริโภค
เทคโนโลยีอนาคตแนวนี้สอดคล้องกับกิจกรรมโรงเรียนชาวนา
และสอดคล้องกับเศรษฐกิจพอเพียง
วิจารณ์ พานิช
๑๔ กพ. ๔๙