เพลินพัฒนาทั้งนักเรียนและพ่อแม่
มีโอกาสไปโรงเรียนเพลินพัฒนา หลังจากรุ่งอรุณหนึ่งสัปดาห์ด้วยความบังเอิญ ตอนที่คุณคนดอยมาชวนครั้งแรก ตั้งใจว่าจะไม่ไปเพราะติดงานเตรียมการประชุมเปิดตัวโครงการใหม่ที่ตัวเองรับผิดชอบ แต่เห็นว่าเจ้านายเคยบอกว่าน่าสนใจวิธีการเรียน การสอนที่นี่ เพราะสัมผัสมาจากงาน KM แห่งชาติเมื่อปลายปีที่แล้ว จึงสอบถามไป ปรากฏว่าพี่เขาสนใจ ในฐานะลูกน้องที่ดีก็เลยต้องไปด้วย เผื่อมีอะไรแลกเปลี่ยนจะได้พูดคุยให้เข้าใจเห็นภาพตรงกัน
ในวาระนี้ มาทราบเมื่อไปถึงโรงเรียนว่า อ.คนไร้กรอบจะมาพูดให้พ่อแม่ของนักเรียนฟัง โดยนำภาพยนตร์สารคดีสั้นๆ ของรายการ Little Angel ซึ่งเป็นการสะท้อนปัญหาการเลี้ยงดูลูกของพ่อแม่ครอบครัวหนึ่ง และมีนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญการแก้ปัญหาพฤติกรรมของคนในครอบครัว คิดว่าคุณพ่อ คุณแม่หลายท่าน (ส่วนใหญ่จะคุณแม่เกือบทั้งห้อง) คงเคยพบปัญหาคล้ายกับในภาพยนตร์มาบ้าง ปัญหาของเด็กที่เกิดขึ้นมาจากพ่อแม่นั่นเอง ดังนั้นการแก้พฤติกรรมเด็ก ต้องให้พ่อแม่เป็นคนปรับก่อน วิธีการที่นักจิตวิทยาใช้คือต้องอัดวิดีโอเหตุการณ์วุ่นวายในครอบครัวไว้ แล้วมานั่งดูด้วยกัน ชี้ประเด็นที่เป็นปัญหาให้พ่อแม่ดู
ท่านอาจารย์เคยเข้ามาพูดคุยกับกลุ่มนี้มาบ้างแล้ว สอนให้ใช้ธรรมะในการเลี้ยงลูก พร้อมให้แนวทางการเลี้ยงดูเด็กเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ บรรยากาศในการพูดคุยกันดีมาก คุณแม่หลายท่านร่วมซักถาม ให้ความเห็น แต่ส่วนใหญ่จะถามปัญหาลูกของตัวเอง ที่มีพฤติกรรมปัญหาแตกต่างกันไป เช่น ลูกไปสนิทกับพ่อมากไม่สนใจแม่เลย ลูกก้าวร้าวชอบรังแกเพื่อน ลูกดื้อไม่เชื่อฟัง เล่นภายใต้ความเสี่ยง คงมีปัญหาอื่นๆ อีกมากมายที่บางท่านยังไม่ได้เล่าออกมา
คิดว่ากระบวนการที่โรงเรียนจัดตั้งคุณครูท่านหนึ่งมาดูแลเรื่องการพัฒนาผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่อื่นๆ แยกกับคุณครูที่ดูแลเรื่องการพัฒนาคุณครูด้วยกันก็เป็นการดี เพราะจะได้ทำงานอย่างเต็มที่ แต่ก็ทำวิธีการให้ไปในทิศทางเดียวกันคือสร้างเวทีให้มีโอกาสมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
ช่วงบ่ายโชคดีมีโอกาสนั่งล้อมวงคุยกันระหว่างทีมคุณคนดอย ทีมของ citrus ทีมของคุณครูและตัวแทนผู้ปกครอง ส่วนใหญ่เรื่องที่คุย คือแลกเปลี่ยนกระบวนการพัฒนาคน สร้างคนในภาคธุรกิจแบบเรา ว่าทำอย่างไรมีอุปสรรคปัญาหาอะไร แล้วเราจัดการกันอย่างไร ส่วนโรงเรียนก็เล่าให้ฟังถึงกระบวนการพัฒนาการเรียนการสอนของเด็ก โดยเริ่มต้นจากการพัฒนาคุณครูก่อน
จากความเห็นส่วนตัว คิดว่าการเชื่อมโยงการพัฒนาผู้ปกครองควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณครู และนักเรียน น่าจะเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว และน่าจะสร้างคนให้แข็งแรงในทุกสังคม ไม่ต้องเกิดความขัดแย้งระหว่างการสอนของพ่อแม่กับคุณครู และการพัฒนาเด็กก็ต้องผสมผสานความร่วมมือ ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
แต่ที่ได้ยินคุณแม่บ่นกันมากคือ ทำยังไงจึงจะดึงคุณพ่อเข้ามามีส่วนในการดูแลลูกบ้าง สละเวลาตีกอล์ฟ สังสรรค์นอกบ้านมาอยู่กับลูกๆ ให้มากขึ้น บรรยากาศในบ้าน/ครอบครัว จะได้อบอุ่นมากขึ้น เราจะได้ช่วยกันผลิตคนดี คนเก่งออกมาทำประโยชน์ให้กับสังคมข้างนอกได้มากขึ้น
ความเห็น (4)
ใช่แล้วค่ะน้องหนิง พี่ไม่อยากบอกว่า ตอนที่พบกับ อ.ผู้อำนวยการ ครั้งแรกก็คือหน้าจุดแยกขยะ อ.ก็เลยพาพวกเราไปคุยเรื่องการแยกขยะเป็นเรื่องแรกค่ะ เห็นผลงานที่เด็กๆ เขาทำกัน นำขยะพวกกล่องกระดาษ พลาสติกที่ใส่ขนมรูปแบบต่างๆ มาล้างแล้วเอาไม้หนีบสีมาหนีบไว้ จัดเรียงอย่างสวยงาม ฝึกเด็กได้หลายเรื่องทีเดียวค่ะ
การไปดูงานที่นี่ไม่มีการพาเข้าห้องบรรยายค่ะ เดินไป คุยไป
สวัสดีค่ะ
เรื่องการจะดึงคุณพ่อออกมาช่วยดูแล ลูกๆบ้าง เป็น เรื่องหนึ่ง ที่ต้องให้ความสนใจค่ะ
พี่เอง มีหลานเล็กๆ 1.7 ขวบ ใช้วิธี ให้พ่อต้องพาลูกไปเข้า สังคมที่Little Gym ทุกเช้าวันเสาร์ และทานข้าวเที่ยงที่บ้าน ก่อนคุณพ่อ ของหลาน จะพยายามขอตัวไปข้างนอก
ส่วน วันอาทิตย์ เป็นกฏ ของครอบครัวค่ะ ต้องอยู่ทานข้าวเที่ยงกันทุกคน และให้พ่อพาลูกปเที่ยวด้วย
คิดว่า ต้องมีการตั้งกฏของบ้านเหมือนกันค่ะ
มาเยี่ยมด้วยนะคะ ได้เตีรยมพาหลานไปเที่ยว
ขอบคุณ พี่ Sasinanda
ที่กรุณามาให้ตัวอย่าง เป็นแบบแผนที่อยากให้ทุกครอบครัวมีกติกาเช่นนี้บ้าง ซึ่งก็ควรเกิดจากการที่คนในครอบครัวมานั่งล้อมวงคุยกัน และหาข้อสรุป เพื่อให้เกิดความผูกพันกับข้อตกลงนั้น และยอมรับที่จะปฏิบัติตาม
ทุกวันนี้ครอบครัวส่วนใหญ่มีเวลาให้กันน้อยเหลือเกิน