เดี่ยวนี้ใครๆก็เห็นความสำคัญของการนำ KM มาใช้ แม้กระทั่ง กระทรวงศึกษาธิการยังสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดนำมาใช้อย่างจริงจัง โดยมุ่งหวังให้สอดรับกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริหารบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 หมวด 3 มาตรา11 ระบุว่า "ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒนาความรู้ในส่วนราชการเพื่อให้มีลักษณะเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งต้องรับรู้ข่าวสารและสามารถประมวลผลความรู้ในด้านต่างๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติราชการอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเหมาะสมกับสถานการณ์ รวมทั้งต้องส่งเสริมและพัฒนาความรู้ความสามารถสร้างวิสัยทัศน์และปรับเปลี่ยนทัศนคติของข้าราชการในสังกัด ให้เป็นบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ และมีการเรียนรู้ร่วมกัน" สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียนก็ขานรับนโยบายของท่านปลัดกระทรวงฯ คุณหญิง ดร.กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา โดยจัดตั้งทีม KM. ทั้งในระดับสำนัก และใน ระดับหน่วยงานย่อยๆลงไป
กลุ่มแผนงาน กศน. ได้ติดตามและให้ความสนใจในเรื่องนี้มาตลอด จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานดำเนินการจัดการความรู้ และวางแผนดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นโดยกำหนดความหมาย และ KPIs ไว้ดังนี้
การจัดการความรู้ของบุคลากรกลุ่มแผนงาน
ความหมาย :
เป็นกระบวนการที่บุคคลและองค์กรดำเนินการเกี่ยวกับการแสวงหาความรู้
(Knowledge Acquisition) การสร้างความรู้ (Knowledge Creation)
การจัดเก็บและค้นคืนความรู้ (Knowledge Storage and Retrieval)
และการถ่ายทอดความรู้และการใช้ประโยชน์ (Knowledge Transfer and
Utilization) ในการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องทั้งระดับส่วนบุคคล
(Individual Perspective) และระดับองค์การ (Organizational
Perspective)
KPIs
การจัดการความรู้ของบุคลากร
1. การแสวงหาความรู้ของบุคลากร
:
Ø การแลกเปลี่ยนข้อมูล สารสนเทศ ความรู้
และความคิดเกี่ยวกับการปฏิบัติ
งานเพื่อก่อให้เกิดความรู้โดยนัย (Tacit Knowledge)
ซึ่งนำไปสู่การเป็นผู้สร้างความรู้ (Knowledge Creator)
Ø
การศึกษาค้นคว้าหาองค์ความรู้ (Body of Knowledge)
ซึ่งเป็นความรู้ที่ชัดแจ้งที่มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
(Explicit/Codified Knowledge) เพื่อใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติงาน
2.
การสร้างความรู้ของบุคลากร
:
Ø
การทำงานในหลากหลายหน้าที่เพื่อก่อให้เกิดความรู้โดยนัย (Tacit
Knowledge) และเป็นผู้สร้างความรู้ (Knowledge Creator)
ในที่สุด
Ø
การรวบรวมและสังเคราะห์ความรู้เพื่อใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติงานหรือสร้างนวัตกรรมในการทำงาน
Ø
การแก้ปัญหาการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ
3.
การจัดเก็บและค้นคืนความรู้ของบุคลากร
:
Ø
การบันทึกข้อมูล/สารสนเทศ/ความรู้เป็นฐานข้อมูล (Database)
หรือการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจนเพื่อใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติงาน
Ø การเข้าถึงองค์ความรู้ที่จัดเก็บในรูปแบบต่าง ๆ
เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน
4.
การถ่ายทอดความรู้และการใช้ประโยชน์ของบุคลากร
:
Ø
การสื่อสารหรือแพร่กระจายข้อมูล/ข่าวสาร/ความรู้ให้กับเพื่อนร่วมงานเพื่อการใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติงาน
(การบันทึก การรายงาน จดหมาย ข่าวประกาศ เป็นต้น)
/การสอนงาน.
Ø
การสอนงาน (Coaching) ระบบพี่เลี้ยง (Mentoring)
ทั้งที่เป็นทางการและ
ไม่เป็นทางการให้กับเพื่อนร่วมงาน
Ø
การนิเทศ ติดตามผล
ประชุมสัมมนาการปฏิบัติงานในระดับบุคคล/กลุ่มบุคคล/องค์กร
Ø
การนำข้อมูล ข่าวสารและความรู้ที่จัดเก็บในรูปแบบต่าง ๆ
ขององค์กรมาใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติงาน (Knowledge
Application)
เรียน อ.wat
ถ้า อาจารย์เปิดชุมชน BLOG ...พวกเราจะได้ link เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วย ขอบคุณค่ะ
http://chumphon-Km-station.gotoknow.org
Korsornor chumphon (Blog)
สาวทางไกล(Blog)
http://southnfe01.gotoknow.org
คลองต้นน้ำ(Blog)
เรียน อ.wat
ถ้า อาจารย์เปิดชุมชน BLOG ...พวกเราจะได้ link เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วย ขอบคุณค่ะ
http://chumphon-Km-station.gotoknow.org
Korsornor chumphon (Blog)
สาวทางไกล(Blog)/อ.มยุรี/กศน.ภาคใต้
http://southnfe01.gotoknow.org
คลองต้นน้ำ(Blog)/อ.สาลี่ กศน.ภาคใต้
http://korsornor-songkhla1.gotoknow.org
กศน.สงขลา/อ.สมจิต/กศน.สงขลา
รูปแบบการดำเนินงานโดยใช้ KM ของหน่วยงานของข้าพเจ้าก็นำหลักการนี้ไปใช้ในการบริหารงานวิชาการงานบุคลากร งานบริหารทั่วไปฯ เช่นกันเพราะจะทำให้การดำเนินงานของโรงเรียนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเป็นการประกันคุณภาพของโรงเรียนให้มีมาตรฐานตามที่หน่วยงานต้นสังกัดกำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรใดๆก็คงหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะใช้ KM ในการบริหารองค์กรแน่นอน รูปแบบที่ท่าน WAT ได้นำเสนอมีความชัดเจนสะดวกในการนำไปใช้งาน
ข้อคิดเห็นเเก่ยวกับ km เห็นด้วยกับกระบวนการ
กศน.ควรเน้นการประสานงานและสร้างเครือข่ายในการจัดการศึกษานอกโรงเรียน ตามแนวคิดของผู้เขียน ควรกำหนดกรอบแนวคิดดังน้
1. การกระตุ้นความคิด/การเสวนาสร้างความเข้าใจภาคีเครือข่าย นำเสนอผลงานที่เป็นภารกิจให้เครือข่ายได้เห็นความสำคัญ ที่เป็นจุดแข็ง ข้อจำกัดเพื่อหาโอกาสในการจัดการศึกษาร่วมกัน ร่วมทั้งการประชาสัมพันธ์กิจกรรมอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง
2. การวิเคราะห์องค์ความรู้ร่วมกัน เพื่อให้มองเห็นถึงทรัพยากร แนวทางวิธีการทำงาน และดำเนินการทำข้อตกลงความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
3. การจัดทำแผนงานโครงการ และดำเนินการร่วมกัน
ในลักษณะร่วมใจ ร่วมอาสาทำงานร่วมกัน
4. การพัฒนาบุคลากรร่วมกัน การร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแก้ปัญหา ปรับปรุง พัฒนา และร่วมรับประโยชน์ผลงาน
5. ร่วมติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล
6. เผยแพร่ ยกย่อง และการประกาศเกียรติคุณเครือข่าย