ปณิธานกวี
๏ ใครจะอาจซื้อขายฟ้ามหาสมุทร
แสนวิสุทธิ์โลกนี้ที่พระสร้าง
สุดท้ายกายวิภาคจะจากวาง
ไว้ระหว่างหล้าและฟ้าต่อกัน
๒
๏ เรามิใช่เจ้าของฟ้าอวกาศ
โลกธาตุทั่วสิ้นทุกสรวงสวรรค์
มนุษย์มิเคยนฤมิตตะวันจันทร์
แม่แต่เม็ดทรายนั้นสักธุลี
๓
๏ แย่งแผ่นดินอำมหิตคิดแต่ฆ่า
เพราะกิเลสบ้าหฤโหดสิงซากผี
ลืมป่าช้าคุณธรรมความดี
เสียศรีสวัสดิ์ค่าแท้วิญญาณ
๔
๏ สภาวะสรรพสิ่งทุกส่วนโลกนี้
ควรที่สำนึกค่าทิพย์วิเศษวิศาล
อนุรักษ์ดินน้ำฟ้าไว้ตลอดกาล
เพื่อเหนือทิพยสถานวิมานแก้วไกวัล
๕
๏ ทุ่งนาป่าชัฏช้าอรัญญิกาลัย
เทือกผาใหญ่เสียดดาวดึงส์สวรรค์
เนื้อเบื้อเสือช้างลิงค่างนั้น
มดแมลงนานพันธุ์ทั้งจักรวาล
๖
๏ เสมอเสมือนเพื่อนสนิทมิตรสหาย
เกิดร่วมสายเชี่ยววัฏฏะสังสาร
ชีพหาค่าบ่มิได้นับกาลนาน
หวานเสน่ห์ฟ้าหล้าดาราลัย
๗
๏ ถึงใครเหาะเหินวิมุติสุดฝั่งฟ้า
เดือนดาริกาเป็นมรคายิ่งใหญ่
แต่เราขอรักโลกนี้เสมอไป
มอบใจแด่ปฐพีทุกชีวีวาย
๘
๏ จะไม่ไปแม้แต่พระนิรพาน
จะวนว่ายวัฏฏะสังสารหลากหลาย
แปลค่าแท้ดาราจักรมากมาย
ไว้เป็นบทกวีแด่จักรวาล
๙
๏ เพื่อลบทุกข์โศก ณ โลกมนุษย์
ที่สุดสู่ยุคสุขเกษมศานต์
วานนั้นฉันจะป่นปนดินดาน
เป็นฟอสซิลทรมานอยู่จ้องมอง
๑๐
๏ สิ้นเสน่ห์วรรณศิลป์ชีวิตเสนอ
ละเมอหาค่าทิพย์ไหนสนอง
อเนจอนาถชีวีทุกธุลีละออง
สยดสยองแก่ถ่านเถ้าเศร้าโศกนัก
๑๑
๏ แล้งโลกกวีที่หล้าวูบฟ้าไหว
จะไปรจนารุ้งมณีเกียรติศักดิ์
อำลาอาลัยมนุษย์ชาติน่ารัก
จักมุ่งนฤมิตจิตรจักรวาล
๑๒
๏ ให้ซึ้งซาบกาพย์กลอนโคลงฉันท์
ไปทุกชั้นอินทรพรหมพิมานสถาน
สร้างสรรค์กุศลศิลป์ไว้อนันตกาล
นานช้าอมตะอกาลิโก ๚๛
**************************************************
คำแปล
บทกวีนิพนธ์เรื่อง "ปณิธานกวี" แต่งด้วยกลอนสุภาพ (กลอนแปด) เพราะกลอนสุภาพหนึ่งบทจะมีสองคำกลอน บาทที่หนึ่งเรียกบาทเอก บาทที่สองเรียกบาทโท แต่ละคำกลอนหรือแต่ละบาทมีสองวรรค หนึ่งบทจึงมีสี่วรรค คือ วรรคสดับ(วรรคสลับ) วรรครับ วรรครอง และวรรคส่ง ตามลำดับ กลอนสุภาพมีสัมผัสสองชนิด คือมีสัมผัสนอกและสัมผัสใน สัมผัสชิด สัมผัสคั่นและบังคับตามรูปแบบฉันทลักษณ์ บททีนำมาให้นี้มีความไพเราะทางด้านภาษาและการเล่นคำคือใช้ภาษาที่สละสวลยอ่านง่ายถึงแม้จะเป็นศัพท์ที่แปลยากพอสมควรแต่ก็ไม่ยากมากนักมีคำศัพท์ใหม่ อย่างฟอสซิล แต่ก็มีศัพท์เก่าอยู่ด้วย การพรรณนากระชับ ไม่เยิ่นเย้อ
เรื่อง "ปณิธานกวี" มีเนื้อหาเกี่ยวกับว่ากวีเริ่มจะเริ่มต้นด้วยการพรรณนาถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติต่างๆ ที่มนุษย์ควรจะรักษาเอาไว้ จากนั้นก็กล่าวถึงตัวเองว่า ตนเองตั้งใจจะเป็นกวีเพื่อถ่ายทอดคุณค่าของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ไว้ในบทกวี เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ ซาบซึ้งทั้งในโลกและในสวรรค์ตราบชั่วนิรันดร์
มักจะพูดถึงดินฟ้ามหาสมุทร จักรวาล เทียบมนุษย์ที่ต่ำต้อย แต่เย่อหยิ่ง ทำลายธรรมชาติ นอกจากนี้ผู้แต่งยังต้องการบอกให้ผู้ที่อ่านรับรู้อีกว่าผู้แต่งได้แต่งบทกลอนมาเพื่อให้โลกได้ซาบซึ้งถึงความงามของบทกวีที่มาจากความเป็นนักกวีที่อยู่ในลมหายใจหรืออยู่ในเส้นเลือดของผู้แต่งเลยก็ว่าได้
ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจหรืออยากแสดงความคิดเห็นเชิญได้นะค่ะ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย น.ส.อรนุช วิไชยภูมิ ใน โลกใบใหม่ของ"อรนุช"
น่าจะเกี่ยวกับการมีชีวิตบนโลกนี้แล้วไม่รู้จักทำความดี มีแต่แย่งกันที่จะเป็ใหญ่ มีอำนาจ ไม่มีคุณธรรม ไม่คิดถึงอนาคตข้างหน้า ว่าสุดท้ายแล้วเมื่อเราตายไปแล้วไม่มีอะใรติดตัวไปได้ซักอย่าง