วันนี้ศุกร์ 18 มกรา 51 ปฏิบัติหน้าที่อีกครั้งในการเป็นกระจกสะท้อนแบบกัลยาณมิตร กับผลการดำเนินงานวงรอบปีการศึกษา 2549 ของสำนักกิจการหอพัก มมส. ร่วมกันท่านอาจารย์ ดร.วรรทณา สินศิริ อดีตรองอธิการบดีฝ่ายประกันคุณภาพ และท่านอาจารย์สายใจ ชุปวา อดีตผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายประกันคุณภาพ
สิ่งแรกของการเป็นกรรมการประเมินคุณภาพภายในที่ต้องดูเป็นอันดับแรกสุด คือ วิสัยทัศน์ของหน่วยงาน
ซึ่งสำนักกิจการหอพัก มมส. เขียนไว้ได้น่าสนใจ คือ
“เป็นหน่วยงานบริการด้านที่พักอาศัย สร้างที่พักให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ และเอื้ออาทร มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิต ทั้ส่งเสริมการเรียนรู้ตามศักยภาพ เป็นผู้นำด้านการบริการ ภายใต้มาตรฐานสากล”
วรรคที่ผมสนใจที่สุด คือ “ศูนย์กลางการเรียนรู้” ยังคิดไม่ออกว่ารูปแบบที่จะทำให้หอพักนิสิต เป็น ศูนย์กลางการเรียนรู้ จะเป็นอย่างไร?
จากการดูสภาพจริงทั้งหอหญิง หอชาย ทั้งม.ใหม่ ม.เก่า รวมทั้งสัมภาษณ์นิสิตกรรมการหอพัก ศึกษาร่องรอยเอกสารกิจกรรมต่างๆ ก็ยังไม่ปรากฏร่องรอยที่จะสนองกับวิสัยทัศน์วรรคนี้
แต่โอกาสที่สำนักกิจการหอพักจะทำให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่เขียนไว้ เป็นไปได้มากกับการเป็น ศูนย์กลางการเรียนรู้ ถ้ามีการนำเอากระบวนการจัดการความรู้ เข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนอย่างจริงจัง มีหัวข้อที่ทำมากมาย ถ้ามีการสร้างเวทีการ show & share ของนิสิตหอพัก เจ้าหน้าที่หอพัก เป้าหมาย คือ การลดปัญหา ข้อร้องเรียนต่างๆ ที่มีอยู่
หรือไม่ต้องทบทวนตัวเองกับสภาพจริงที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ว่าจะทำให้วิสัยทัศน์เป็นจริงได้มากน้อยแค่ใด กับวรรคต่างๆของวิสัยทัศน์ที่เขียนไว้ อะไรทำไม่ได้ก็ต้องทำการปรับวิสัยทัศน์ โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมจากผู้เกี่ยวข้องทุกๆฝ่าย
ถอดบทเรียนวันนี้ : การจะกำหนดวิสัยทัศน์ ปณิธาน ก็ตามนั้น ต้องพิจารณาจากความเป็นไปได้ จากทรัพยากรบุคคล งบประมาณ ข้อจำกัดต่างๆ ที่มีอยู่ และมีตัวบ่งชี้ที่สามารถสะท้อนให้เห็นได้ว่าเป็นไปตาม หรือ ไม่เป็นไปตามสิ่งที่เขียนไว้ รวมทั้งกำหนดเวลาที่ชัดเจน ว่าเมื่อใด จะทำให้เป็นไปตามสิ่งที่เขียนไว้ ตามคำรับรอง คำมั่นสัญญา ดังนั้น ทุกๆปีวงรอบการทำงานของหน่วยงาน ต้องมีการทบทวนวิสัยทัศน์ ปณิธาน ของตัวเอง ศูนย์ฯของผมก็คงเช่นกันครับหลังจากนี้ไปคงต้องทบทวนกับสิ่งที่เขียนๆไว้