สหพันธ์สาธารณรัฐเยอร์มัน
ข้อมูลทั่วไป
พื้นที่ : 357,000 ตารางกิโลเมตร
(138,000 ตารางไมล์)
เมืองหลวง : เบอร์ลิน
ประชากร : 82,424,609
ล้านคน (July 2004 est.)
ภาษา : เยอรมัน คนส่วนน้อยกลุ่มเล็กๆ
พูดภาษาฟรีเซียน และซอร์บ
ศาสนา : 45% โปรเตสแตนท์ 37%
โรมันคอทอลิค
และ 18%
ไม่นับถือศาสนาและนับถือศาสนาอื่น
โซนเวลา : เซลทรัลยูโรเปี้ยน ไทม์ (MEZ)
เวลาตามเวลาที่กรีนิช 1 ชั่วโมง
สกุลเงิน : EURO
น้ำหนักและมาตราวัด : เมตริค
กระแสไฟ : 220 โวลท์ ปลั๊กสองขา
รหัสโทรศัพท์นานาชาติ : (49)
รัฐบาลและเศรษฐกิจ
ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์คือประมุขแห่งรัฐและรัฐบาลที่ประกอบด้วยแชนสเล่อร์และรัฐมนตรีต่างๆ
การออกกฎหมายนั้นเป็นหน้าที่ของเดอะบุนเดสทาก (Bundestag
–สภาผู้แทนฯ) ที่ประกอบด้วยรัฐมนตรี 662 คน
และมีการเลือกตั้งทุก ๆ 4 ปี กฎหมายระดับชาติใหม่ ๆ
จะได้รับการรับรองจาก เดอะ บุนเดสราท (Bundesrag –วุฒิสภา)
ที่ประกอบด้วยผู้แทนจากสหพันธรัฐ 68 คน
ประเทศเยอรมนีประกอบด้วย 16 สหพันธรัฐ :
บาเด็น-วีร์ทเท่มแบร์ก, บาวาเรีย, เบอร์ลิน, บราเดนบวร์ก,
เบรเมน, ฮัมบวร์ก, เฮสเซ่อ, เมคเคลนบวร์ก-เวสเทิร์น, โพเมอราเนีย,
แซกโซนี่ตอนล่าง, ซารร์ลานด์, แซกโซนี่, แซกโซนี่-อันฮาลท์,
ชเลสวิก-โฮลสไตน์และธูรินเกีย
ถึงแม้ว่าประเทศเยอรมนีจะเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำของโลกทางด้านอุตสาหกรรม
แต่ก็ยังต้องต่อสู้กับปัญหาสำคัญๆ มากมาย ตั้งแต่มีการรวมประเทศ
รวมถึงอัตราการว่างงานที่เพิ่มมากขึ้นมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมการบริการ
,อุตสาหกรรมการผลิต และที่เหลือในด้านการเกษตรกรรม
และอุตสากหกรรมการท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญในด้านการให้บริการ
ประชากร
มากกว่า 90% ของจำนวนประชากรเป็นชาวเยอรมันดั้งเดิม
ที่เป็น “คนงานซึ่งเป็นผู้มาเยือน” จากตุรกี, อิตาลี, กรีซ, สเปน,
โปรตุเกส และประเทศอื่น ๆ
ภูมิศาสตร์
ทางทิศเหนือเป็นพื้นที่ราบมีลักษณะเฉพาะเป็นเส้นทางทางน้ำและหนองบึงต่างๆ
ขณะที่ตอนใต้โอบล้อมด้วยส่วนที่เป็นภูเขา
ภูเขาที่น่าประทับใจมากที่สุดก็คือ ฮาร์ซ,
ทิวเขาวาริสเซียนแห่งชวาสวาลด์ (แบล็คฟอเรสต์),
ภูเขาเอลเบ้อซานด์สไตน์หรือ “สวิสเซอร์แลนด์น้อย”
และเทือกเขาบาวาเรียน เอลป์ที่มียอดภูเขาสูงสุดคือ
เดอะซุกสปิทเซ่อ ( 2,963 เมตร/9,721 ฟุต)
(ในส่วนของการอภิปรายผลการศึกษาดูงานจะกระทำในส่วนของการรับฟังข้อมูลสรุปในประเด็นที่น่าสนใจต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาของประเทศเยอรมันจากการบรรยายโดยกลุ่มนักเรียนไทยในประเทศเยอรมัน)
ข้อสังเกต ความรู้ และความประทับใจที่ได้รับจากการศึกษาดูงาน
ในประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องบทบาทของรัฐบาลที่มีต่อการจัดระบบสวัสดิการสังคมนั้นประเทศสหพันธรัฐเยอรมันมีสภาพสังคมที่เป็นรัฐสวัสดิการ
รัฐจะให้การช่วยเหลือประชาชนของรัฐทุกคน
ไม่ว่าประชาชนของรัฐจะทำงานหรือไม่ทำงาน
รัฐจะต้องจ่ายเงินทดแทนเพื่อเป็นหลักประกันความอยู่รอดของพลเมืองในรัฐโดยเงินที่รัฐนำมาจ่ายเพื่อเป็นค่าสวัสดิการต่างๆนั้นมาจากภาษีที่หักมาจากเกือบจะครึ่งหนึ่งของเงินเดือนทั้งหมดของคนในวัยทำงาน
จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนที่เป็นพลเมืองจะต้องให้ความสำคัญกับการเมือง
ให้ความสำคัญต่อผู้ที่จะมาเป็นตัวแทนในการบริหารเงินของตนเองที่ค่อนข้างมากนี้อย่างไรก็ตามเนื่องจากในปัจจุบันประเทศเยอรมันมีปัญหาเกี่ยวกับการที่มีปริมาณสัดส่วนของคนสูงอายุเป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับวัยทำงานและวัยกำลังเติบโต
ดังนั้นคนในวัยทำงานปัจจุบันจึงมองไปไกลว่า
ถ้าตนเองยังต้องจ่ายเงินภาษีดูแลคนสูงอายุด้วยอัตราที่สูงอยู่เช่นทุกวันนี้
สักวันหนึ่งในอนาคตเมื่อกลุ่มของตนเองแก่ตัวลงนอกจากจะทำให้มีเงินเก็บน้อยลงอันเนื่องมาจากการเสียภาษีในอัตราที่สูงมาเป็นระยะเวลายาวนานแล้วประกอบกับแนวโน้มของประชากรในวัยที่พร้อมจะเติบโตขึ้นมาเพื่อจ่ายภาษีเลี้ยงผู้สูงอายุในอนาคตก็จะมีจำนวนน้อยลง
ดังนั้นจึงอาจจะเป็นไปได้ว่ารัฐจะไม่มีเงินมาให้การดูแลกลุ่มผู้สูงอายุอย่างเพียงพอในอนาคต
ด้วยเหตุผลในลักษณะนี้จึงทำให้ประชากรวัยทำงานในปัจจุบันเกิดความรู้สึกไม่คุ้มเมื่อตนเองต้องจ่ายให้รัฐอย่างเต็มที่เมื่อเทียบกับอนาคตที่ตนเองอาจไม่ได้รับสวัสดิการที่ดีเท่ากับคนสูงอายุในตอนนี้
สิ่งเหล่านี้จึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่การลดแรงจูงใจในการทำงานซึ่งทำให้เกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ในส่วนของสภาพเศรษฐกิจนั้นประเทศสหพันธรัฐเยอรมันมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจ
ร้อยละ 0.2 – 0.3 และกำลังกลายเป็นประเทศที่มีงบประมาณขาดดุลอย่างมาก
อันเนื่องมาจากนโยบายรัฐสวัสดิการ
รวมทั้งการที่รัฐบาลเยอรมันต้องให้การช่วยเหลือกับประเทศต่างๆมากมาย
อาทิ ทางด้านการทหาร
ทางด้านการรับนักเรียนจากประเทศต่างๆโดยไม่คิดค่าเล่าเรียน
ซึ่งเมื่อนับจำนวนนักเรียนต่างชาติที่เข้ามาเรียนในสหพันธรัฐเยอรมันนีจะเห็นว่ามีมาก
โดยที่รัฐธรรมนูญสหพันธรัฐเยอรมันนีระบุไว้ว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในสหพันธรัฐเยอรมันนีไม่ว่าชนชาติใดก็ตามสามารถเรียกร้องสิทธิพื้นฐานตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
และทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ซึ่งถือเป็นความคิดที่น่ายกย่องอย่างยิ่งแต่ก็ทำให้ระบบเศรษฐกิจเยอรมันเป็นระบบเศรษฐกิจที่ยุ่งยากมากที่สุดประเทศหนึ่ง
เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้เยอรมันยังต้องเผชิญกับปัญหาค่าแรงขั้นต่ำที่สูงมากทำให้นายทุนเริ่มที่ละทิ้งกิจการบางอย่างที่ต้องใช้แรงงานคนเป็นหลัก
เพราะหากว่าบริษัทปลดพนักงานทิ้ง
กฎหมายระบุว่าบริษัทต้องจ่ายเงินเลี้ยงดูพนักงานที่ถูกปลดออกไป
ดังนั้นหนทางแก้ที่ดีที่สุดที่ไม่ต้องจ่ายเงินก็คือการยอมให้บริษัทล้มละลายนั่นเอง
ในเรื่องการมีส่วนร่วมทางการเมืองนั้น
พลเมืองของประเทศสหพันธรัฐเยอรมันนีเป็นพลเมืองที่มีความรู้ในระบอบประชาธิปไตยอย่างดี
อาจเป็นเพราะการศึกษาที่สูงของประชาชน
ชาวเยอรมันให้ความสนใจกับการเมืองอย่างมากตั้งแต่การเมืองระดับรากฐานที่เลือกผู้แทนในระดับท้องถิ่น
จนถึงในระดับมหภาคหรือระดับประเทศ
โดยน่าจะเป็นเพราะประชาชนชาวเยอรมันต้องเสียภาษีให้กับรัฐมาก
จึงต้องติดตามเพื่อคอยดูไม่ให้เงินของประชาชนที่อยู่ในความดูแลของรัฐถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง
และคอยติดตามดูว่าเงินเหล่านั้นมีทิศทางอย่างไร
การนำเงินไปใช้มีประโยชน์มากน้อยอย่างไร
ซึ่งผลงานที่ออกมาของรัฐบาลจะเป็นตัวตัดสินอย่างจริงจังว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันสมควรจะได้เป็นรัฐบาลชุดต่อไปหรือไม่
ทั้งนี้สื่อมวลชนในประเทศสหพันธรัฐเยอรมันนีมีเสรีภาพอย่างเต็มที่ในการนำเสนอข่าว
และกระทำได้โดยไม่มีการเซ็นเซอร์จากรัฐบาล
ในส่วนของอาชีพทางเกษตรกรรมนั้น
ช่วงที่สามารถเพาะปลูกได้ในเยอรมันคือ ช่วงหน้าร้อน คือช่วงเดือน
มิถุนายน – สิงหาคม
เกษตรกรชาวเยอรมันถือได้ว่าเป็นผู้ที่ได้รับการให้ความสำคัญจากรัฐบาลสูงมาก
โดยถึงแม้ว่าการผลิตสินค้าโดยเกษตรกรในประเทศจะไม่มีผลต่อค่า GDP
มากมายนักแต่ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดการนำเข้าสินค้าเกษตรซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นได้ไม่น้อย
ข้อได้เปรียบที่สำคัญมากต่อเกษตรกรในเยอรมันคือ
การสามารถกำหนดราคาสินค้าทางการเกษตรของตนเองได้
ดังนั้นทิศทางราคาพืชผลทางการเกษตรจึงขึ้นอยู่กับเกษตรกรเป็นหลัก
เกษตรกรชาวเยอรมันจึงเป็นเกษตรกรที่มีรายได้และความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างดี
ข้อเสนอแนะ
ควรมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเรื่องระบบสวัสดิการสังคมแบบเยอรมันว่าควรนำมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทยหรือไม่
เนื่องจากระบบนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่น่าเรียนรู้เป็นอย่างมากสำหรับประเทศไทย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่ทิศทางในการแข่งขันทางการเมืองนั้นกำลังมีการเน้นในจุดขายหรือนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการจัดรัฐสวัสดิการในด้านต่างๆ
เป็นอย่างมาก
ควรมีการศึกษาวิจัยว่าทำอย่างไรประชาชนชาวไทยจึงจะให้ความสำคัญกับการเมืองมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ควรมีการทุ่มงบประมาณอย่างจริงจังในการพัฒนากิจการด้านเกษตรกรรม
อันเป็นฐานทางเศรษฐกิจและสังคมที่ใหญ่มากของประเทศไทย
มาเป็นพลังขับดันหลักทางเศรษฐกิจและสังคมให้มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
อยากรู้เรื่อง การเมือง ของเยอร์มัน และ รายได้ค่าแรงงาน ของประชาชนในเยอร์มันคร่าว ๆ รวมถึงการถูกเก็บภาษี