บทเรียนจาก CUP Manager Training และก้าวต่อไป


"...การพัฒนาหลักสูตร ส.ม.แนวใหม่ ที่ต้องมีการศึกษาสมรรถนะหลักที่จำเป็น และเพิ่มเนื้อหาให้สอดคล้องกับสถาวะการณณ์ด้านสุขภาพ และสาธารณสุข ใหม่ลงไป ซึ่งยังเป็นความท้าทายของการพัฒนา เพราะปัจจุบันระบบริการในบ้านเราก็ยังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน การสร้างองค์ความรู้ใหม่ จึงเป็นเรื่องที่กำลังรอการก้าวต่อ..."

วันที่ 17 มกราคม 2551 โครงการพัฒนาผู้บริหารเครือข่ายบริการปฐมภูมิ นำโดย อ.ชนินทร์ พร้อมด้วย อ.หมอปูม อ.อรนุช อ.ทัศนีย์ และคณะกรรมการท่านอื่นๆ ได้จัดประชุม “บทเรียนจาก CUP Manager Training และก้าวต่อไป” ขึ้นที่คณะฯ โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากกระทรวงสาธารณสุข สปสช. สถาบันพระบรมราชชนก สถาบันวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน (สพช.) และคณะสาธารณสุข ม.มหิดล เข้า อาทิเช่น อ.หมอสุพัตรา จาก สพช. อ.หมอนิวัฒน์ จาก สปสช. อ.หมอวิรัช จากสถาบันพระบรมราชชนก ฯลฯ ร่วมประชุมหารือกันอย่างคับคั่งทีเดียว โดยมี อ.หมอพิทยา คณบดีฯ ให้การต้อนรับและเปิดการประชุม  

CUP

บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบง่าย เป็นกันเอง โดยช่วงแรกของการประชุม อ.ชนินทร์ อ.หมอสุพัตรา และ อ.ประสิทธิ์ ได้เล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของโครงการ ก่อนที่จะเกิดเป็นโครงการความร่วมมือขึ้นระหว่าง คณะสาธารณสุข กับ สปสช. และ กระทรวงฯ โดย สพช. ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการพัฒนาผู้บริหาร CUP และสร้างหลักสูตรระดับปริญญาโทเพื่อรองรับการพัฒนาให้สอดคล้องกับแนวคิดการสาธารณสุขใหม่ และแนวคิดของการบริการปฐมภูมิ (Primary Care) 

CUP

ต่อจากนั้น อ.ชนินทร์ ได้สรุปบทเรียนของการอบรมผู้บริหาร CUP ตลอดระยะเวลากว่า 6 เดือน รวมผู้บริหาร CUP กว่า 231 ท่าน จาก 43 CUP 33 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งนอกเหนือจากเนื้อหาวิชาการที่ได้รับแล้ว ผู้เข้ารับการอบรมยังได้รับกระบวนการเรียนรู้ที่นำไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ในองค์กรได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังก่อให้เกิดเครือข่ายทั้งด้านวิชาการ และคนทำงาน มีการเดินทางไปเยี่ยมเยียมศึกษาดูงานระหว่าง CUP มีการประสานความร่วมมือทางวิชการทั้งแบบเป็นทางการและกึ่งทางการ มีความสัมพันธ์ส่วนตัวในการให้การต้อนรับยามเดินทางผ่าน และเกิดเครือข่ายการเรียนรู้ผ่าน web blog อย่างกว้างขวาง นับเป็นความสำเร็จที่กำลังรอให้เกิดก้าวต่อไป อย่างน่าชื่นชม 

ต่อด้วย อ.หมอปูม ที่ได้กรุณาสรุปบทเรียนจากการเดินทางไปศึกษาดูงานระบบบริการปฐมภูมิที่ประเทศอังกฤษ พร้อมคณะของ สปสช. และกระทรวง ซึ่งอาจารย์สะท้อนแนวคิดที่น่าสนใจว่าหลังจากปี 2004 ระบบริการปฐมภูมิของอังกฤษได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีการจัดบริการที่มีรูปแบบหลากหลาย โดยเน้นให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการจัดบริการ แต่ยังคงดำเนินการภายใต้การให้บริการฟรี โดยให้สถานบริการเหล่านั้นทำสัญญาโดยตรงกับรัฐบาล แต่ก็มีอาจจะก่อให้เกิดคำถามอยู่มากทีเดียว เช่น ความไม่สอดคล้องกับหลักการปฐมภูมิ หรือการลดบทบาทของแพทย์ลง โดยเปิดโอกาสให้วิชาชีพอื่นๆ เช่น พยาบาล เข้ามาให้บริการได้ เป็นต้น ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะนำเสนอให้โอกาสต่อไปครับ 

อ.ปูม

ช่วงท้ายเป็นการชวนให้ก้าวต่อไป กับการพัฒนาหลักสูตร ส.ม.แนวใหม่ ที่ต้องมีการศึกษาสมรรถนะหลักที่จำเป็น และเพิ่มเนื้อหาให้สอดคล้องกับสถาวะการณณ์ด้านสุขภาพ และสาธารณสุข ใหม่ลงไป ซึ่งยังเป็นความท้าทายของการพัฒนา เพราะปัจจุบันระบบริการในบ้านเราก็ยังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน การสร้างองค์ความรู้ใหม่ จึงเป็นเรื่องที่กำลังรอการก้าวต่อ โดยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ซึ่งก็เป็นโอกาสที่ดีที่ภาควิชาการอย่างคณะฯ ได้มองแนวทางร่วมกันกับกระทรวงฯ สปสช. และสถาบันการศึกษาอย่างสถาบันพระบรมมราชชนก และ สพช. จนทำให้เชื่อมั่นว่าอีกไม่นานเราจะได้เห็นหลักสูตรใหม่ที่ว่ากันนี้ครับ 

ด้วยความเคารพรัก

หมายเลขบันทึก: 159957เขียนเมื่อ 18 มกราคม 2008 11:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

สวัสดีครับคุณกิตติพงศ์

มาเพิ่มเติมความรู้ด้วยครับ แล้วหลักสูตร ส.ม. แนวใหม่นี้ คือ สมรรถนะ หรือความสามารถแนวใหม่ใช่ไหมครับ  

สวัสดีครับพี่คนเดินดิน..

หลักสูตรสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (ส.ม.) แนวใหม่ โดยแนวคิด คือ การสร้างหลักสูตรขึ้นมาให้สอดคล้องกับสมรรถนะที่จำเป็นของผู้บริหารหรือคนทำงานในภาคของสุขภาพ บวกกับองค์ความรู้ที่จำเป็นทางด้านการสาธารณสุข แต่มองมิติในภาพที่กว้างขึ้น ตามแนวคิดของสุขภาพเป็นระบบหนึ่งของสังคม เชื่อมโยงกับองค์ประกอบอื่นๆ ของสังคม ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ชุมชน การศึกษา ฯลฯ ตั้งแต่เกิดจนตาย และสร้างกระบวนการเรียนรู้เป็นเครือข่ายผ่านเครื่องมืออื่นๆ นอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียน เช่น webblog แห่งนี้ เป็นต้น

ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนาหลักสูตร ถ้ามีโอกาสผมจะเชิญประธานหลักสูตรมาตอบให้รายละเอียดมากขึ้นครับ และถ้าข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากทุกๆ ท่านจะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ

ด้วยความเคารพรัก

ต้องขอขอบคุณอาจารย์ตี๋ที่ได้นำข่าวดี  ดี  มาฝากแก่สมาชิกเพราะทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าพวกเราทุกคนยังไม่ห่างหายไปจากกันเมื่อจบหลักสูตรแต่เราอยู่ใกล้ใกล้กันเสมอ  คิดถึงอาจารย์ทุกท่านค่ะ 

 

สวัสดีครับพี่ตุ๊ก

แน่นอนครับว่าเราจะไม่ห่างหายไปไหน โดยเฉพาะใน blog แห่งนี้ จะเป็นเวที ลปรร. ของเราเสมอครับ

ฝากความคิดถึงทุกๆ ท่านด้วยนะครับ แล้วเจอกัน 28 มี.ค. ที่กาญจนบุรี

ด้วยความเคารพรัก

ได้รับหนังสือแจ้งกำหนดการที่จะได้พบปะอาจารย์และพี่น้องผองเพื่อนภาคเหนือ อิสานและใต้เรียบร้อยแล้ว ค่ะ ตอนนี้ก้อเหลือแค่สรุปงานเตรียมนำเสนอให้อาจารย์ฟังกับนับวันรอที่จะพบกัน ระลึกถึงค่ะ

แล้วเจอกันครับพี่เดือนเพ็ญ และคณะ...ฮิฮิ

-อยากเรียนถามคุณกิติพงษ์ว่าต้องเตรียมอะไรไปนำเสนอหรือไม่ที่เราจะมีการพบปะกับอาจารย์ที่จะออกมาติคตามครับ

พี่ณรงค์

ด้วยเวลาที่ค่อนข้างจำกัดคงไม่ได้นำเสนอทุก CUP แต่โดยภาพรวมแต่ละ CUP ก็นำเสนอบทเรียนที่ได้รับจากการอบรมว่ามีการนำไปใช้ในการบริหารจัดการ CUP ได้มากน้อยอย่างไร มีปัญหาอุปสรรคอะไรบ้าง อยากเสนอแนะในจุดใดกับ CUP อื่นๆ ถ้ามีเอกสารมาด้วยก็จะเป็นการดีครับ

แล้วเจอกันครับ,

เรียน อาจารย์ตี๋

            แนวโน้ม หลักสูตร ส.ม. แนวใหม่ เริ่มเปิดประมาณปีไหนค่ะ สนใจมาก

            ฝากอาจารย์ทุกท่าน เครือข่ายสิงหนครคิดถึงและการนัดเจอกันที่หาดใหญ่ ไม่ทราบว่าต้องเตรียมเอกสารหรือต้องนำเสนออะไรบ้าง

                                                                      พี่วิลาวรรณ 

 

พี่วิลาวรรณ

ทุกคนคงสบายดีนะครับ  

หลักสูตรใหม่คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะครับ เพราะต้องผ่านกระบวนการร่าง การเสนอสภามหาวิทยาลัย แล้วจะแจ้งความก้าวหน้าเรื่อยๆ ครับ ซึ่งคิดว่าคงไม่นานเกินรอ

ส่วนที่จะเจอกันวันที่ 21 มี.ค. สิ่งที่อยากจะนำมาแลกเปลี่ยน คือ สิ่งที่เกิดขึ้นหลังการอบรม เราได้นำอะไรไปปรับใช้บ้าง เจอปัญหา อุปสรรค อะไรหรือเปล่า รวมถึงข้อเสนอแนะอื่นๆ ซึ่งด้วยเวลาที่ค่อนข้างจำกัด อาจจะไม่ได้นำเสนอทุก CUP แต่ถ้าเตรียมมาเป็น file หรือ เอกสาร เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสมาชิกจาก CUP อื่นๆ ได้ก็จะเป็นการดีครับ

ด้วยรัก 

ขอบคุณครับสำหรับข่าวคราวความเคลื่อนไหวครับ

อาจารย์เคยเบื่อบ้างหรือไม่ที่ต้องพูดคำเดิม ๆ ซ้ำ ๆ กับคนเดิม ๆ

อาจารย์คงไม่เหนื่อยแน่ถ้าได้พูดกับคนที่ตัวเองรัก

แต่อาจารย์จะเหนื่อยเป็นเท่าทวีคูณถ้าต้องพูดกับคนที่ต้องเจรจาต่อรองเพราะไม่รู้ว่าไม่รู้จริง หรือแกล้งไม่รู้

สุภาษิตเขมรฉบับนายไก่

เมื่อเบื่อและท้อแท้ให้ระบายให้คนที่อยู่ไกล ๆ ฟังแล้วมันจะแปรเป็นกำลังใจให้ท่านทันที เพราะคน ๆ นั้นจะมองท่านอย่างใช้วิจารณญาณและเหตุผล

แต่ถ้าท่านเลือกที่จะระบายกับคนใกล้ตัว ท่านจะได้รับกำลังใจที่เต็มไปด้วยคำกล่าวที่ยกย่องท่านตามที่ท่านประสงค์อยากได้ยินคำตอบนั้น

อาจจะอ่านดูไร้สาระด้วยความเคารพ แต่สาระมักจะแฝงมาถ้าตั้งใจค้นหานัย ที่แฝงมากับมัน

ขอบคุณครับ

พี่กิตติ (ณ บุรีรัมย์ ?)

  • ขอบคุณครับที่แวะเวียนเข้าเวียนเข้ามาเล่าอะไรให้ฟัง
  • คำถามที่ถามมา...พี่กิตติ ก็ได้ตอบไว้แล้วอย่างเข้าใจ...ที่เหลือ เชื่อว่าพี่กิตติ จะค้นหาคำตอบเจอด้วยตัวเอง  
  • ทุกเรื่องมีสาระในตัวเสมอ (ผมเชื่ออย่างนั้น) จึงอยากรับรู้ และรับฟัง
  • ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

ด้วยความเคารพรัก 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท