สวัสดีครับ...
วันก่อนพบคำถามฉุกคิด และได้ทบทวนจากท่าน lesson ว่า.. หมอใช้เวลาอย่างไร เพื่อการทำงานพัฒนาคุณภาพ(HA)...
เลยลองหาคำตอบดูเล่นๆ และได้คิดต่อยอดพอสมควรครับ...
เริ่มต้นด้วยการดูภาระงานของเรา...
1.งานประจำ , OPD IPD LR OR ER CLINIC(ARV , จิตเวช) , PCU และอื่นๆ
2.งานพัฒนา..QM, FA , RM MSO PCT เฉพาะโรค(ARV จิตเวช)
เมื่อดูตามเวลาแล้วกับการทำงานประจำ...ที่แน่นเต็มเวลา...เลยไปถึงงานส่วนตัวที่ต้องทำทุกวัน 17.00-20.00 (ยกเว้นวันอยู่เวรที่อาจจะไม่มีโอกาส ลุกจากห้อง ER ทั้งบ่ายและอาจจะทั้งคืน)
สรุปแล้วที่ผ่านมาน่าจะทำดังนี้
- ตอนพักเที่ยง
- ตอนเช้ามืด
- หลังสองทุม
- ระหว่างการทำงาน
- วันหยุดถ้าไม่ได้อยู่เวร
การทำงานหลายๆอันพร้อมกัน อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะว่าเราอาจจะไม่สามารถทำได้เมที่ หรือทำให้ดีที่สุดได้ แต่บางครั้งในช่วงของการเริ่มต้นก็เป็นสิ่งที่มีความจำเป็น
ผมชอบมองว่า..ถ้าเพื่อนร่วมงาน ร่วมทีมของเราเข้าใจวาระ ประเด็นสำคัญ มีศักยภาพเพียงพอที่จะขับเคลื่อนเองก็คงจะเป็นเวลาที่เราจะถอยห่างออกมา เพราะเราก็ไม่ค่อยมีเวลามากนัก และอาจจะต้องไปทำอย่างอื่นๆที่รออยู่อีกมากมายที่ยังไม่ได้ทำ...
อย่างเช่นงานทีมประสานงานคุณภาพและศูนย์คุณภาพ เป็นรูปแบบที่ผมโชคดีมากที่ได้เพื่อนร่วมงานที่มากด้วยความสามารถ ทักษะและศักยภาพที่มากมายต่อการทำงาน และที่สำคัญคือ...ความมีใจ..ต่องานพัฒนา..และความอึด อดทน
ท่านคือ http://gotoknow.org/profile/piansri
ผมชอบแซวท่านว่า..ผู้ที่ทำความฝันของผมให้เป็นจริง...
และเคยกล่าวเล่นๆว่า ถ้หากในองค์กรใครจะหมดไฟ ในการพัฒนาก่อนก็ได้...ขออย่างเดียวอย่าให้ท่าน SUSU.(.http://gotoknow.org/profile/piansri )....หมดไฟ...
มีคำถามจากท่าน Lesson เพิ่มเติมว่า แล้วหมอ..เครียดหรือเปล่า...
- จากภาระงานและตัวอย่างการทำงานบางส่วนของบันทึกนี้ http://gotoknow.org/blog/fapai/158189 อาจดูเหมือนได้สัมผัสกับความเครียด ดูอาจจะเครียดหรือไม่เกิดความสุข...
-ก็ถามตัวเองดูว่าจริงๆแล้วเครียดมากหรือไม่..คิดว่าก็เครียดเล็กน้อย...แต่ก็ไม่ได้เครียดมากเกินไป จนนอนไม่หลับ กินไม่ได้ ผมว่าเป็นความเครียดระดับที่ทำให้เราเกิดความกระตือรือร้น มุ่งมั่นกับงาน และที่สำคัญถ้ามันลุลวงไปหรือเกิดผลที่ดีขึ้น เราก็จะเกิดความรู้สึกที่ดีและเป็นพลังเพื่อใช้ในการทำงานต่อๆไป
ครับ..ทุกวันนี้เราก็ยังพบปัญหาเรื่องของ การไม่สามารถปรับการทำงานคุณภาพกับงานประจำได้ หลายครั้งที่ผมได้ยินว่าสามารถทำได้..
แต่ตอนนี้ผมคิดว่า..เข้าใจว่าสามารถทำได้จริงๆ...แต่ว่า.......
แต่ว่าคงจะต้องเสียสละเวลาส่วนตัว ทุ่มเทกับการปรับตัวในระยะแรกๆก่อน(อาจจะเป็นเดือนๆหรือปีๆ)
สารภาพว่าตอนนี้ผมยังทำได้ไม่สมบูรณ์เลย...เพราะว่า..งานมันมาเรื่อยๆครับ..
คนทำงาน ตอนแรกเหมือนว่าถ้าเราทำ งานก็จะน้อยลง
แต่ยิ่งทำมาก กลับพบว่าสิ่งที่เรายังต้องทำนั้นมันยังมีมากมายจริงๆ...
แต่คิดว่าเมื่อถึงเวลาหนึ่ง...เราอาจจะต้องพยามผลักตัวเองออกไป
เพื่อเป้าหมายภายใน...เรื่องของโลกุตรธรรม....
อรุณสวัสดิ์ค่ะ...คุณหมอสุพัฒน์...
...
พี่กะปุ๋มก็เป็นคนหนึ่งที่ทำงานหลายอย่างพร้อมกัน...
แต่พี่กะปุ๋มมีความเชื่อในเรื่อง "ศักยภาพภายในของมนุษย์"...
จึงมองว่าการทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกันไม่ได้เป็นปัญหและอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต และที่สำคัญไม่เครียดด้วยค่ะ...
เดี๋ยว...จะนำมาเล่าแลกเปลี่ยนมากกว่านี้...หรือว่าจะไปเล่าที่ปายเลยดีไหมคะ...
(^_____^)
กะปุ๋ม
ดูท่าทางมีความสุข
ขอแซวครับ!!!
ภาพข้างบนครอบครัว "ใจกันทา" ถึงได้สมบูรณ์พูลผล ขนาดนั้น
ท่านสุพัฒน์ครับผม
ขออนุญาตเอารูปครอบครัวตัวอ้วนลงโฆษณาแล้วหรือค่า ? ค่าตัวแพงนะครับ คิดเป็นมื้อ ๆนะ
ผมรู้และเข้าใจถึงความอยากในการพัฒนาของท่านดี เหมือนที่ท่านรู้ดีว่าผมก็อยากทำอะไรหลาย ๆอย่าง แต่ก็ติด ๆอยู่
ความหวังที่ท่านฝากผมไว้ ไม่ว่าจะ 5 ส ENV HPH ล้วนหนักหนาสาหัส ผมพยายามหาคนที่มาทำตามความคิดของผม ท่านยังดีที่เจ้ susu ยังพอไปได้ ผมยังทำไม่ได้ไม่ทัน น้อง ๆของ บช.แต่ละคนก็งานเต็มมือ(ทุกคนพูด) นอก บช.ก็บอกงานเต็มมือ(ทุกคนอีกน่ะแหละ)แล้วจะเอาคนที่ไหนมาทำ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีหน้าที่และโอกาสแล้ว นายกระท้อนไม่เคยท้อ ! เหมือนท่านสุพัฒนน่ะแหละ เหนื่อยแสนเหนื่อย กลับมาเห็นหน้า"น้องสบาย"ก็หายเป็นปลิดทิ้งเนอะ (แม่น้องสบายด้วย ฮิ ฮิ )
สวัสดีค่ะอาจารย์หมอสุพัฒน์
-เห็นด้วยกับท่านกะปุ๋ม เชื่อในศักยภาพมนุษย์
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ย่อมมีการนินทากาเล
"คนอะไร จับปลาหลายมือ"
ทำไปเถอะค่ะ หากเรา"ทำด้วยใจ"
"สุขจากการทำงาน" ก็พอ
"อุปสรรค มีไว้ให้เราเรียนรู้
เหมือนกินข้าว ไม่มีกับ หากไม่มีอุปสรรคมาคอยขวางกั้น
อะไรทำนองนั้น (positive thinking)