แรกๆที่ผมเรียนรู้กระบวนการเล่าเรื่อง โดยใช้หลักการต่างๆเท่าที่เราคิดว่าดีที่สุดที่จะให้ได้เรื่องเล่าออกมาตามทิศทางที่เราหวัง
แต่ตอนนี้ เห็นบางอย่างแจ่มขึ้นอีกนิดหนึ่ง คือ เรื่องเล่าที่ผมคุ้นเคยนั้น (ตั้งแต่ทำงานจัดการความรู้) มันยังขาดไปอย่างหนึ่งครับ (อาจจะมีมากกว่าหนึ่งแต่ตอนนี้เห็นแค่หนึ่ง) ที่ทำให้รู้สึกว่าเรื่องเล่ายังไม่ค่อยมีพลัง อย่างที่ควรจะเป็น
"ความอยากจริงๆ" งัยครับ เพราะส่วนใหญ่ที่เราเจอ เขาอยากรู้ "KM" แต่ต้องมาฟัง "เรื่องเล่า" ซึ่งมันเป็นบรรยากาศสมมติ คล้ายๆจะจริง แต่ไม่จริง ตรงนี้อธิบายยากนะครับ ถึงจะบอกในเวทีอย่างไรก็ตาม ว่าเรื่องเล่า คือ เครื่องมือหนึ่งของการจัดการความรู้ เป็นวิธีการที่ช่วยดึงความรู้ในตัวคนออกมา แต่ความอยากจริงๆ มันไม่มีในตรงนั้น
ผมไปเห็นร่องรอยวิธีการเล่าเรื่องของชาวบ้าน เล่าเรื่อง "ไผ่" เขาเล่ากันตอนที่เขาอยู่ในสภาพจริง เขากินหน่อไม้เป็นประจำ เขาเก็บหน่อไม้เป็นประจำ เขาเล่ากันที่ใกล้ๆกอไผ่ หลายคนคุ้นเคยกับกอไผ่มาก แต่ไม่ได้เกิดจากกอไผ่นะครับ เขาเล่าไปในระหว่างที่เข้าไปในป่า แวะดู แวะสังเกตกอไผ่นั้น กอไผ่นี้ บางคนก็มีความรู้ที่เกิดจากการสังเกตเป็นประจำที่แตกต่างออกไปจากผู้เล่า ก็สามารถบวกเสริมความรู้ต่อเติมจากคนเล่าคนแรก ขยายความพรึงเพริดให้แก่วงสนทนาที่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ เพราะมันรู้แน่ว่า "เขาจะต้องมีอะไรที่เอาไปใช้กับชีวิตเขาได้แน่ๆ" เรื่องราวเหล่านี้คนนอกอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่สำหรับเขาเหล่านั้น มันคือส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตเขา
ผมจึงตีความว่า...
"เรื่องเล่า" จะออกฤทธิ์ได้ดีก็ต่อเมื่อมันถูกใช้ในสภาพของความเป็นจริง
เรื่องน่าสนใจดี ชอบอ่านค่ะ ใช่ thawatnamthong มั๊ยคะ