ด้วยความเคารพค่ะท่านคณบดี
โอเป็นคนหนึ่งค่ะ ที่เห็นด้วยกับการออกนอกระบบ เพราะเหมาะสมกับการบริหารจัดการในทุก ๆ เรื่อง และเป็นธรรมมาก ๆ สำหรับ "คนทำงาน" อย่างแท้จริงค่ะ ปกติบันทึกของอาจารย์ทุกบันทึก โอไม่กล้าแสดงข้อคิดเห็นเลย ได้แต่ print ไว้อ่านทำความเข้าใจเองคนเดียว แต่บันทึกนี้เป็นบันทึกที่เป็นประโยชน์มากค่ะ สำหรับบุคลากรที่เป็นพนักงาน (เกินครึ่งของมหาวิทยาลัย) ที่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกอินกับเรื่องนี้เท่าไหร่เลย เพราะให้ความกระจ่างมาก
โอเอาตัวโอเองเป็นมาตรฐานนะคะ โอคิดว่าการประชาสัมพันธ์ของ มน. เราน้อยมาก ที่จะทำความเข้าใจกับบุคลากรให้เข้าใจถึงการออกนอกระบบ พอถึงเวลาก็บอกเลยว่าจะออกนอกระบบ จึงทำให้คนส่วนใหญ่ (ที่เป็นพนักงาน) ไม่เอาด้วย เพราะชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ดีอยู่แล้ว สบายอยู่แล้ว มน.เราเลี้ยงพนักงานกินอิ่มนอนหลับ เงินเดือนก็เยอะ บางที่ก็บรรจุอย่างรวดเร็ว จึงไม่เดือดร้อนที่จะเปลี่ยนแปลงอะไร
อาจารย์คะ อาจารย์เล่าเรื่องพนักงานของที่อื่นให้พวกเราฟังอีกสิคะ ว่าความเป็นพนักงานของที่อื่นนั้น มันไม่ต่างอะไรกับบุคคลชั้น 2 ชั้น 3 อะไรเลย มีที่ มน.เราที่โชคดีมาก ๆ อาจจะทำให้พนักงานของ มน.เรากระตือรือร้นกันขึ้นมาก็ได้ค่ะ ไม่แน่ใจว่าอาจารย์ได้เล่าไว้ในบันทึกไหนหรือยังค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะร่วมพลักดัน
เป็นหนึ่งแรงเสียงที่จะช่วยให้มหาวิทยาลัยออกนอกระบบค่ะ
ดิฉันในฐานะพนักงานคนหนึ่งในมหาวิทยาลัยนเรศวร
ขอสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยออกนอกระบบด้วยคนค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ตำแหน่งของพนักงานราชการ อย่างน้อยๆก็ควรจะให้ สมัครสหกรณ์ได้ ปรับวุติป.โทและขั้นเงินเดือนได้ กู้เงินเหมือนพนักงานมหาลัยเพราะสิทธิต่างๆน้อยเหลือเกิน แถมยังประเมินทุก 4 ปี ถ้าเกิดวันดีคืนดี ผู้บริหารเขาบอกว่าไม่จ้างต่อ ก็ตกงานสิครับ น่าจะเห็นใจพวกผมด้วย บางคนทำงานมาก่อนเงินเดือนยังได้น้อยกว่าเด็กจบใหม่ที่เพิ่งบรรจุด้วยซ้ำซึ่งมันไม่ยุติธรรมเสียเลย
ถ้าทุกคนรู้ ถ้าทุกคนเข้าใจ ถ้ามหาวิทยาลัยประชาธิปไตย ถ้าทุกคนมีเสียงเท่ากัน คงออกนอกระบบไปแหละ
คนมีอำนาจทำได้ แต่ดันค้านไม่ให้ทำ
คนค้านไม่มีอำนาจทำได้ แต่ดันอยากจะทำ
หนุ่ม งานประสานงาน มน.(กรุงเทพมหานคร)
หมายเลข 3 ค่ะ หลังจากที่น้องโอ และน้องดรีม ผู้กล้า เสนอความเห็นมาแล้ว อาจารย์มาลินี ก็เช่นกันค่ะ ขอลงชื่อด้วยว่า สนับสนุนการออกนอกระบบของมหาวิทยาลัยนเรศวร 100% เต็ม
ผมพอมองเห็นภาพขึ้นมาบ้างแล้วครับ
หากการไม่ออกนอกระบบเป็นการถอยหลังลงคลองเช่นนี้ ผมขอสนับสนุนอีกแรงหนึ่งครับ
เห็นด้วยนะค่ะที่จะออกนอกระบบ แต่ขอถาม1คำถาม ว่า พนักงานรุ่นใหม่กับข้าราชการยุคเก่าพร้อมที่จะก้าวเดินไปพร้อมกันหรือยัง ถ้ายังสดุดขากันไปกันมายังไงก็ยังไม่สำเร็จ
-ข้าราชการ -พนักงานราชการ
-พนักงาน(สายวิชาการ) -ลูกจ้างชั่วคราว
-พนักงาน(สายบริการ) -ลูกจ้างประจำ
-ลูกจ้างชั่วคราวชาวต่างชาติ
-ผู้มีความรู้ความสามารถพิเศษเป็นอาจารย์
-ผู้เกษียณอายุราชการ
อยู่กันยังไงครับ บรรจุ 4 ปี ไป 4 ครั้ง
เห็นด้วยกับการออกนอกระบบครับ
และผมเองก็คาดหวังในความคล่องตัว ความชัดเจน ความโปร่งใสในการทำงาน เป็นสำคัญ
คนทำงานจริงจะกลัวการถูกประเมินไปไย ?
เรียนคุณแพรใหมครับเรื่องการกระทบกระทั่งกัน
ระหว่างพนักงานที่ดี กับ ข้าราชการที่ทำงานและเน้นประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ผมมองว่าไม่เป็นปัญหาครับ
ดีเสียอีกครับที่การทำงานจะได้รอบคอบ ครบเครื่อง ทุกๆด้าน
เราไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนยืนฝั่งเดียวกับเราทั้งหมดก็ได้นี่ครับ
ขอเพียงมีเจตจำนงค์ที่ดีและมีเหตุผลที่ดีเป็นที่ตั้ง
เพราะความดีคู่ควรกับคนดีที่คิดพูดทำสิ่งที่ดีๆ จริงใหมครับ
เห็นด้วยครับ ออกนอกระบบครับ
ขอสนับสนุนการออกนอกระบบค่ะ หากมีช่องทางหรือวิธีการในการสนับสนุนออกนอกระบบ ควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาคมชาวมหาวิทยาลัยนเรศวร และรอบ ๆ มหาวิทยาลัย รับทราบเพื่อเป็นช่องทางหรือวิธีการในการสนับสนุนค่ะ
สวัสดีครับ อาจารย์มาลินี
มีคำถามครับ
1. สิ่งที่กล่าวมาในบันทึกนี้ .. เป็นการแสดงผลเสียให้กับพนักงานมหาวิทยาลัยเห็นว่า ถ้าไม่ออกนอกระบบ จะมีผลเสียกับพวกเขา ใช่หรือไม่
2. ถ้า มน. ไม่ออกนอกระบบ ... การปกครองพนักงานมหาวิทยาลัยจะยากขึ้นใช่หรือไม่
3. ถ้า มน. ไม่ออกนอกระบบ ... ไม่เหลือวิธีการใดของผู้บริหารที่จะทำให้เกิดความเท่าเทียมกันระหว่างข้าราชการกับพนักงานมหาวิทยาลัยใช่หรือไม่
4. ถ้าข้อ 3 ตอบว่า ไม่ ... แสดงว่า ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ในการมองแค่วิธีการออกนอกระบบอย่างเดียวใช่หรือไม่ (หมายถึง ไม่คิดจะหาวิธีการอื่นอีกต่อไปแล้ว)
5. สภามหาวิทยาลัยสามารถขอแก้ไขระเบียบต่าง ๆ ที่ทำให้การบริหารใกล้เคียงกับการออกนอกระบบได้หรือไม่ หรือไม่มีอำนาจ
6. บันทึกนี้ แสดงผลแค่ด้านเดียวใช่หรือไม่ ... ไม่มีความคิดเห็นใด ๆ ถ้าประชาคมไม่ต้องการออกนอกระบบ หรือ ไม่มีคำยืนยันว่า ออกนอกระบบแล้ว จะเป็นไปอย่างที่อาจารย์ได้เขียนไว้ จริงหรือไม่ครับ
ขอประทานอภัยในฐานะผมเป็นศิษย์เก่าที่ติดตามเรื่องการออกนอกระบบอยู่
และขอประทานอภัยที่ผมแสดงความคิดเห็นในฐานะอาจารย์คนหนึ่งที่อยู่ในประเทศไทยเดียวกับท่านนี้
ขอให้ท่านเป็นปัญญาชน คนมันสมอง ... การเห็นใจคนระดับล่างถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่มองจากสายตาผู้บริหารว่า แบบนี้มันสะดวกในการบริหารดี
ท่านว่าไหมครับ :)
ยิ้ม ๆ ครับ
1. สิ่งที่กล่าวมาในบันทึกนี้ .. เป็นการแสดงผลเสียให้กับพนักงานมหาวิทยาลัยเห็นว่า ถ้าไม่ออกนอกระบบ จะมีผลเสียกับพวกเขา ใช่หรือไม่
ตอบ ใช่ค่ะ เป็นผลเสียต่อทั้งพนักงาน ข้าราชการ นิสิต ผู้บริหาร องค์กร และประเทศชาติ เขียนไว้ชัดเจนแล้ว
2. ถ้า มน. ไม่ออกนอกระบบ ... การปกครองพนักงานมหาวิทยาลัยจะยากขึ้นใช่หรือไม่
ตอบ ใช่ค่ะ กรุณาอ่านบันทึกที่เคยบันทึกไว้แล้วนี้ อย่างละเอียด โดยไม่ใส่อคติ
3. ถ้า มน. ไม่ออกนอกระบบ ... ไม่เหลือวิธีการใดของผู้บริหารที่จะทำให้เกิดความเท่าเทียมกันระหว่างข้าราชการกับพนักงานมหาวิทยาลัยใช่หรือไม่
ตอบ ใช่ค่ะ เว้นเสียแต่ว่า คุณ WD จะเสนอความคิดเห็นที่ดีกว่า ให้พวกเราได้ทราบ
4. ถ้าข้อ 3 ตอบว่า ไม่ ... แสดงว่า ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ในการมองแค่วิธีการออกนอกระบบอย่างเดียวใช่หรือไม่ (หมายถึง ไม่คิดจะหาวิธีการอื่นอีกต่อไปแล้ว)
ตอบ ทั้ง 3 ข้อ ตอบว่า ใช่ ทั้งหมด และบันทึกก็ชัดเจนดี คุณ WD ตีความเป็นอื่นไปได้อย่างไร?
5. สภามหาวิทยาลัยสามารถขอแก้ไขระเบียบต่าง ๆ ที่ทำให้การบริหารใกล้เคียงกับการออกนอกระบบได้หรือไม่ หรือไม่มีอำนาจ
ตอบ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ ต่างๆ ที่สภามหาวิทยาลัยสามารถออกมาใช้บังคับ ต้องไม่ขัดกับ พ.ร.บ. ค่ะ
6. บันทึกนี้ แสดงผลแค่ด้านเดียวใช่หรือไม่ ... ไม่มีความคิดเห็นใด ๆ ถ้าประชาคมไม่ต้องการออกนอกระบบ หรือ ไม่มีคำยืนยันว่า ออกนอกระบบแล้ว จะเป็นไปอย่างที่อาจารย์ได้เขียนไว้ จริงหรือไม่ครับ
ตอบ บันทึกนี้เขียนให้เห็นปลายเหตุ หากคุณ WD ต้องการทราบต้นเหตุ ต้องขยันอ่านบันทึกที่ดิฉันบันทึกตั้งแต่บันทึกแรกใน Blog นี้
ดิฉัน เปิดใจไว้แล้ว หากประชาคมไม่ต้องการออกนอกระบบ หรือหากไม่มีคำยืนยันจากประชาคม การณ์จะเป็นอย่างที่ดิฉันบันทึกไว้หรือไม่? เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์
แต่ดิฉันไม่ปรารถนาเลยที่จะท้าพิสูจน์
เห็นด้วยกับอ.ค่ะ ที่จะให้มหาวิทยาลัยนเรศวรของเราออกนอกระบบ
อยากให้พนักงานมหาลัยมหาลัยนเรศวร รวมตัวกันจัดตั้ง เป็น "สภาพนักงานมหาลัย" ดีมั๊ย ทำไม สภาข้าราชการ แล้ว พวกเราพนักงานมหาลัย จะไม่คิดจะมีบ้างเหรอ จะได้มีตัวแทนของคณะเข้ามาพูดคุยปรึกษา หรือ เพื่อการประชาสัมพันธ์ สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นใน "บ้านของเรา" ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วเราพนักงานมหาลัยทุกคน ได้รับรู้ข่าวสาร อะไรอย่างไรบ้าง ผมเชื่อว่า ถ้าเรามีการรวมตัวกันอย่างจิงจังมันน่าจะเกิดสิ่งดี ๆ ในบ้านของเรามากกว่านี้ คงต้องรบกวน ท่านที่เป็นพนักงานทุกท่านแสดงความคิดเห็นและรวมใจกันอีกครั้งเถอะคับ
ปล. มีวิธีไหนมั๊ยที่จะม่ะต้องจ่ายประกันสังคม อิอิ..น่าเบื่อ.....ถ้าออกนอกระบบแล้วม่ะต้องจ่ายประกันสังคมหนับหนุนเต็มที่เลย..
เอ ท่าน Wasawat Deemarn ครับ
จากบันทึกทั้งหมดที่ท่าน อ.มาลิณีเขียนนี่....
ท่านได้อ่านหรือยังครับ ?
หากยังผมคิดว่าน่าจะลองอ่านดูอีกสักรอบหนึ่ง และหากยังไม่เข้าใจก็โปรดทำซ้ำอีก
และจะเป็นการดีกว่ามากหากท่านศึกษาก่อนนะครับ
ผมเองก็ใช่จะรู้และเข้าในในกระบวนการออกนอกระบบอย่างถึงที่สุด
แต่ก็กำลังศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ แหล่งข้อมูลที่ท่านสามารถศึกษาได้จาก ที่นี่ g2k นี่แหละครับ
โดยดูจากบันทึกของท่านอาจารย์มาลิณีและท่านอาจารย์สมบัติได้
เรื่องความเท่าเทียมกันระหว่างข้าราชการกับพนักงาน
ท่าน Wasawat Deemarn คิดว่าจะทำอย่างไรครับให้มีสิทธิเท่าเทียมกันครับ
จะบอกว่าเราเท่าเทียมกันอยุ่แล้วแต่ไม่มี กฏหมาย จะมาเป็นหลักประกันของ พนักงาน แบบนี้ผมคนนึงล่ะที่ไม่เอาครับ
ไม่มีกฏหมายสำหรับพวกเราก็แย่สิครับ
ผมมองว่าการที่ท่านอาจารย์มาลิณีลุกขึ้นมาเขียนให้ความรู้ก็เป็นเรื่องดีงามมากโขอยู่แล้ว
ท่านนำเอกสาร หลักฐาน พรบ. และอื่นๆ มานำเสนอผ่านช่องทาง G2K แห่งนี้
หากต้องการทราบโปรดศึกษาด้วยตนเองครับ
ดีเสียกว่าพวกที่ไม่มีอะไรทำ แย้งไปเรื่อย ไม่มีหลักการณ์ ไม่รู้จักศึกษา
พวกนี้สิครับไม่มีสมอง ไม่เป็นปัญญาชน
ท่าน Wasawat Deemarn ว่าจริงใหมครับ
ยิ้มสิครับ
**************************
สวัสดีครับ ท่านอาจารย์มาลินี
ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัย อำนวยพรให้ท่านมีความสุขในสิ่งที่ท่านปรารถนาดีต่อมหาวิทยาลัยและส่วนรวม ครับ :) ... ขออนุโมทนาบุญกุศลนี้
พนักงานได้นั่นได้นี่ โปรโมทกันไปให้คนทำงานได้กับได้
แล้วนิสิตได้อะไรบ้าง ควรคิดถึงนิสิตเป็นสำคัญเพราะถ้าไม่มีนิสิต(ลูกค้า)มหาวิทยาลัยจะสอน/บริการใคร และจะอยู่อย่างไร
อย่าลืมว่านิสิตมีมากกว่าคนทำงาน และนิสิตก็คือลูกหลานของประชาชนในสังคม
ไม่ใช่คิดถึงผลได้ของกลุ่มคนเฉพาะคนทำงานในมน.
ด้วยความเคารพ
ได้คนเก่งและมีความรับผิดชอบมาทำงาน
แล้วนิสิต ได้อะไร เสียอะไร ใครรุ้บ้างบอกหน่อย....แล้วที่ไปประท้วงนี้ ทำเพื่อตัวเองหรือป่าว.....บอกเหตุผลหน่อย..
ขอบพระคุณอย่างสูงที่ ชี้แจงให้ทราบ..คับ แล้ว ที่นิสิตประท้วงนี้ทำให้ใคร หรือมีใครอยู่เบื้องหลังหรือคับ..เพราะถ้าจิงอย่างที่ อาจารย์ว่ามันก็ดีนิคับ รบกวนอีกครั้งน่ะคับ ..
ผมชื่นชมอาจารย์ มาลินี มาก ที่เอาเรื่องมาตีแผ่ โยนลงให้ประชาคม และสังคม ได้พิจารณาร่วมกัน ถ้าทุกมหาวิทยาลัยคิดและทำอย่างนี้จะดีมาก ไม่อย่างนั้นเราหาเหตุผลที่ดีและถูกต้องไม่เจอ
เรื่องผลประโยชน์ ส่วนตัว กับผลประโยชน์ส่วนรวมสำคัญเท่าๆกัน เพราะมันหมายถึงเกียรติของสถาบัน ที่จะต้องช่วยกันลงขันดูแลและร่วมพัฒนา ไม่ใช่คอยแต่เรียกร้องจะเอาผลได้ส่วนตัว
ผมคิดว่า ถ้าบุคลากร คนไหนเป็นคนดี มีความสามารถ พัฒนาตนเองให้สมฐานะ ไม่มีหน่วยงานไหนไม่ต้องการ ไม่สนับสนุนคนดี ถ้าดีจริง ก็จะเจอผลดีจริงๆอยู่วันยังค่ำ หันหน้าเข้าหากัน เอาอนาคตและศักดิ์ศรีของสถาบันเป็นตัวตั้ง
วันนี้ถามตัวเองสักคำ ว่าได้ทำอะไรให้กับสถาบันที่เลี้ยงดูชุบชูเราอยู่ทุกวันนี้บ้าง
กราบขอบพระคุณพ่อครูบา ที่เคารพรักยิ่ง
น้ำคำพ่อครูบาเป็นเสมือนน้ำทิพย์ชะโลมใจแก่ผู้ที่กำลังกระหาย เหมือนพ่อครูบาจะหยั่งรู้ได้ว่าลูกคนไหนกำลังทุกข์ใจอยู่ ดิฉันเข้าใจแล้วว่า เหตุไฉนพ่อครูบาจึงเป็นที่รักของทุกๆคนที่ได้เข้าใกล้ สายตาที่ฉายความเมตตา (ดิฉันเคยสบมาแล้ว) คำพูดทุกถ้อยคำที่เขียนถึงทุกคน (ใน Blog เท่าที่ดิฉันเคยตามอ่าน) ล้วนมีกระแสแห่งความหวังดี มีพลังผลักดันให้เข้มแข็ง ดิฉันขอรับพวงมาลัยน้ำใจจากพ่อครูบา ไว้เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณให้รู้ผิดชอบชั่วดี เพื่อไม่ให้เสียแรงที่พ่อครูไว้วางใจ