บทความชุด “สารัตถะจากตำราเรียนพม่า” จะนำเสนอข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรมของประเทศสหภาพพม่า ตามที่ปรากฏอยู่ในตำราเรียนของกระทรวงศึกษาธิการพม่า โดยจะคัดสรรเนื้อหามาเสนอเป็นตอนๆไป สำหรับในตอนแรกๆนี้จะเป็นการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์และบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์พม่าตามที่ปรากฏอยู่ในตำราเรียนชั้นต้นๆในระดับการศึกษาพื้นฐานของพม่า
สารัตถะจากตำราเรียนพม่า
:
ตำนานว่าด้วยกำเนิดชนชาติพม่า
บทความชุด
“สารัตถะจากตำราเรียนพม่า”
จะนำเสนอข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สังคม
และวัฒนธรรมของประเทศสหภาพพม่า
ตามที่ปรากฏอยู่ในตำราเรียนของกระทรวงศึกษาธิการพม่า
โดยจะคัดสรรเนื้อหามาเสนอเป็นตอนๆไป
สำหรับในตอนแรกๆนี้จะเป็นการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์และบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์พม่าตามที่ปรากฏอยู่ในตำราเรียนชั้นต้นๆในระดับการศึกษาพื้นฐานของพม่า
พม่าจัดระบบการศึกษาระดับพื้นฐานเป็นแบบ ๕ - ๔ - ๒
โดยแบ่งเป็นชั้นต้น ๕ ปี ชั้นกลาง ๔ ปี และชั้นสูง ๒ ปี ชั้นต้นได้แก่
ชั้นเด็กเล็ก และชั้น ๑ – ๔, ชั้นกลางได้แก่ ชั้น ๕ - ๘
และชั้นสูงได้แก่ ชั้น ๙ - ๑๐
สำหรับตำราวิชาประวัติศาสตร์ของพม่าที่ใช้ในระดับการศึกษาพื้นฐานนั้น
อาจจำแนกเป็น ๒ รูปแบบ คือ แบบแรกเป็นประวัติศาสตร์ภาคสังเขป
และอีกแบบหนึ่งเป็นประวัติศาสตร์ภาคพิสดาร
ประวัติศาสตร์ภาคสังเขปจะเรียนกันตั้งแต่ชั้น ๓ จนถึงชั้น ๖
มีเนื้อหาว่าด้วยเหตุการณ์และบุคคลสำคัญ
ส่วนประวัติศาสตร์ภาคพิสดารจะเรียนในชั้น ๗ จนถึง ๑๐
มีการนำเสนอโดยเรียบเรียงเนื้อหาตามลำดับเวลาเป็น ๒ ภาค คือ
สมัยบรรพกาลจนถึงสมัยราชวงศ์เป็นภาคแรก
และสมัยอาณานิคมจนถึงสมัยเอกราชเป็นภาคหลัง
นักเรียนจะได้เรียนเหตุการณ์และบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ในชั้นต้นๆ (
ชั้น ๓ - ๖ ) โดยสังเขป
เพื่อเป็นการปูพื้นฐานก่อนที่จะต้องเรียนประวัติศาสตร์ภาคพิสดารในชั้นสูง
(ชั้น ๗ -๑๐ ) ต่อไป
ในตอนแรกนี้ จะขอกล่าวถึงตำนานว่าด้วยการกำเนิดของชนชาติพม่า
ตามที่เขียนไว้ในตำรา ชื่อ “หนังสืออ่านประวัติศาสตร์พม่า”
สำหรับนักเรียนชั้นประถมปีที่ ๕
เนื้อหาระบุว่าพม่ามีกษัตริย์สืบเชื้อสายมาจากศากยวงศ์อันเป็นวงศ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จากนั้นจึงแตกออกเป็น ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายที่ปกครองเมืองตะกองบนฝั่งอิรวดี
กับฝ่ายที่ปกครองเมืองต่องโหญ่แถบแม่น้ำชิดวินและเมืองธัญวดีในแดนยะไข่
ในตำรายังกล่าวถึงพวกพยูที่เชื่อว่าอาจเป็นเชื้อสายดั้งเดิมของชาวเมียนมาได้ผู้ปกครองเป็นราชบุตรจากเมืองต่องโหญ่
และกล่าวว่ากษัตริย์เมืองตะกองสืบเชื้อสายต่อกันมาถึง ๓๓
พระองค์ก่อนที่จะเกิดเมืองพุกามซึ่งเป็นศูนย์กลางของอาณา-จักรเมียนมาของชาวพม่าในกาลหลัง
เนื้อความในตำราว่าไว้ดังนี้ …..
“พม่ามีคำกล่าวว่า จุดเริ่มต้นของเมียนมา มาจากตะกอง (e,oN,kv0
9gdk'Ntd) ในเวลาที่สร้างเมืองตะกอง(9gdk'Nt)นั้น
ด้านตะวันออกมีชาวพยู(xy&) ด้านตะวันตกมีชาวกังยัง(d,Ntp")
ด้านเหนือมีชาวแต๊ะ(ldN) และที่ลุ่มน้ำอิรวดี(Vik;9u)
สะโตง(00Ng9k'Nt) และสาละวิน(l"]:'N)มีชาวมอญ(,:oN)อาศัยอยู่
ศาสนาความเชื่อตลอดจนศิลปะวรรณกรรมได้รับจากประเทศอินเดียโดยเข้าสู่ประเทศเมียนมาทางด้านเหนือด้วยเส้นทางบก
และเข้ามาทางด้านใต้โดยทางทะเล
กาลครั้งหนึ่ง
เหล่าเชื้อสายกษัตริย์ศากยวงศ์(lkdu;'N)แห่งกบิลพัสดุ์(dxb];9N)
กับเหล่าเชื่อสายกษัตริย์ปัญจลราช(xf¨]ik=N)ได้กระทำศึกสายเลือด
ชาวเมืองกบิลพัสดุ์เป็นฝ่ายแพ้สงคราม
ดังนั้นอภิราชา(v4bik=k)กษัตริย์เชื้อสายศากยวงศ์พร้อมด้วยข้าราชบริพารจึงอพยพสู่แผ่นดินเมียนมาโดยทางบก
เมื่อถึงเมียนมาจึงได้ตั้งเมืองตะกอง ณ ฝั่งขวาของแม่น้ำอิรวดี
และปกครองชาวประชาแห่งแผ่นดินเมียนมา
กษัตริย์พระองค์นั้นได้ให้กำเนิดราชบุตร ๒ พระองค์ นามว่า
กังราชาจี(d"ik=kEdut) และ กังราชาแหง่(d"ik=k'pN)
พอราชบุตรทั้งสององค์เติบใหญ่ เจ้าอภิราชาก็พลันสิ้นพระชนม์
เมื่อสิ้นพระราชบิดา ราชบุตรทั้งสองจึงแย่งราชบัลลังก์กัน
แต่เหล่าขุนนางเกรงว่าหากเกิดศึกระหว่าง ๒ ราชบุตร
ราษฎรทั้งหลายจะต้องทุกข์ยาก
ดังนั้นจึงเสนอทางคลี่คลายปัญหาโดยวิธีสันติ
ข้อเสนอนั้นกำหนดให้ต่างฝ่ายสร้างเจดีย์ให้แล้วเสร็จในเพลาชั่วคืน
กังราชาจีผู้เป็นพระเชษฐาสร้างไม่แล้วเสร็จ
เนื่องเพราะทรงพยายามสร้างเจดีย์ให้คงมั่น
ในขณะที่กังราชาแหง่ผู้เป็นพระอนุชานั้นสร้างเจดีย์ด้วยปฏิภาณโดยใช้ไม้ไผ่
ตอก หวาย และเถาวัลย์ จึงสำเร็จไวในชั่วคืน
กังราชาแหง่ผู้อนุชาจึงขึ้นสืบราชบัลลังก์แห่งเมืองตะกอง
ฝ่ายพระเชษฐากังราชาจีนั้นทรงยอมปฏิบัติตามสัญญา
จึงได้เคลื่อนกำลังพลของพระองค์ทั้งหมดล่องลงมาตามลำน้ำอิรวดี
จากนั้นได้ยกพลทวนลำน้ำชิดวิน(-y'Nt9:'Nt)ไปสร้างเมือง ณ กะเลต่องโหญ่
(dg]tg9k'NL6b) และประทับอยู่ที่นั่น
ชาวพยูทูลขอให้กังราชาจีมาเป็นกษัตริย์ปกครองในเขตของพวกตน
กังราชาจีทรงปรึกษากับเหล่าขุนนาง
แล้วจึงส่งราชบุตรไปปกครองชาวพยู
กังราชาจีได้เคลื่อนย้ายจากเมืองต่องโหญ่ไปสร้างเมืองเจ้าก์ปะดอง
(gdykdNxoNtg9k'Nt) ซึ่งอยู่ด้านตะวันออกของแม่น้ำกะลาตั่น (d6]kt9oN)
ทางตอนเหนือของแดนยะไข่ (i-6b'N) หลังจากนั้นได้ยึดเมืองเก่าธัญวดี
(TP;9u) ของยะไข่ซึ่งกำลังว่างเว้นกษัตริย์สืบบัลลังก์
แล้วสร้างราชธานีประทับอยู่ ณ ที่นั่น
ฝ่ายกังราชาแหง่นั้นได้ครองบัลลังก์ตะกองต่อมา
ตะกองมีกษัตริย์สืบราชวงศ์ปกครองเรื่อยมาถึง ๓๓ พระองค์”
ตำนานเรื่องอภิราชา กังราชาจี และกังราชาแหง่
ซึ่งบอกนัยว่ากษัตริย์เชื้อสายศากยวงศ์เข้ามาตั้งราชธานีในเมียนมาและเป็นต้นราชวงศ์ของกษัตริย์พม่าในยุคตะกองนั้น
มีกล่าวถึงในพงศาวดารพม่า โดยเฉพาะพงศาวดารฉบับหอแก้ว(มังนันยาซะวีง)
พงศาวดารฉบับนี้เริ่มชำระในปี ๑๘๒๙ คือหลังสงครามอังกฤษ-พม่าครั้งแรก
และหนังสือหรือตำราเรียนประวัติศาสตร์ของพม่าหลายเล่มมักต้องเอ่ยถึงตำนานนี้เมื่อต้องการให้ภาพของพม่าในยุคก่อนอาณาจักรพุกาม
อย่างไรก็ตาม
ประวัติศาสตร์พม่าในอีกมุมมองหนึ่งกล่าวถึงต้นกำเนิดของชนชาติพม่าว่าพม่าคือกลุ่มชนที่พูดภาษาตระกูลทิเบต-พม่าซึ่งสัมพันธ์กับจีน
และเชื่อว่าพม่าคือเผ่าเชียง(-ybpoN)ที่เคยอาศัยอยู่ที่กันซูแถบทะเลทรายโกบี
ภายหลังถูกพวกจีนกดขี่ทำร้าย จึงต้องอพยพลงมาอาศัยในแผ่นดินทิเบต
แล้วได้อพยพต่อมายังน่านเจ้า โดยถูกเรียกว่าเผ่าม่าน(,oNt)
ชาวม่านถูกพวกน่านเจ้าบังคับให้ต้องสู้รบ จึงขึ้นชื่อว่ารบเก่ง
ภายหลังชาวม่านได้อพยพจากน่านเจ้าเข้ามาอาศัยในพื้นที่เจ้าก์แส่(gdykdNCPN)ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใจกลางของประเทศพม่าปัจจุบัน
ชาวม่านอยู่ปะปนกับคนพื้นเมืองดั้งเดิมโดยเฉพาะชาวพยูและชาวมอญ
ท้ายที่สุดจึงได้ตั้งเมืองพุกามขึ้นเป็นศูนย์กลางของอาณาจักร
และเรียกตนเองว่า เมียนมา (e,oN,k)
ประวัติศาสตร์การกำเนิดชาติรัฐของพม่าจึงมี ๒ แนวคิด
แนวคิดหนึ่งเชื่อตามตำนานว่าตะกองคือราชธานีแรกของพม่า
และอีกแนวคิดหนึ่งเชื่อตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีว่าราชธานีแรกของพม่าคือพุกาม
สำหรับแนวคิดที่ว่าตะกองเป็นจุดเริ่มของพม่าในแผ่นดินเมียนมานั้น
แม้จะเปิดช่องให้ยกย่องกษัตริย์พม่าว่าสืบเชื้อสายร่วมกับเจ้าชายสิทธัตถะก็ตาม
แต่เนื่องจากศากยวงศ์เป็นแขก(d6]kt)
จึงมีผู้แย้งว่าชาวพม่าพัฒนาอารยธรรมของตนมาโดยลำดับ
มิใช่เป็นเพราะชนชาติอินเดียเข้ามาสร้างราชธานีให้จึงมีอาณาจักรขึ้นได้
ฉะนั้นพม่าคงสบายใจที่จะเชื่อว่าชาวพม่าอาจอพยพจากแผ่นดินใหญ่แล้วกลมกลืนกับชนพื้นเมืองในเมียนมา
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพม่ารับอารยธรรมหลายอย่างจากอินเดีย
วิรัช
นิยมธรรม