อันใบไม้ที่เปียกชุ่มนั้นกวาดได้ยากเย็น
จะกวาดออกได้ต้องใช้เครื่องกวาดที่ดีและเหมาะสม
ไม้กวาดที่อ่อนเกินไป กวาดยาก กวาดไม่ออก ต้องใช้แรงมาก มากเกินความจำเป็น แถมยังกวาดไม่ออกอีกเน๊อะ
ไม้กวาดที่แข็งเกินไป เสียงดัง ทำลายพื้น กวาดแรงไป ไม้กวาดหัก เสียทั้งของ เสียทั้งงาน
เลือกไม้กวาดที่เหมาะ เลือกเครื่องมืออันที่สม
เหมาะกับพื้นที่ สมกับตนเอง
เฉกเช่นเดียวกับการกวาดกามราคะและกิเลสออกจากใจนั้น
ต้องเลือกเครื่องกวาดใจให้เหมาะสม
เครื่องกวาดใจนั้นคือ “ศีล”
ต้องเลือกศีลให้เหมาะสม
เหมาะสมกับน้ำหรือกามราคะที่ชุ่มอยู่ในจิต เปียกอยู่บนใจ
จิตชื้น ๆ ก็ศีล ๕
จิตเปียก ๆ ก็ศีล ๘
จิตชุ่ม ๆ ก็อาจจะต้องเข้าคอร์สปฏิบัติธรรม หรือไม่ก็บวชกันเลย
บวชให้จิตมีจริต มี “นิสสัย”
นิสสัยพระพุทธเจ้า นิสสัยพระอรหันต์ ผู้ไกล สงบ ระดับ จากกิเลสและกามราคะ
ติดนิสสัยดี แต่ไม่ติดดี
เปลี่ยนพื้นฐานจิต ปรับพื้นฐานใจกันสักหน่อย
แต่ทว่า ไม่ว่าจะศีลระดับใด ก็มีหลักยึดหลักอยู่ให้กวาด ๔ ประการ
ประการที่หนึ่ง ป้องกันไม่ให้อกุศลกรรม หรือการกระทำที่ไม่ดี ชั่ว เลว ทราม เกิดขึ้นทั้งกาย วาจา ใจ
ประการที่สอง เมื่ออกุศลกรรมหรือกรรมชั่วเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกาย วาจา หรือใจ ต้องดับให้ได้อย่างไวที่สุด
ประการที่สาม พยายามสร้างกุศลกรรม หรือการกระทำที่ดี กรรมดี ความดีงาม ความประเสริฐ ความบริสุทธิ์ ความสิ้นสุดแห่งความเห็นแก่ตัวให้มีขึ้น พยายามทำให้เกิดขึ้นกับทั้งกาย วาจา และใจ
ประการสุดท้าย เมื่อมีกุศลกรรมเกิดขึ้นทั้งกาย วาจา และใจแล้ว พยายามให้เจริญเติบโต งอกงามยิ่งขึ้น หมุนเวียนต่อกันเป็นเกลียวดั่งปลายยอดพระเศียรขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เครื่องมือเหมาะ เคาะราคะหาย ปฏิบัติแบบเรียบง่าย ด้วยใจดี ใจสบาย
จิตและกายที่แห้งจากกิเลส ปราศจากกามราคะ ทำอะไรก็สบาย
หายใจเข้าก็สบาย หายใจออกก็สบาย
ตนเองสบาย ครอบครัวสบาย คนรอบข้างสบาย สังคมก็สบาย
ชีวิตอันสบาย ๆ สงบ เรียบง่าย ด้วยมีศีล ใช้ศีล กวาดกิเลสและราคะออกจากใจทุกคืนวัน...
มาฟังธรรมรับศีลเจ้าคะ
มารับธรรมะใกล้สิ้นปีครับ