ผิดแผนที่คิดไว้ไปนิดหนึ่ง ว่าจะไปชมงานแสดงไฟที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย....เป็นอันว่าตกลง...ไปเช่ารถตู้แล้วนะเคยเล่าแผนการท่องเที่ยวในครอบครัวว่าวันหยุด 8-9 ธค. จะไปเสริมสร้างสัมพันธภาพในครอบครัวหะแรกก็ว่า 2 วัน เพชรบูรณ์ ทับเบิก พิษณุโลก ดันที่ทับเบิกที่พักเต็ม แถมไม่มีน้ำอุ่น เลยปรับ
ก่อนจะเดินทาง 3 วัน พี่สาวอีกคนโทรมาบอกว่า เลยไปตากหน่อยเถอะน่า...อีกไม่กี่กิโลเอง ปรึกษาคณะทัวร์แล้ว ก็ไปเรียนรู้วัฒนธรรมพม่าที่แม่สอดเถอะ และขยายวันเดินทางออกเป็น 3 วัน
ต้องตกลงกับรถตู้ใหม่ ใครก็ไม่รู้ชื่อ ดิ๊ดดี้ จะมาขับรถให้ เห็นว่าอายุยังน้อยอยู่ ฝีมือขับรถเป็นยังงัยบ้าง....ชักกังวลแล้วสิ (พอดีช่วงนี้เลือกรถตู้ไม่ค่อยได้ เพระว่าเป็น high season ของรถตู้ ประเภทว่างานตรึม วิ่งรอกรถ วิ่งรอกคนขับ) แถมพอรู้จักตัวเป็นๆ น้องเค้าก็บอกว่า ไอ้ที่พวกพี่จะไปนี่ส่วนใหญ่ผมก็ไม่เคยไปนะ...แต่ผมทำการบ้านมาดี ....สำหรับบริการรถตู้ก็ต้องขอบอกว่าประทับใจ สุภาพ รู้จักกาลเทศะ จังหวะขับรถดี มีอารมณ์ขัน อาสาถ่ายรูปหมู่คณะให้เป็นประจำ ก็คิดว่าครั้งต่อไปอาจจะได้ใช้บริการเครือข่ายรถตู้คนนี้อีก สนใจติดต่อ 081-544-4052 (ขอนแก่น-แอบกระซิบว่าพี่ตุ่นบ้านโนนม่วงแนะนำมาอาจได้ราคาพิเศษ-(แพงกว่าเดิมหรือเปล่า)-แป่ว แป่ว) เป็นอันว่าไม่เสียใจเลยที่ได้รู้จักน้องคนนี้
รถพร้อม คณะทัวร์พร้อม เงินลงขันพร้อม ...ทริป 3 วันเริ่มแล้วค่ะ
วันที่ 1 กินอาหารเช้าที่ไก่ย่างภูเวียง นั่งรถไปหัวร่อ นินทากันไป แวะกินอาหารกลางวันที่วังทอง มีหลายร้านที่น่าสนใจ แต่ที่บ้านเลือก Rain Forrest ทั้งขาไปและขากลับ เป็นร้านอาหารท่ามกลางรีสอร์ต ที่ปลูกไม้ประดับร่มครึ้มไปหมด มีเก้าอี้พักผ่อนให้เอนหลัง มีศาลาหรือซุ้มติดลำน้ำเข็ก ...บรรยากาศดีมั่กมาก...แต่อาหารราคาค่อนข้างสูง...ซึ่งก็เต็มไปด้วยคุณภาพนั่นแหละ (ลองขอบัตรลดราคาอาหารสำหรับครั้งต่อไปนะคะ..ลดอาหาร 10%) ประทับใจอีกแล้ว เดินทางต่อไปกราบนมัสการพระพุทธชินราชประมาณ 1 ชม. แล้วเดินทางต่อไปที่จังหวัดสุโขทัย ห่างจากพิษณุโลกประมาณ 58 กม. เร่งรีบแล้วค่ะเพื่อที่จะเดินทางต่อไปอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีก 60 กม. ไปถึงค่อนข้างเย็นประมาณ 16.30 น. แดดกำลังดี ไม่ร้อน แต่เวลาค่อนข้างน้อยได้ดูไม่กี่วัดเอง....เพราะเรามีแผนจะชมการแสดงไปที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ซึ่งเปิดถึง 21.00 น. เด๋วจะเสียแผน
เอ้ากลับสุโขทัย...เดินทางเข้าที่พักประมาณ 19.00 น. พักที่โรงแรมหมู่บ้านไทย บรรยากาศน่าพอใจที่เดียว มีร้านอาหารชื่อร้านสวนอาหารน้ำค้าง ตั้งอยู่ติดถนนเลย ห่างออกมาจากสุโขทัย 12 กม. ห้องพักสะอาด ห้อง 4 เตียง 900 บาท ห้อง 3 เตียง 700 บาท เป็นห้องปรับอากาศ น้ำอุ่น คืนนั้นมีบางห้องสังสรรค์กันหน้าห้องพัก พอตี 1 รู้สึกว่านอนไม่ได้แล้ว (โว้ย) โทรแจ้ง จนท.โรงแรม จนท.ก็มาประสานงานให้กลับสู่ความวิกาลอีกครั้ง...ขอบคุณค่ะ ปล.มีห้องจัดเลี้ยงและจัดสัมมนาด้วยนะคะ จองห้องพักได้ที่ คุณ ธวัชชัย 081-786-3959 ทานข้าวเสร็จเกือบ 20.30 น. ให้รถตู้พาไปชมอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ซึ่งห่างออกไปเล็กน้อยประมาณ 800 ม. ก่อนไปได้ขอข้อมูลจากทางอุทยานฯว่ามีค่าธรรมเนียม คนละ 10 บาท ค่านำรถเข้าไป คันละ 50 บาท แต่พอไปถึง เจ้าหน้าที่บอกว่ารถต้องจอดข้างนอก ขอให้โดยสารโดยใช้รถรางของทางอุทยาน มีค่าบริการคนละ 20 บาท...ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย(ก่อนทริปเราไปมีเหตุการณ์ฆาตกรรมในบริเวณนี้ ซึ่งเกิดเหตุประมาณ 2 สัปดาห์) ที่จ่ายเพิ่มไม่ว่า แต่ที่ไม่ค่อยประทับใจ คือ รถรางไม่จอดให้ถ่ายรูปเลย ใช้เวลาวนรอบอุทยานประมาณ 20-30 นาที จริงๆ น่าจะให้เวลามากกว่านี้อย่างน้อยก็จอดให้ถ่ายรูปหน้าวัดบ้าง เพราะนักท่องเที่ยวก็พูดไม่ยากหรอกค่ะ ที่ต่อว่ากรายๆ นี้เพราะว่าให้เวลาน้อยจริงๆ
วันที่ 2 โปรแกรมทัวร์เราก็ต้องเปลี่ยนแผนเล็กน้อย เพราะทุกคนยังไม่อิ่มกับความเจริญรุ่งเรืองในอดีต เลยต้องตื่นแต่เช้า กินอาหารเช้าที่โรงแรมหมู่บ้านไทยให้เสร็จ อาหารเช้าที่นี่เป็นข้าวต้มเครื่อง ปาท่องโก๋ ผลไม้ ชากาแฟ ขนมปัง ราคาหัวละ 55 บาท เป็นแบบบุฟเฟต์ค่ะ แล้วประมาณ 7.00 น. เรากลับไปที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยอีกครั้ง ชำระค่าธรรมเนียม 110 บาท ตกลง 11 คน (รวมคนขับ สรุปเราจ่ายค่าธรรมเนียม 2 รอบ 440 บาท) ใช้เวลาที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง สำหรับตาต้านั้นถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้สักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหง (ก็เค้าเป็นลูกพ่อขุนนี่นา) เสร็จแล้วก็ต้องต้อนกันขึ้นรถตู้ มุ่งหน้าสู่จังหวัดตาก ซึ่งห่างออกไปประมาณ 85 กม. โดยมีแผนจะทานข้าวเที่ยงที่เขื่อนภูมิพล
เขื่อนภูมิพลห่างออกจาก จ.ตากประมาณ 60 กม. เราไปถึงได้เวลาเที่ยงกว่าๆ พอดี อาอู๋ไปติดต่อเรือเพื่อให้พาเราไปกินข้าวที่แพกลางน้ำ เหมาเรือเวลา 1.30 ชม. มีค่าใช้จ่าย 600 บาท ราคามาตรฐานค่ะ เพราะดำเนินการโดย อบต.และการไฟฟ้า ใช้เวลานั่งเรือไปแพประมาณ 20 นาที อาหารอร่อยมาก จานใหญ่ น้ำใส เห็นปลาว่ายแวก ท้องฟ้าสดใสมาก ที่แพติดกับเกาะ มีวัดและจุดชมวิวอยู่ด้านบน บางคนขึ้นไปบอกว่าลมเย็นดี และวิวสวยมาก...แต่อะฮั้นขอตัวค่ะ
กลับมาจากแพก็เกือบบ่าย 2 ย้อนกลับไปในตากเพื่อจะไปแม่สอด...บ่ายนี้ หลายคนในทริปของเราเริ่มเข้าเฝ้าพระอินทร์ในรถตู้ซะแล้ว แต่เราขอให้คนขับรถแวะถามราคาตอไม้และไม้เก่าที่ใช้ประดับที่ข้างทาง ราคาไม่แพง (แฮ่ม..วันหลังมาใหม่) ตั้งใจว่าจะแวะที่ กม. 25-26 บนถนนสาย 105 ตาก-แม่สอด ที่เป็นสถานีปลูกพืชสวนดอยมูเซอ ดั้นขับผ่าน เลยแวะกินกาแฟเข้าห้องน้ำที่ศูนย์วัฒนธรรมชาวเขาเผามูเซอ มีผักสดๆ ขาย น่าสนใจมาก....อดใจไม่ได้ "ตาต้า" เลยหอบป๋วยเล้ง คะน้า ต้นกะเทียม ผักกาดแก้ว ไปให้รีสอร์ตที่จองไว้ทำเป็นอาหารเย็นให้ ต่อจากนั้นไปต่อจากนั้นไปช้อปปิ้งต่อที่ตลาดริมเมย อ. แม่สอด...วัฒนธรรม ความเป็นอยู่น่าสนใจ แต่ไม่มีเสน่ห์ในการขายของซะเลย เพราะไม่ค่อยลดราคาให้เลย ขนาดไม่ประทับใจนะเนี่ย เรากับน้องแอ้ ยังหอบเครื่องแก้วมาหลายร้อยบาท
เล่าเรื่องที่น่าประทับใจดีกว่า แบบว่า คืนที่ 2 จองที่พักไว้ที่ สวนหินเม้าท์เท่น รีสอร์ต 5 กม. ซ้ายมือก่อนถึง อ.แม่สอด ผู้จัดการคือ คุณพี่โสภา ใจดีมาก โทร.หาคณะเราตั้งแต่ตอนบ่าย กลัวว่าจะมาไม่ถูก แถมไม่คิดเล็กคิดน้อยในการให้บริการ เอาผักที่หอบมาให้ทำอาหารก็ไม่มีปัญหา เราได้บ้านชมวิว ราคา 1,500 บาท บ้านพักเป็นแบบ 2 ชั้น 2 ห้องนอน เตียงขนาดใหญ่ นอนได้ 6 คน มีระเบียงที่นอนรับลมเย็นๆ ได้ แถมมีเตาปิ้งย่างให้ด้วย พี่โสภาเตรียมเครื่องนอนเสริมให้พอกับคนที่เหลืออีก 5 คน โดยไม่คิดราคาที่นอนเพิ่มเลย ตอนเช้าเราก็ขอให้ทำอาหารให้ด้วย ข้าวต้มหม้อใหญ่ 300 บาท กาแฟ ขนมปังชุดละ 50 บาท สรุป ค่าที่พัก+อาหารมื้อเย็น(บางส่วน)+ค่าทำอาหาร+อาหารเช้า ซึ่งราคานี้รวมราคาเครื่องดื่มด้วย เบ็ดเสร็จ 3,150 บาท ราคานี้ไม่ใช่ถูกหรือไม่ถูก แต่ถูกใจมากกว่า ถูกใจในน้ำใจอัธยาศัยไมตรีของผู้ให้บริการ จะกางเต้นท์ (เอาไปเอง) ก็ไม่คิดเงิน เหมือนความรู้สึกว่าไปเยี่ยมญาติอย่างงัยอย่างงั้น จนอดที่จะบอกต่อไม่ได้สนใจก็โทรไปทักทายคุณพี่โสภา ได้ที่ 081-8882404 (บอกนิดนะคะว่า สิริพร จากขอนแก่นแนะนำต่อ) มีข้อมูลในเว็บไซต์ด้วยค่ะ ที่ http://www.mountain-designs.com/accom/suanhinthai.html
วันที่ 3 ตั้งใจจะตื่นแต่เช้า แต่ก็เริ่มเคลื่อนพลได้ประมาณ 7.30 น. แวะเข้าไปในตลาดแม่สอดอีกครั้ง เพื่อชมวัดในแบบวัฒนธรรมพม่า แวะได้วัดเดียว เพราะพี่ต้าต้องมาขึ้นเครื่องที่ขอนแก่น เดี๋ยวจะตกเครื่องเสียก่อน วัดไทยวัฒนาราม หรือ วัดเงี้ยวใหญ่ มีพระนอนขนาดใหญ่ วันที่เราไปไม่ค่อยเหมาะ เพราะมีการเตรียมงานฌาปณกิจภายในวัด นมัสการเสร็จจึงได้กลับ สำหรับพระนอนที่งดงามด้วยศิลปพม่าแล้ว ยังมีไม้แกะสลักอันอ่อนช้อยงดงาม สิงห์หน้าบันไดที่นี่แปลกดี มีเคราด้วย บางตัวมีเครา 2 แฉก ไม่รู้ที่ไปที่มาเหมือนกัน (ใครรู้บอกต่อบ้างนะคะ)....ขากลับขอแวะที่สถานีปลูกพืชสวนดอยมูเซอ ซึ่งวันที่ 2 เราได้ขับเลยไปนั้น เห็นในเว็บแจ้งว่าช่วงนี้จะมีดอกบัวตองบานเต็มไปหมด...แต่เราเห็นเป็นหย่อมๆ ที่นี่มีสนสามใบขึ้นเต็มไปหมด ปลูกไม้เมืองหนาวเยอะแยะ เช่น ฟักทองที่ใช่สำหรับเซ่นเจ้า บ้วย แมคาดีเมียนัท พิทูเนีย...พวกเราขอแวะแปลงปลูกกาแฟ...ขอชิมเม็ดสดๆ ลูกแดง...เฮียอ้อนบอกว่าหวาน...เออ หวานจริงๆ
งานนี้ อาอู๋ ผอ. กศน.มหาสารคาม (ที่น้องคนขับรถเรียกท่าน ผอ.ทุกคำ) เป็นโต้โผสั่งอาหาร ไม่รู้ว่าเกรงใจใคร สั่งส้มตำมาแค่ 3 จานเอง แต่ไง๋พอคิดเงิน เบ็ดเสร็จ 7 จานเชียว (ก็มีแต่ลูกลาวนี่นา) ตั้งใจจะแวะกินขนมจีนขยุ้มที่หล่มสัก แต่อาจจะอิ่มส้มตำ หรือไฮเนเก้น (หมดไปหลายขวดเหมือนกัน) จึงต้องยกเลิกโปรแกรมนี้ไป
ตกลงถึงขอนแก่นโดยสวัสดิภาพเมื่อเวลา 18.30 น. อาโมทย์ มารับปู้ปู้ ปาปา หนุ่ม และพี่นาง กลับสารคาม เฮียอ้อน กลับรถชาญทัวร์เพื่อไปออกข้อสอบต่อ อาอู๋ เดินทางไปราชการต่อที่ปากช่อง พี่หนาค้างขอนแก่น 1 คืนเพื่อเดินทางไปราชการต่อที่ กทม. หลังจากส่ง ตาต้าขึ้นเครื่องแล้ว น้องแอ้ยังมีแรงเก็บบ้านก่อนเข้านอน ส่วนพี่ตุ่นหมดแรงข้าวต้มเลย
ท้ายสุดต้องขอบคุณพี่-น้อง-ลูก-หลาน-เพื่อนฝูงทุกท่าน ที่สละเวลาเข้าร่วมกิจกรรมของครอบครัว ไม่ว่าจะเดินทางมาไกล มีความแตกต่างในช่วงอายุ แต่เสียงหัวเราะที่มีตลอด 3 วัน ความทรงจำนี้จะเป็นกำลังใจและเป็นพลังชีวิตให้เราทุกคน...ทริปหน้าเจอกันอีกที
งบประมาณ
จำนวนผู้ร่วมทริป 10 คน+คนขับรถ 1 คน=11 คน
ระยะทาง= 1670 กม. (ค่าน้ำมัน 5,400 บาท)
งบประมาณทั้งหมด=24,265 บาท
สวัสดีจ้ะ..พี่ตุ๊กกาตุ่น..
อิจฉาจัง..ท่าทางทริปรวมพี่รวมน้องนี่จะหรรษามากๆและคงจะเน้นอรรถรสในการรับประทานอาหารที่วิเศษสุดเพราะมีพี่หนามาด้วย..แฮ่...คงจะตลกดีเนอะ..สาวๆๆมาเจอกันน่ะจ้ะ..
ดีใจที่ครอบครัวใหญ่ได้รวมตัวกันอีกครั้งนะจ๊ะ..
คราวหน้าเป็นทีมสาวโสดแล้วใช่มะจ๊ะ..ไชโย้..
แล้วเจอกันอาทิตย์จ้า..
ถ้าครอบครัวคุณครุแอ๊วจะไปเที่ยวเมื่อไหร่ และมีที่นั่งเหลือ...พี่ตุ่นก็จะขอไปด้วยคน
ขอบคุณมากค่ะที่มาเที่ยวแม่สอดนะคะ ที่นี่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมามากนักรัฐบาลไม่ค่อยโปรโมทเท่าไหร่ ต้องมาบ่อยๆ หน้าหนาวจะดีกว่าหน้าร้อนเพราะอากาศดีมากค่ะ อย่าลืมไปอุดหนุนตลาดริมเมยนะคะ ก๋วยเตี๋ยวป้าหล้าก็เด็ดมาก อยู่ทางไปแม่ปะน่ะค่ะมีอาหารอื่ ๆบริการด้วยนะไม่แพง อร่อยด้วย นำพริกกุ้งที่ตลาดก็อร่อยมาก ขากลับก็แวะตลาดแม้วนะ ของแปลก ๆ ผักสด ๆ เยอะเลย นำพุร้อนแม่กาษา มีถ้ำแม่อุษาอยู่ข้างบนเขาเหนือบ่อนำร้อนด้วยน่าสนใจมากค่ะ
ขอเชิญนะคะ
คนแม่สอด
สวัสดีค่ะ สาวแม่สอดคุณชลกานต์
บอกตรงๆ ว่าตอนแรกหน่ะ นั่งรถนานก็ชักบ่นค่ะ
แต่พอเห็นผักสดๆ คนใจดี อย่างที่เล่าในบันทึกด้านบน
และมีสินค้าให้ซื้อมาเป็นที่ระลึก แม่สอดก็...เป็นทริปแห่งความทรงจำ
เสียดายแต่ไม่ได้แวะร้านอาหารขึ้นชื่อ...จึงเหมือนยังไม่ถึงแม่สอดเท่าไหร่นัก
ต้องไปใหม่...ใช่มั๊ยคะ
แม่ค้าที่ตลาดริมเมยไม่ได้เป็นเหมือนกันทุกคนนะคะ
ปุ๋ยเป็นแม่ขายขายพลอยออกจะใจดี
ลูกค้าใจร้ายต่างหากต่อเก่งอ่ะ
โอ...ต้องรับผิดชอบคำพูดซะแล้ว
เล่นเหมารวมไปหมด
แม่ค้าใจดีอย่างคุณเด็กหญิงปุ๋ยก็อาจมีอยู่มาก ต้องขอโทษด้วยละกัน
เสียดายที่ไม่ได้เจอ และคงต้องย้อนมองตัวเองว่า ใจร้ายในการต่อของหรือเปล่า
หากแม่ค้าและนักท่องเที่ยวยึดหลัก ...เราอยู่ได้...เค้าอยู่ได้...ทุกคนอยู่ได้...เมืองไทยไชโยค่ะ
ขอให้ขายของดี ร่ำรวยๆนะคะ
เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลยล่ะคะ..สนุกน่าดูสินะคะ
อิอิ..อิจฉาจัง