เล่าเรื่องเมืองหงสา: ๑ เปิดฟ้าเมืองหงสา (บันทึกการเดินทางจากกรุงเทพผ่านเมืองน่านเข้าสู่หงสา)


ยิ่งทำให้ผมคิดถึงกายสัมผัสด้วยการกอดของพี่น้องชาวแซ่เฮฯเป็นอย่างที่สุดครับ

ผมกลับเข้าสู่อ้อมกอดแห่งขุนเขาอีกครั้ง (หลังจากได้มาเป็นสิ่งแปลกแยกอย่างโดดเดี่ยวในเมืองหลวงได้หนึ่งสัปดาห์) ยังหรอกครับยังไม่ได้มาอยู่ประจำ มาครั้งนี้เพียงหนึ่งสัปดาห์ เป็นภารกิจสั้นๆที่ขอมาลองพิสูจน์ศักยภาพของร่างกาย ก่อนที่จะตัดสินใจกับอนาคตของตัวเองว่าจะสู้ต่อ หรือจะอำลาวงการ

หลังจากอำลาเมืองกรุงด้วยมื้อเช้ายามสายๆ ที่ร้านอาหารชั้นบนสนามบินสุวรรณภูมิ (ราคาแสนประทับใจ น้ำอัดลมกระป๋องละหนึ่งร้อย ผัดไทยจานละร้อยแปดสิบ แต่ก็ยังถูกกว่าร้านที่ดอนเมือง ที่นั่นข้าวอบหนำเลี๊ยบกับน้ำแตงโมปั่น ราคาสี่ร้อยห้าสิบ) พีบีแอร์ลำจ้อย ก็พาผมลัดฟ้ามาเมืองน่านภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงเศษๆ

จากน่าน เจ้าของงานส่งรถตู้มารับพาผมโลดแล่นผ่าน ท่าวังผา ปัว(บ้านอ.ภูคา) เชียงกลาง ทุ่งช้าง มาสุดชายแดนที่ด่านผ่านแดนห้วยโกร๋นอำเภอเฉลิมพระเกรียติ  ใช้เวลาราวสองชั่วโมงกว่าๆ ทำเรื่องผ่านแดนฝั่งไทยเสียค่าธรรมเนียมสามสิบบาท

จากนั้นก็เข้าเขตประเทศลาว ต้องขนกระเป๋าเปลี่ยนรถที่ทางสำนักงานสนามส่งมารับ เนื่องจากเป็นวันหยุด อ้ายน้องพนักงานด่านตรวจคนเข้าเมืองจึงเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในอัตราพิเศษ จ่ายสองที่รวมเป็นเงินหนึ่งร้อยหกสิบบาท จึงได้นั่งรถลัดเลี้ยวไปตามไหล่เขา ชื่นชมกับทะเลภูเขารอบกายกว่าสองชั่งโมงแต่คิดเป็นระยะทางไม่ถึงสี่สิบกิโลเมตร ถนนลูกรังจึงค่อยลาดลงสู่หุบเมืองหงสา แล้วก็ได้มาถึงเมืองหงสาเอาราวเกือบหกโมงเย็น     

ระหว่างที่เดินจากบ้านพักไปทานข้าวเย็น ผมก็ได้รับการทักทาย จับไม้จับมืออย่างอบอุ่นจากพี่น้องชาวเมืองหลายๆคนที่เคยได้พบปะร่วมงานกัน แม้ว่าอากาศจะเริ่มเย็นยะเยียบ ป้าแพงพี่สาวเจ้าของร้านขายเฝอที่ผมเคยอาศัยฝากท้องไว้เมื่อสิบปีก่อนรีบวิ่งมาจากหน้าครัวไฟเข้ามากอดทักทายพร้อมน้ำหูน้ำตา ป้าเล่าว่าเมื่อคืนเพิ่งฝันว่าอาวเปลี่ยนมาเยี่ยมเป็นห่วงแทบแย่กลัวว่าผมจะเป็นตายเจ็บไข้หรืออย่างไร ป้าแกยังให้ลูกสาวตักเอาแกงเอาะนกขัว(ไก่ฟ้า)มาส่งให้กินที่ร้านพี่ศรีสุพรรณที่ผมต้องมานั่งกินข้าวกับที่ปรึกษาอาวุโส (แม้ว่ามื้อเย็นนี้เราไม่ได้ไปอุดหนุนที่ร้านป้าก็ตาม) น้ำใจของคนชนบทมีอยู่อย่างเหลือเฟือจริงๆไม่ว่าที่หนแห่งใด

ท่ามกลางความหนาวเหน็บที่สงัดเงียบในคืนแรกของเมืองหงสา ผมยังรู้สึกถึงสัมผัสการกอดอันอบอุ่นของป้าแพง และยิ่งทำให้ผมคิดถึงกายสัมผัสด้วยการกอดของพี่น้องชาวแซ่เฮฯเป็นอย่างที่สุดครับ

หมายเลขบันทึก: 152484เขียนเมื่อ 10 ธันวาคม 2007 09:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีครับพี่เปลี่ยน

เป็นไงบ้างครับ อากาศที่ลาวหนาวพอๆ กับดงหลวงเปล่าครับ  ขอให้มีความสุขกับงานใหม่ ได้รู้จักคนใหม่ ๆ  ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ แล้วผมจะตามไปขอความรู้(เที่ยว)ครับ  เพราะแน่ใจว่า เรามีที่ให้พักแน่นอน  อิอิ

อากาศ หนาวๆ ถึงคราวกอดก็กอด อุ่นดี

โอ้โฮ!!ชีวิต อาวเปลี่ยนนี่คุ้มค่าจริงๆ สมัยก่อนคงเคยยกทัพตีหัวเมืองฝ่ายเหนือแถวๆนี้แน่เลย อิอิ

 

  • อาวเปลี่ยนเป็นคนดี เป็นคนน่ารัก ใครๆก็รัก
  • ยินดีมากมายที่ได้ยินว่า ได้พบปะ ผู้คนน่ารัก ที่เคยเอื้ออาทรต่อกันมา
  • รักษาความดีต่อๆไป เด้อ อาว เด้อ
  • ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ทำไม่ทัน ทำไม่เสร็จ จ้า
  • ------
  • เมืองหงสา คิดถึง หนัง พระนเรศวรขึ้นมาทันทีเลย อิอิอิ

รักษาสุขภาพนะค่ะ อากาศหนาวอาจารย์คงชอบน่าดู

คิดถึงมุกดาหาร

คิดถึงอาจารย์เปลี่ยนค่ะ

ขอให้อุ่นไอจากแผ่นดินบ้านเกิดติดตามไปทุกห้วงขณะนะครับ... ชีวิตจะได้ไม่รู้สึกแปลกเปลี่ยวและเดียวดาย....

ผมไม่เข้มแข็งนักกับการเดินทางไปต่างเมือง ,  เพราะจะรู้สึกตลอดเวลาว่า  บ้าน วิ่งตามอยู่ทุกขณะ

....

มีความสุขมาก ๆ  .....

ผมเป็นกำลังใจให้เสมอ  ครับ !

สวัสดีครับ ทุกๆท่าน

P

P

P

P

งานที่หงสาดูท่าทางไปได้ด้วยดีครับ อากาศกำลังสบายหนาวสุดๆ แต่ตอนนี้ต้องเข้าๆออกๆ เนื่องจากยังไม่ได้ใบอนุญาตทำงานถาวร ต้องใฃ้ใบผ่านแดนอยู่ได้ครั้งละเก้าวันครับ อีกอย่างก็ต้องรอรัฐบาลออกหนังสืออนุมัติโครงการเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนด้วยครับ

ชอบคุณครับ 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท