วันนี้มีเวลาว่างได้อ่านหนังสือพิมพ์ข่าวสด ของวันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม หน้า 31 จากบทความ "ธรรมะวันหยุด" อ่านแล้วรู้สึกว่า "เข้าใจง่าย และไม่ยากต่อการที่จะรักษาความดีก็คือ การปฏิบัติตนเป็นคนดี " จึงสรุปสาระสำคัญมาร่วม ลปรร กับเพื่อนๆในการปฏิบัติตน และสำหรับเพื่อนครูผู้ร่วมวิชาชีพสามารถนำไปใช้อบรมสั่งสอนนักเรียนให้รู้จัก "การรักษาความดี"
พุทธสุภาษิตที่ว่า
"บุคคลพึงรักษาความดีของตนไว้ ดังเกลือรักษาความเค็ม"
มนุษย์ผู้คนเกิดมาในโลกนี้ ทุกคนต้องการแสวงหาความดี ความเจริญให้แก่ตนทั้งสิ้น เมื่อมีความดีแล้วควรรักษาความดี ความเจริญของตนไว้ไม่ให้สูญสิ้นไปดังเกลือรักษาความเค็มไว้
ความดีที่ควรทำสม่ำเสมอได้แก่
1. ทาน คือการให้แบ่งปัน
บุคคลให้ทานได้ จัดเป็นผู้มีจิตใจกว้างขวาง ไม่คับแคบ เป็นคนมั่งมีศรีสุข ไม่ยากจน ย่อมพ้นจากภัยอันตรายต่างๆได้
2. ศีล คือ การรักษากาย วาจาให้สงบเป็นปกติ
บุคคลรักษาศีล 5 เป็นประจำ ย่อมจำกัดโรคภัยไข้เจ็บให้หายได้ ยังช่วยเหลือผู้อื่นได้
3. ภาวนา คือ การเจริญอบรมจิตใจให้รู้แจ้งเห็นจริงจนจิตตั้งมั่นไม่หวั่นไหวเป็นสมาธิ
บุคคลผู้หมั่นอบรมจิต ด้วยวิธีมีการเจริญสมถภาวนาและวิปัสสนาเป็นประจำ ย่อมทำจิตให้เจริญด้วยคุณธรรมความดี มีจิตสงบระงับความโลภ ความโกรธ และความหลง คนจะทำดี พูดดี ก็เกิดจากจิต ดังคำที่ว่า "จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว" การจะทำ จะพูดต้องมีสติ หมายถึงทำและพูดด้วยปัญญา
ความดีที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้มีอยู่ 2 อย่าง คือ
1. ความดีภายนอก ได้แก่
- การรักษากายกรรม 3 คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม
- วจีกรรม 4 คือ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ
2. ความดีภายใน ได้แก่ มโนกรรม 3 คือ ไม่โลภ ไม่คิดปองร้าย ไม่เห็นผิดจากทำนองคลองธรรม
" ถ้าความดีภายในไม่มีอยู่บ้าง ความดีภายนอกจะมีได้อย่างไร"
เรามาร่วมสร้างสรรค์ให้เยาวชนไทยเป็นคนดีทั้งกายและใจได้อย่างไรดี
* น้อง suksom อ่านแล้วอย่าชอบอย่างเดียว ลองปฏิบัติด้วย ถ้าชวนคนรู้ใจปฏิบัติด้วยจะได้กุศลอย่างแรง
* ขอบคุณ อ.ขจิต มากค่ะ
ชอบเหมือนกันค่ะ
ถ้าทุกคนรักษาความดี เหมือนเกลือรักษาความเค็ม โลกนี้ก็จะมีแต่ สันติสุข