ขโมยเพราะอยากได้ของ...หรืออยากได้ความรัก


ถ้ายังเป็นเด็ก ดิฉันก็ว่าน่าจะพอช่วยปรับพฤติกรรมได้อยู่ หากปัญหานี้เกิดกับลูกศิษย์ของเรา คุณครูก็ควรจะสืบเสาะถึงต้นตอสาเหตุของพฤติกรรมดังกล่าวด้วย เพื่อจะได้แก้ปัญหาให้ถูกทาง



          วันก่อนดิฉันแวะไปหาซื้อโลชั่นยี่ห้อหนึ่งให้กับแม่ (ยี่ห้อนี้แม่ชอบมาก ยี่ห้ออื่นก็ไม่ถูกใจ) ซึ่งหาย้าก...ยาก แต่ก็ไม่ละความพยายาม และเป็นห่วงแม่ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมารับไอเย็นจากอากาศหนาว ว่าป่านนี้แม่ใช้โลชั่นขวดเก่าหมดหรือยัง ป่านนี้จะมีใช้ไหม

          เข้าไปในร้านแถวตลาดก็ไม่มี ร้านสะดวกซื้อก็ไม่มี ซุปเปอร์มาเก็ตสองสามแห่ง รวมถึงห้างสรรพสินค้าใหญ่ในสุพรรณฯ ก็ไม่มีวี่แววจะเจอ เป็นเพราะดิฉันเดินเข้าไปดู...ดู๊...ดู จับขวดโน้น ขวดนี้มาดมแล้ววาง...ดมแล้ววาง โดยไม่มีทีท่าว่าจะตัดสินใจซื้อ (เพราะกลิ่นฉุนกว่ายี่ห้อที่แม่ใช้ กะว่าหากหายี่ห้อเดิมไม่ได้ ก็จะให้แม่ลองยี่ห้อใหม่) อย่างนั้นหรือเปล่า จึงมีพนักงานมาเมียง ๆ มอง ๆ ดิฉันอยู่เรื่อย และในแผนกนั้นยังติดป้ายบอกว่ามีทีวีวงจรปิดคอยสอดส่องอยู่ แถมมีป้ายบอกโทษ ฐานขโมยของด้วยอีกต่างหาก

          มานึกดูแล้วก็ไม่สบายใจ คิดว่าคงมีเหตุการณ์ขโมยของกันในแผนกนี้กันมาแล้ว ทีแผนกอื่น ๆ ไม่เห็นมีพนักงานมาคอยเมียงมองดูบ้าง หรือติดป้ายเตือนเหมือนแผนกนี้ ไม่รู้ว่าการจ้องจับแบบนี้ได้ผลมากน้อยแค่ไหน ขโมยหัวไว ตาไว มือไว จะหลุดรอดไปบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ น่าเห็นใจเจ้าของกิจการนะ

          การอยากได้ของของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตมาเป็นของเรา ซึ่งเราเรียกว่าขโมยนั้น หากเป็นผู้ใหญ่ก็หนักใจหน่อยเพราะเป็นไม้แก่เข้าขั้นมิจฉาชีพไปแล้ว แต่ถ้ายังเป็นเด็ก ดิฉันก็ว่าน่าจะพอช่วยปรับพฤติกรรมได้อยู่ หากปัญหานี้เกิดกับลูกศิษย์ของเรา คุณครูก็ควรจะสืบเสาะถึงต้นตอสาเหตุของพฤติกรรมดังกล่าวด้วย เพื่อจะได้แก้ปัญหาให้ถูกทาง ดังนั้นการสังเกตพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด การเยี่ยมบ้านนักเรียน การพูดคุยกับเพื่อนสนิทของเขา หรือคุณครูท่านอื่น ๆ จะช่วยให้เราได้ข้อมูลรอบด้านมากขึ้น

          สมัยก่อนดิฉันย้ายไปสอนที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใหม่ ๆ มีลูกศิษย์คนหนึ่ง เป็นนักเรียนชายเรียนอยู่ชั้น ป.
5 ที่ดิฉันประจำชั้นอยู่ มีนิสัยชอบขโมยของเพื่อนอยู่เป็นประจำ ทำให้ดิฉันปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่เสมอ ดิฉันใช้ทั้งไม้แข็งไม้นวมแก้ปัญหา แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะแก้ปัญหานี้ได้สักเท่าไร จึงนำปัญหานี้ไปพูดคุยกับคุณครูท่านอื่น ๆ มีคุณครูอาวุโสท่านหนึ่ง พักอยู่ในพื้นที่ใกล้โรงเรียน พอจะทราบข้อมูลเกี่ยวกับลูกศิษย์คนนี้

          พี่เขาเล่าให้ฟังว่าเด็กคนนี้เขามีนิสัยขี้ขโมยแบบนี้มาตั้งแต่ปลายปี ป.
4 แล้ว ทั้งที่บ้านเขาก็ไม่ได้ยากจน (ดูจากเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ก็ดูสะอาดสะอ้านดี) พอครูแจ้งผู้ปกครองซึ่งเป็นปู่กับย่าไป เช้ารุ่งขึ้นจะเห็นรอยไม้เรียวติดน่องมาจากบ้านเลยเชียว แต่ก็ไม่ยักเข็ดหลาบ

          เย็นวันหนึ่งดิฉันก็ลองไถลไปแถว ๆ บ้านลูกศิษย์คนนี้ดู แวะไปพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็ก พบแต่ย่า ได้รับทราบข้อมูลมาว่า พ่อกับแม่ของเด็กเลิกกัน แล้วพาตัวเขาพร้อมกับน้องสาว (เรียนอยู่ชั้นอนุบาล) มาฝากไว้ให้ย่ากับปู่เลี้ยง แม่แต่งงานใหม่ไปแล้ว พ่อก็มีภรรยาใหม่ นาน ๆ จึงจะกลับมาเยี่ยมสักหน ทิ้งหลานสองคนไว้ให้เลี้ยงต่างหน้า เรื่องชอบขโมยนี่ ปู่กับย่าก็รู้ดี และยังเคยขโมยเงินปู่ด้วย ทำโทษขนาดใช้ไม้เรียวก็แล้ว ก็ยังไม่เลิกขโมย ปู่กับย่าก็ไม่เข้าใจพฤติกรรมหลาน ทั้งที่ให้ค่าขนมติดตัวไปก็ไม่ใช่น้อย ยังต้องขโมยอีกทำไม

          ดิฉันวิเคราะห์จากข้อมูลที่ได้มาจากบุคคลรอบ ๆ ตัวลูกศิษย์คนนี้แล้ว คิดว่าน่าจะเป็นพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ และประชดชีวิต เพราะคิดว่าไม่มีใครรักเขาซะมากกว่า ก็เริ่มปูทางขอความร่วมมือจากย่าของเด็กว่า ลองมาแก้ปัญหาร่วมกัน เปลี่ยนจากดุด่าว่ากล่าวมาพูดด้วยดี ๆ อธิบายให้เห็นบาปบุญคุณโทษจากการลักขโมย ถ้ารักและห่วงหลานก็ให้บอกเขาไปเลยว่าปู่กับย่ารักและห่วง บอกบ่อย ๆ ที่มีโอกาส ใช้เขาทำงานบ้านโน่นนี่บ้างแทนที่จะทำให้เขาไปเสียทุกอย่าง ทำเสร็จแล้วก็ชมเขาบ้าง

          ไม่เฉพาะไปตกลงกับย่าของเด็กเท่านั้น ที่ห้องเรียนดิฉันก็ต้องมาตกลงกับเด็ก ๆ ในห้องใหม่ว่าไม่ให้ตั้งข้อรังเกียจกับเพื่อนคนนี้ เขาทำผิดแล้วยอมรับผิดเราต้องให้อภัย ให้โอกาส อย่าไปล้อเพื่อน ล้อเขาบ่อย ๆ จะเป็นไปตามปากเรา

          จากนั้นก็ถึงเวลาให้ลูกศิษย์คนนี้มาให้คำสัญญากับเราว่าต่อไปจะไม่ขโมยของเพื่อนอีก จะเป็นตัวอย่างที่ดีกับน้องสาว (สังเกตว่าเขารักน้องมาก) จากนั้นก็มักจะมอบหมายงานอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เขาทำอยู่เสมอ เพื่อให้เขาภาคภูมิใจว่าตัวเองมีคุณค่า พยายามแทรกซึมความรู้สึกนึกคิดให้เขาเรื่อย ๆ ว่าเขาเป็นคนดี เพื่อหวังให้เขาไม่ทำเรื่องที่ไม่ดีอีก แล้วก็ได้ผลนะ...ไม่มีการขโมยของกันในห้องเรียนอีก

          คุณครูท่านอื่น ๆ ล่ะคะ มีวิธีแก้ไขพฤติกรรมเด็กชอบขโมยของแบบไหนกันบ้าง?

หมายเลขบันทึก: 152312เขียนเมื่อ 9 ธันวาคม 2007 00:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 กรกฎาคม 2012 10:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)
  • เด็กนักเรียนโรงเรียนแถวที่ทำงานผม
  • ขโมยเงินครู
  • ครูตีเละเลยอ่ะ
  • เฮ้อ
  • ขอบคุณ อ.แอ๊ด ที่แวะมาบอกข่าว
  • ดูแลสุขภาพนะ...
  • เป็นห่วงเสมอค่ะ
  • สวัสดีค่ะพี่
  • เปลี่ยนรูปใหม่สดใสกว่าเดิม
  • กรณีขโมยในชั้นเรียนจะไม่ค่อยพบ
  • เพราะจะดูและพูดเน้นให้ตระหนักเรื่องแบบนี้ตลอด
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ

  • ก่อนปิดเทอมก็มีนักเรียนชั้นมัธยมต้น ขโมยเงินในโต๊ะของเพื่อนร่วมห้อง นักเรียนด้วยกันจับได้ โดยมีพยาน
  • ครูแจ้งผู้ปกครอง ปรากฏว่าผู้ปกครองทราบเรื่องดี และนำเงินมาคืน เหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ
  • จากนั้น นักเรียนก็เลิกเรียนไป เพราะจบคอร์ส (รร สอนพิเศษ)  พอเปิดเทอมใหม่ นักเรียนคนนี้มาสมัครเรียนอีก
  • กำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงดีครับ ;) P 
  • ขอบคุณ P
  • พี่เคยพบกรณีคล้าย ๆ กันเช่นนี้ แต่ครูท่านนั้นไม่ได้ใช้ไม้ตี กลับใช้คำพูดตีเด็ก ปักใจว่าเด็กคนนี้เป็นคนเอาเงินไปแน่นอน แต่สุดท้ายกลายเป็นตัวเองลืมเอาไปวางไว้ผิดที่ มารู้อีกที เด็ก (ม.3) ก็เสียใจ เสียหน้า เสียความรู้สึกไปแล้ว เขาชดเชยให้โดยให้เงินปลอบขวัญไปสองร้อย
  • แต่พี่ว่าเรียกความรู้สึกอับอายต่อหน้าเพื่อนกลับคืนมาไม่ได้ เพราะครูเล่นประจานกันทั้งที่ไม่ได้ทำซะอย่างนั้น แถมเมื่อรู้ว่าเด็กไม่ผิด คนที่ผิดคือครูนั่นแหละ กลับนิ่งเงียบไม่แก้ข่าวให้ซะอีก
  • อย่างนี้ก็เรียกว่า "เละ" ได้เหมือนกัน
  • การแก้ปัญหาพฤติกรรมเด็กเป็นเรื่องละเอียดอ่อนค่ะ ต้องระวัง

สมัยผมเป็นอัยการจังหวัด ที่บ้านพักจะมีลูกหลานอัยการมากันบ่อย เพราะที่บ้านผมแม่บ้านจะซื้อขนมใส่กล่องไว้ มีลูกอมใส่ขวดโหลบ้าง หลากหลายรูปแบบ เด็กๆจะไม่กลัว ถ้าเราไม่อยู่เด็กๆก็จะมาหยิบกันเอง บางทีมากันหลายคนขนมจะเปลี่ยนที่ เราไม่ได้ว่าแต่จะแกล้งอำเล่นๆว่าวันนี้มีใครมาหยิบขนมบ้างเพราะพร่องไปเยอะ เด็กจะปฏิเสธ แม่บ้านก็จะอำว่าบ้านป้ามีวงจรปิดรู้หมดใครเอา รับมาซะดีๆ เก็จะบอกกันว่าคนโน้นมาเอาคนนี้ก็เอา  เราก็สอนเขาว่าถ้าอยากกินให้รอป้ากับลุงก่อน หลังจากนั้นก็ไม่มีพฤติกรรมแบบนี้

แต่พอย้ายบ้านมาอยู่ที่บ้านปัจจุบัน แม่บ้านเขาจัดห้องน้ำ มีแม่ไก่และลูกเจี๊ยบเล็กๆเป็นเซรามิกซ์หลายตัว วันหนึ่งลูกของลูกน้องมาที่บ้าน เข้าๆออกห้องน้ำ เราก็ไม่ว่าเพราะเด็กๆอยากดูน้ำตกในห้องน้ำ หลังจากเด็กๆกลับไปแล้วสังเกตเห็นว่าลูกเจี๊ยบหายไป ๑ ตัว แม่บ้านโทร.ไปหาที่บ้านทันที เดาได้เลยว่าต้องเป็นลูกคนสุดท้องเพราะเด็กคนนี้ฉลาดมาก เลือกหยิบของที่ดูเผินๆแล้วไม่รู้ ขอพูดกับเด็กคนนี้ ตกลงว่าเรามีภาพวงจรปิด เราจะไม่บอกแม่ แต่ต้องเอามาคืน เขาก็รับปาก แต่หลายวันแล้วก็ไม่มา ความจริงแม่เขารู้แล้วเพราะเราบอกแต่ห้ามทำโทษลูก แม่เขาก็ร่วมมือ จนในที่สุดเขาก็มาที่บ้านเพราะแม่เขาแกล้งชวนออกมาข้างนอก เขาก็มากระซิบบอกว่า มันหายไปแล้ว หายตั้งแต่วันแรกนั่นแหละ หายังไงก็ไม่เจอ หนูก็ไม่รู้ว่ามันหายยังไง(มันคงหายจริงเพราะลูกเจี๊ยบตัวเล็กเขาหยิบใส่กระเป๋ากางเกง และแม่เขาค้นหาให้ตั้งแต่วันแรกที่เอาไปก็ไม่เจอ) แม่บ้านก็เลยบอกว่า ทีหลังอย่าทำอีกเพราะป้าไม่ชอบเด็กขี้ขโมย แต่ป้าให้อภัยเพราะหนูรู้จักรับผิด และเขาขอโทษ

เด็กๆขโมยก็เป็นอย่างที่อาจารย์ว่า อาจจะเกิดจากความรู้สึกอยากขโมยเพราะอยากได้ กับอยากขโมยเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ทั้งสองอย่างถ้ามีผู้ใหญ่ให้โอกาสพูดกับเขาด้วยเหตุผลและไม่ใช้ความรุนแรง ก็ยังปรับปรุงให้เขาเลิกนิสัยขี้ขโมยได้ครับ

  • โชคดีของลูกศิษย์คนนั้นนะคะ ที่ได้ครูที่ลึกซึ้งอย่างคุณปวีณาช่วยเยียวยาให้
  • เรื่องนี้เป็นตัวอย่างของการตามไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุจริงๆ  ชื่นชม...ชื่นชม...

ขอรวบยอดขอบคุณ P  P P และ P 

          การแก้ปัญหาพฤติกรรมของเด็ก ๆ สมัยนี้ ทำได้ไม่ง่าย เพราะสภาพสังคมเปลี่ยนไป ทำให้เกิดปัจจัยและตัวแปรหลายด้าน  ดิฉันโชคดี เป็นครูบ้านนอก อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีมูลเหตุไม่ใคร่ซับซ้อนมากนัก ทำให้พอแก้ไขปัญหาไปได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ๆ

          มีเพื่อนหลายคนที่เป็นครูอยู่ในสังคมเมือง บางคนมีลูกศิษย์ที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น ซึ่งเวลามีปัญหาแต่ละครั้งมักจะแก้ไขได้ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากมีสาเหตุที่ค่อนข้างซับซ้อน ยิ่งถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ให้ความร่วมมือด้วยแล้ว ก็น่าหนักใจค่ะ

          อย่างไรก็ตามแต่ ดิฉันยังเชื่อว่า ความรุนแรงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกทาง  ผู้ใหญ่ต้องรู้จักปรับใช้หลักจิตวิทยามาช่วยแก้ปัญหาค่ะ

          ขอบคุณสำหรับการต่อยอดทางปัญญาจากทุกท่านค่ะ

เอ ขโมยนี่เหมือนกันทุกที่ ที่ชอบลักของ ของคนอื่นผมนึกว่ามีแต่ทางบ้านผม  วิธีแก้ง่ายครับ ถ้าทำให้เขาไม่ลักของคนอื่น เขาก็จะไม่เป็นขโมยครับ แน่นอนที่สุดในโลกครับผม

คือเครียดนะค่ะเพราะพึ่งเจอปัญหานี้กับตัวเอง คือดิฉั้นอยู่ด้วยกัน 3 คนพ่อ แม่ ลูก(อยู่ป.5) แต่ลูกนี้เป็นลูกติดแฟนน่ะค่ะ เมื่อวันเสาร์ที่แล้วเค้าขโมยเงินในกระเป๋าดิฉันไป2,500บาท ที่จับได้เพราะพ่อเด็กไปเจอเงินในกล่องหนังสือเค้า 250บาท แฟนบอกว่าตอนเย็นกลับมาจากทำงานให้ค้นกระเป๋าหนังสือดู ดิฉันก็บอกเค้าว่าขอดูกระเป๋าหนังสือหน่อย พอรื้อหนังสือออกมาปรากฎว่ามีแบ้งค์ย่อยในกระเป๋าหนังสือ และพวกขนมแบบช็อคโกแลคแท่ง 4 ห่อ ดิฉันก็ถามเค้าว่าให้เงินไปโรงเรียนวันละ 25บาท(กินอาหารกลางวันที่โรงเรียนฟรีและเคยให้เค้าไปวันละ30บาทปรากฎว่าในกระเป๋ามีแต่ขนมที่มีของเล่นและพวกของเล่นชิ้นเล็กๆเลยลดค่าขนม)ทำไม่มีแบ้งค์50 20ในกระเป๋า ก็ถามแบบขู่ไปว่าหยิบเงินในกระเป๋าไปใช่ไหม ถ้าไม่พูดความจริงจะบอกพ่อ และจะไปบอกผอ.ที่โรงเรียนด้วย เค้าก็ยอมรับ ดิฉันยอมรับค่ะว่าพยายามกลั้นสติเอาไว้ไม่ให้ระเบิด จากนั้นก็ถามว่าแล้วเงินที่เหลืออยู่ไหนเอามาดูหน่อย แกก็หยิบกระปุกออมสินของแกมาให้ พอดิฉันเปิดดูดีใจที่ได้เงินคืนมาบ้าง ยังเหลือแบ้งค์500 3ใบ และแบ้งค์100 แบ้งค์20 ในกระปุกเพียบเลยค่ะเพราะเงินที่เค้าหยิบไปเป็นแบ้งค์ 500 หมด 5 ใบรวมแล้วรวมที่พ่อเด็กเจอก็ยังเหลือเงินอยู่ประมาณ 2200กว่าบาท เค้าใช้ไปแล้วประมาณ 200กว่าบาทได้ และเสียใจมากไม่คิดว่าเค้าจะกล้าทำได้ขนาดนี้ เพราะตอนแรกที่รู้ว่าเงินหายไปดิฉันก็นั่งร้องไห้รื้อกระเป๋า แฟนก็ว่าดิฉันชักเข้าชักออกเงินก็หล่นหาย คือมีเงินอยู่ในกระเป๋า12,000บาทแต่เงินจำนวนนี้ต้องนำไปคืนที่ยืมน้องมา ดิฉัน"บอกว่าไม่ได้ชักเงินออกไปไหนเลยเพราะรู้ว่าเงินต้องนำไปคืนน้องไม่กล้าหยิบไปใช้ ดิฉันก็ถามลูกว่าได้หยิบเงินในกระเป๋าไปหรือเปล่าแต่เค้าก็ปฎิเสธ ว่าไม่ได้หยิบไป แล้วมารู้ทีหลังอยางนี้มันก็เลยเสียใจมาก เพราะดิฉันก็ไม่คิดว่าเป็นเค้าเลยค่ะ เพราะวันที่รู้ว่าเงินหายไปนั้นเป็นวันอาทิตย์และดิฉันเอาเงินไปคืนน้องสาวโดยใช้บริการตู้รับฝากเงินอัตโนมัติ ธ.กรุงไทย ด้วยความมั่นใจว่าเงินในกระเป๋าเรามีอยู่1200ดิฉันก์หยิบเงินออกมาโดยเหลือในกระเป๋าไว้2000บาทเพื่อเก็บไว้ใช้ และนำเงินที่คิดว่าจำนวน10,000บาทใส่ในตู้รับฝากเงิน ปรากฎว่าตู้ขึ้นว่ายอดเงิน7,500บาท ดิฉันตกใจมากเลยไม่กดยืนยันและเงินออกมา ดิฉันนับปรากฎาว่ามีเงิน7,500บาท ดิฉันยืนร้องไห้หน้าตู้รับฝากเงินเลยค่ะไม่อายเลย ทำอะไรไม่ถูกเพราะเงินเราต้องคืนเค้า โทรไปบอกพี่สาวว่าตู้เอทีเอ็มมันกินเงินไปทำไงดีและเป็นวันอาทิตย์ด้วย(โดยไม่ได้เฉลียวใจเลยและไม่คิดเลยน่ะค่ะว่าเค้าจะกล้าหยิบเงินในกระเป๋าไป)เพราะยังไงก็ต้องโอนไปให้เค้าพี่สาวเลยโอนเงินส่วนต่างมาให้ครบ10,000บาท ดิฉันก็บอกใครๆว่าเวลาฝากเงินดูให้ดีน่ะ "ตู้กินเงิน" พอความจริงมันปรากฎดิฉันบอกตามความจริงน่ะค่ะว่าเสียความรู้สักกับเค้ามากเลย และก็ให้เค้าสัญญาว่าจะไม่หยิบเงินของใครอีกถ้าอยากได้อะไรให้บอกตรงๆ เค้าก็สัญญา แต่เมื่อเช้านี้เงินตั้งอยู่บนโต๊ะ300บาทพอดิฉันหยิบให้แฟนตอนจะออกมาทำงาน ปรากฎว่าเงินหายไปอี้กแล้ว 100บาทดิฉันก็หาใต้โต๊ะคิดว่ามันจะหล่นก้ไม่มี ตอนนี้นั่งเครียดอยู่เลยค่ะว่าจะเป็นลูกขโมยไปอีกแล้ว มันเครียดจริงๆน่ะ เพราะฐานะเราเป็นแม่เลี้ยงด้วย ก็ไม่รู้ว่าเค้าเก็บกดอะไรปกติเค้าก็ไม่ใช่เด็กที่ก้าวร้าว แต่เค้าไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ต้องคอยบอกโน่นนี้อยู่เรื่อยๆ เรากลัวว่าเค้าจะเก็บกด กดดัน เพราะถ้าเป็นลูกดิฉันเองคงตีเสียยกใหญ่แล้ว (ไม่รู้จะทำยังไงดี เครียดมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)ดิฉันก็ไม่ใช้แม่พระเสียด้วย ก็แค่แม่เลี้ยงคนหนึ่ง มีอารมณ์ มีโกรธ เหมือนคนอื่นๆ พยามถนอมแก้วใบนี้อย่าให้แตก แต่กลัวว่าแก้วใบนี้ถ้าแตกแล้วมันคงบาดมือดิฉันจนเลือดไหลแน่ๆๆๆๆๆๆๆๆ

พอจะมีแนวทางแก้ปัญหานี้หรือเปล่าค่ะ ดิฉันทราบมาตั้งแต่แรกก่อนจะแต่งงานกับพ่อเด็ก ดิฉันไม่คิดว่าเรื่องมันจะยุ่งยาก ซับซ้อนทางด้านอารมณ์มากขนาดนี้ สำหรับเด็กคนหนึ่งที่เราต้องก้าวเข้ามารับผิดชอบชีวิตเค้าทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นผู้ให้ชีวิตเค้า แต่ต้องมาดูแลชีวิตความเป็นอยู่เค้า บอกตรงๆว่ากลัว อนาคตที่ยังมาไม่ถึง ไม่รู้ว่าดิฉันจะต้องเจออะไรที่มันร้ายแรงกว่านี้หรือเปล่า นี้เค้าแค่อยู่ป.5 ยังกล้าขนาดนี้ และถ้าเค้าเป็นวัยรุ่น เค้าจะทำอะไรร้ายแรงกว่านี้กับดิฉันหรือเปล่า กลัวค่ะ อย่างน้อยก็มีที่ให้ฉันได้ระบายความในใจ คือพื้นที่ตรงนี้ (ดิฉันไม่กล้าปรึกษาปัญหานี้กับคนที่บ้านเลยค่ะ ยิ่งเฉพาะแม่ไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจเพราะก่อนแต่งงานแม่ก็ห้ามแล้วแต่ดิฉันไม่ฟ้งคิดว่าตัวเองจะควบคุมมันได้ ญาติที่บ้านไม่ค่อยสนับสนุนดิฉันสักเท่าไร ในการแต่งงานกับพ่อม่ายลูกติด แม่บอกว่าแน่ใจแล้วหรือ ส่วนมากมักมีปัญหาน่ะเรื่องลูกติดเนี่ย แต่ดิฉันคิดว่าดิฉันไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ตอนนี้ความรู้สึกของจิตใจ มันมีอะไรลืกๆ ที่ยากจะเข้าใจมัน มันเป็นความละเอียดอ่อนของจิตใจ โดยพื้นฐานมนุษย์มี รัก โลภ โกรธ หลง ตอนนี้เข้าใจแล้วที่ผู้ใหญ่เค้าเตือนเรา บางครั้งมันก็จริงของเค้า เราต้องฟังเค้าบ้าง แต่ตอนนี้ดิฉันถอยหลังไม่ได้แล้ว คิดแต่ว่าอนาคตเราจะทำยังไงดี ที่แก้วใบนี้มันจะไม่บาดมือดิฉัน

เรื่องนี้นำเสนอดีมากค่ะ กำลังทำงานวิจัยในชั้นเรียน

ดิฉันก็มีหลาน ตอนนี้เรียนอยู่ ป.2 กับ ป.6 ค่ะ พ่อแม่ เลิกกัน พ่อของหลาน(พี่ชาย) เป็นคนไม่ดี ไม่ยอมทำงาน เล่นแต่การพนัน แม่ของหลานก็เป็นคนไม่ดี เลิกกับพี่ชายก็มีสามีใหม่ หลายคน (ก่อนจะเลิกกันก็มั่วผู้ชายไม่เลือกหน้า) เด็กๆ อยู่กับพ่อแม่ได้ประมาณ ตอนคนโตป.3 คนเล็กอนุบาล 1 ไปรับหลานมาอยู่ด้วย 3 ปีกว่าแล้วค่ะ คนโตผู้หญิง มีปัญหานิดหน่อย คือค่อนข้างจะเกียจคร้าน ไ่ม่ค่อยช่วยทำงานบ้าน ไม่รักน้อง ส่วนคนเล็ก ตอนนี้ ป.2 ค่ะ ปัญหาเยอะ จากที่ดูก็เป็นเด็กฉลาด เข้าใจว่าเค้าจะเป็นเด็กมีปัญหา ชอบเรียกร้องความสนใจ เวลาเราคุยธุระอยู่ เค้าจะคุยแทรกตลอดเพื่อให้หันไปคุยกับเค้า เรื่องขโมย เนี่ยไม่ต้องห่วงค่ะ น่าจะเริ่มขโมยมาได้เกือบ 2ปี แล้ว แต่ทางเราเพิ่งสังเกต เนื่องจากย่า เป็นคนชอบวางของไม่เป็นระเบียบ วางเงิน วางของมีค่าทั่วบ้าน ซุกทุกที่ จนจำไม่ได้ว่า ไว้ที่ไหนบ้าง ทำให้เด็กมีโอกาสเห็นเงิน และก็คงขโมยมานาน แต่ทางเราไม่ได้สังเกต จนหลังๆ ย่าหาเงินไม่เจอ ค้นอยู่นาน ก็ไปเจอแต่กระเป๋าเปล่าๆ ไม่มีเงิน และ ก็ไปค้นพบของปืนของเล่นเป็นจำนวนมาก จึงได้ซักถาม ถามไปถามมาได้ความว่า เอาเงินไปทั้งหมด 5ร้อยกว่าบาท ซื้อปืนมาได้ ประมาณ 10อัน พร้อมลูกกระสุน ย่าเป็นคนโมโหแรงมาก แต่ปกติ ก็เป็นคนใจดีมาก ตามใจหลาน แต่จับได้ว่าขโมย ก็จะตีแรงค่ะ ตอนอยู่กับพ่อแม่ เค้าก็จะถูกพ่อแม่ตีแรงๆ ตอนนี้พ่อเด็ก ก็อยู่บ้านใกล้ ๆ แต่ไม่ค่อยได้ดูแล เพราะว่าไม่เล่นการพนัน กลับมาเกือบเช้า ทุกวัน ส่วนแม่เด็ก นานๆ จะโทรมาหา แม่เด็กเป็นคนมีนิสัยชอบโกหก เราไม่แน่ใจว่าเค้าได้รับส่วนไม่ดีของพ่อแม่ มาหมดเลยหรือเปล่าค่ะ พยายามคิดว่า พ่อแม่ไม่ดี ก็ไม่จำเป็นที่เด็กจะโตมาแล้วเป็นคนไม่ดีเหมือนพ่อแม่ ทางดิฉันพยายาม พาเด็กไปเข้าหาศาสนาบ่อย ๆ ให้ไปเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ แต่ก็กลายเป็นว่า เค้าก็ไปขโมยเงินเพื่อน ในห้องเรียนวันอาทิตย์ จนแม่ชีผู้สอน มาเล่าให้ฟัง รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก จนมานั่งนึกดู ก็ถึงรู้ว่า ที่โรงเรียนที่เค้าไปเรียนวันธรรมดา เค้าก็คงขโมยของเพื่อนมา เพราะ เค้าจะมี ยางลบ บ้าง กบเหลาดินสอบ้าง มาให้เห็นประจำ คิดว่าเค้าเอาเงินค่าขนมไปซื้อ แต่เค้าบอกว่า เพื่อนใจดี ให้มา เราก็สงสัยนิด ๆ ว่า ทำไมเพื่อนใจดีจัง ให้ของมาบ่อย เพิ่งมาคิดได้ว่า เค้าโกหกเรา น่าจะขโมยเพื่อนมามากกว่า เพราะแม่ชี เล่าว่าเค้าขโมย แต่แม่ชีไม่เืชื่อก็เลยลองสังเกตดู ก็ปรากฏว่า ขโมยจริง จับได้ แต่ไม่ยอมรับว่าขโมย แถบยังสร้างเรื่องว่า เพื่อนเป็นคนขโมย ตัวเองไม่ได้ทำ เวลานั่งเรียน ก็ตาลอย หรือบางที ก็ป่วนจนไม่ได้สอน แม่ชีเรียกมานั่งด้วย เพื่อจะได้ดูอย่างใกล้ชิด ก็ไปคนกระเป๋าแม่ชี บางทีพาเข้าไปสวดมนต์ นั่งสมาธิในโบสถ์ ก็ไม่นั่ง ไปค้นของพระ อยู่บ้านก็ขโมยเงินย่า ,พี่ ,พ่อ รวมทั้งเงินของดิฉัน ด้วยถ้าเผลอวางกระเป๋าสะพายไว้ หนังสือ ก็ไม่เคยอ่าน เรียกให้อ่าน ก็เอามาดูดู แล้วพอเผลอก็ เล่น บางทีนั่งคุม เผลอนิดเดียว ก็หลับไปเลยค่ะ ให้เรียนพิเศษ ก่อนกลับบ้าน(จริงๆ ก็แค่สอนการบ้าน) ก็ไม่ได้การบ้านกลับมาเลย สมุดว่างเปล่า ครูที่โรงเรียนก็ไม่ดู เราก็พอเข้าใจว่าเค้าไม่ได้สอนการบ้านหลานเราคนเดียว เด็กไม่ทำ ครูเค้าก็ไม่สน กล้บมาบ้านถามว่าทำการบ้านหรือยัง ก็บอกว่าทำแล้ว พอไปตรวจสมุด ก็ไม่มีอะไรเลย ถามว่าทำไมไม่จดการบ้านมา เค้าก้ว่าจดไม่ทัน ไม่ทราบว่า คุณครู หรืออาจารย์ ทั้งหลาย มีข้อแนะนำยังไงบ้างค่ะ

ปัญหา เหมือนคุณ
[IP: 118.173.17.34] 19 สิงหาคม 2552 12:28

1492266

พฤติกรรมเหมือนกันเป๊ะ เรยค่ะ ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันเลยค่ะ เครียดมากๆ สอนแล้วสอนอีก ทำแล้วทำเล่า บอกแล้ว เตือนแล้ว ไม่เคยฟัง เด็กมีความโลภมาก ต้องการไม่มีที่สิ้นสุด อยากได้อยู่ตลอดเวลา เป็นเด็กผู้ชาย ป.5 เหมือนกันฃี้เกียจทำการบ้าน สุดๆ งานบ้านก็ไม่ค่อยเอา บอกไร ให้ทำก็เถียงๆๆ ว่ามากๆ ก็ร้องไห้ คิดว่าเก็บกดเหมือนกัน พ่อแม่แยกทาง พื้นฐานครอบครัวไม่ดี ไม่รู้จะแก้ยังไง

  1. ลูกเลี้ยงเป็นน้องผู้หญิงนะคะก้อขโมยของแบบนี้เหมือนกันค่ะ ฟังดูคล้ายๆกันเรยนะคะ คือพ่อแม่แยกทางแล้วน้องอยู่กะปู่กะย่า แล้วพ่อมีแฟนใหม่ก้อมีลูกกะแฟนใหม่อีกคนแล้วก้อเลิกกัน น้องสองคนก้ออยู่กะปู่กะย่า พ่อเดียวกันแต่คนละแม่ แต่น้องไม่รักน้องเรยค่ะ พูดกะคนอื่นตลอดว่าเกลียดน้อง ขโมยตังน้องขู่เอาตังน้อง คนที่อยู่แถวนั้นบอกเห็นน้องพยายามทำร้ายน้องบ่อยๆ จนล่าสุดจับน้องโยนลงจากกำแพงกระดูกแขนร้าว น้องมีพฤติกรรมลักขโมยมาตั้งแต่เด็กจนตอนนี้อยู่ป.6 ทุกวันนี้ก้อยังขโมยเงินคนในครอบครัวอยู่ตลอด ตีก้อแล้วพูดดีก้อแล้วผ่านไปไม่กี่วันก้อทำอีก เคยขโมยบัตรเอทีเอ็มแม่แฟนไปกดตังใช้หมดไป20000กว่าบาท แฟนตีน้องหนักมากแต่ก้อยังกลับมาทำเหมือนเดิม ตอนนี้ดิฉันกับแฟนหนักใจมาก แฟนคงไม่เท่าไหร่เพราะไม่ค่อยสนใจลูกซักเท่าไหร่ แต่ดิฉันสงสารน้องอยากให้เลิกขโมยเลิกนิสัยที่ไม่ดี กลัวว่าถ้าโตขึ้นถ้ายังทำแบบนี้ อนาคตของน้องจะเปนยังไง ขอคำแนะนำทีค่ะควรทำยังไงดี

ตอนนี้กำลังมีปัญหาเรื่องลูกแอบเข้าไปอูยู่ในห้องพักครู ไม่ยอมเข้าเรียน ขโมยของ ลักเงิน โรงเรียนไม่ให้เรียนต่อให้ย้ายมาเรียน รร.ไกล้บ้าน กลุ่มใจมาก เด็กอยู่ ป4 เด็กอยากย้ายโรงเรียน ครอบครัวอบอุ่น แต่แม่ไม่มีเวลาให้แม่ทำร้านซัก รีด พ่อเป็นพนักงาน แต่เข้ามีความอยากได้ไม่สอ้นสุด กล้มใจมากเลย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท