หน้าแรก
สมาชิก
ห้องสมุดกรมบัญชีก...
สมุด
สรุปข่าวประจำวันข...
คลังชงตั้งงบขาดดุ...
ห้องสมุดกรมบัญชีกลาง CGD Library
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
คลังชงตั้งงบขาดดุล2ปี
รมช.คลังเสนอตั้งงบประมาณขาดดุลเพิ่มเป็น
2.5-3%
ของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง
2
ปี เร่งใช้
เงินในยามที่ค่าเงินบาทแข็งค่า
นายสมหมาย ภาษี รมช.คลัง กล่าวว่า ในช่วงที่ค่าเงินบาทแข็ง ทุนสำรองระหว่างประเทศมีจำนวนมากถึง
8.4
หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และเงินทุนไหลเข้ายังมีต่อเนื่อง รัฐบาลควรทำงบประมาณขาดดุลมากขึ้น โดย
ใน
ปีงบประมาณ
2552-2553
รัฐบาลควรทำงบประมาณขาดดุลมากขึ้นกว่าเดิม ให้อยู่ใน ช่วง
2.5-3%
ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งขณะนี้ อยู่ที่
8.4
ล้านล้านบาท
รมช.คลัง กล่าวว่า ถ้าตั้งงบขาดดุล
2.5-3%
หมายถึงว่ารัฐบาลสามารถตั้งงบประมาณขาดดุลได้
1.7-2.5
แสนล้านบาท จากเดิมในปีงบประมาณ
2551
รัฐบาลจัดงบประมาณแบบขาดดุลไว้แค่
1.65
แสนล้านบาท
ซึ่งคิดเป็น
1.5-2%
ของจีดีพี
นายสมหมาย กล่าวว่า ในการตั้งงบประมาณขาดดุลเพิ่มขึ้นนั้น รัฐบาลต้องกำหนดยุทธศาสตร์และต้องมีการ
ระบุวงเงินที่ใช้ให้ชัดเจน ว่าอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของเงินงบประมาณที่ตั้งแบบขาดดุลต้อง นำไปใช้เพื่อการลงทุน
เพราะเป็นสิ่งสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะทั้งนี้สัดส่วนเงินลงทุนปัจจุบันอยู่ที่
24-25%
ของงบประมาณ
รายจ่าย แต่ถือว่ายังน้อยมาก ส่วนที่เหลือจึงจะนำไปใช้เพื่อการบริหารประเทศในด้านอื่น ๆ
นายสมหมาย กล่าวว่า การเพิ่มการลงทุนในช่วงที่บาทแข็งทำให้รัฐบาลและผู้ลงทุนได้ประโยชน์ เพราะในการ
ซื้อสินค้าทุนเครื่องจักร ก็ใช้เงินบาทไปแลกเงินเหรียญสหรัฐมาซื้อสินค้าทำให้มีภาระที่เป็นเงินบาทน้อยลง ทำให้
ต้นทุนต่ำ ซึ่งเศรษฐกิจในช่วงต่อไปต้องพึ่งการใช้จ่ายภาครัฐ แทนการส่งออกที่ชะลอตัวลดลง
“
ตอนนี้เราพึ่งการส่งออก
มากอย่างเดียวไม่ได้อีกต่อไป ดังนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อน และค่าเงินบาทที่แข็งอยู่ในระดับนี้
ก็เหมาะสมดีอยู่แล้ว และเท่าที่ประเมินค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าไปอย่างนี้อีก
1-2
ปี จากเงินทุนไหลเข้า
อย่างต่อเนื่อง และทุนสำรองที่มากขึ้น ดังนั้นเศรษฐกิจไทยต้องพึ่งการใช้จ่ายจากภาครัฐที่นำไปลงทุนมากขึ้น
”
นาย
สมหมาย กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายสมหมาย กล่าวว่า ในช่วงที่รัฐทำงบประมาณขาดดุลมากขึ้น รัฐบาลก็ควรอธิบายให้
ประชาชนเกิดความเข้าใจถึงภาระการใช้จ่ายที่มากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุน การใช้จ่ายเพื่อสาธารณสุข และการศึกษา เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ
ด้านผลข้างเคียงของการทำงบประมาณแบบขาดดุลอีกอย่างหนึ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือ รัฐบาลจำเป็นต้องเก็บภาษีเพิ่ม โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มที่อาจจะต้องปรับขึ้นปีละ
1%
จากเดิม
ที่เก็บอยู่
7%
ซึ่งจะทำให้รัฐได้เงินเพิ่มขึ้นมาใช้ในงบ ประมาณเพิ่มปีละ
4
หมื่นล้านบาท สามารถนำไปใช้จ่ายเพื่อการ
ลงทุนต่าง ๆ ได้มากขึ้น และต้องกำหนดเป้าหมายว่ามีแผนงานที่จะลดการขาดดุลงบประมาณลงในปีงบประมาณ
2554
นายสมหมาย กล่าวว่า ในภาวะ ที่ค่าเงินบาทแข็งที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้เร่งการใช้จ่ายเงิน เช่น การคืน
หนี้ต่างประเทศ ซึ่งหนี้ดี ๆ ก้อนใหญ่ได้มีการขึ้นไปหมดแล้ว มีการเร่งการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าซึ่งเป็นการลงทุนที่สำคัญ มีประโยชน์ ลดต้นทุนการเดินทางและการใช้น้ำมันของประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมให้ มีการนำเงินไปลงทุนต่างประเทศ ในรูปของการนำไปฝากต่างประเทศ การไปซื้อหลักทรัพย์ และการซื้อทรัพย์สิน
ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าว ประเทศญี่ปุ่นใช้ในยามที่ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นก็มีการนำเงินไปลงทุนต่างประเทศในด้านต่าง ๆ และเวลาที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง ก็จะขายทรัพย์สินต่าง ๆ ที่ไปลงทุน ซึ่งก็ทำให้ได้กำไรจากค่าเงิน และทำให้ค่าเงินเยนมีเสถียรภาพ
โพสต์ทูเดย์
แนวหน้า
ข่าวหุ้น
โลกวันนี้
เขียนใน
GotoKnow
โดย
ห้องสมุดกรมบัญชีกลาง CGD Library
ใน
สรุปข่าวประจำวันของห้องสมุดกรมบัญชีกลาง
คำสำคัญ (Tags):
#จีดีพี
#รมช.
หมายเลขบันทึก: 152006
เขียนเมื่อ 7 ธันวาคม 2007 13:00 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:52 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
ห้องสมุดกรมบัญชีก...
สมุด
สรุปข่าวประจำวันข...
คลังชงตั้งงบขาดดุ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท