เช้าวันนี้ ( 05-12-2550 ) เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพในหลวง พวกเราชาวไทยล้วนตระหนัก ข้าพเจ้าและครอบครัว ญาติมิตร ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง โปรดบันดาลประทานพรให้พระองค์ทรงพระเจริญ
เมื่อเช้าวานนี้ ( 04-12-2550 ) มีโอกาสไปตามคำเชิญร่วมงานวันคนพิการ ที่ สนง.พมจ.น่านร่วมกับองค์กรภาคีร่วมจัดที่ รร.น่านปัญญานุกูล อ.ภูเพียง จ.น่าน
ได้รู้จักผู้คนมากหน้าหลายตาที่นี่ ที่ของเขียนคือ ผอ.ศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำ จ.น่าน แนะนำน้อง ๆ 4 คนเดินทางจาก จ.เชียงใหม่ จากชมรมผู้ช่วยเหลือคนพิการ จ.เชียงใหม่ ได้ทักทายและให้ข้อมูลเพื่อการสื่อสารกันต่อไป ที่งานนี้ หากมามัวแต่วางท่าก็คงไม่รู้จักใคร ไม่ได้เรียนรู้อะไร ได้ใช้เวลาที่ไปอยู่ทักทายพี่น้องคนพิการที่มาร่วมงาน คนที่มองแบบแปลก ๆ คงคิดไปเลยเถิดว่า เป็นการแนะนำตัวในทางอะไรเมืองหรือเปล่า โธ่.....จะให้นั่งเฉย ๆ รอคนพิการมาทักได้อย่างไร
กิจกรรมผมได้ร่วมงานในช่วงเช้า เห็นว่า ผู้เกี่ยวข้องดำเนินไปด้วยความราบรื่น ที่งานนี้เป็นกันเองดี แม้ว่ามีผู้หลักผู้ใหญ่มาร่วมงานเช่น รอง ผวจ.น่าน คุณสุรเดช สุวรรณปากแพรก เป็นประธานพิธี มีการพูดคุยจากนั้นเดินไปตามสถานที่แสดงนิทรรศการ ผู้ไปร่วมงานล้วนต้องการไปให้กำลังใจคนพิการในงานนี้
มีคณะเหล่ากาชาดน่าน นำโดยนายกเหล่ากาชาดน่าน เป็นภรรยาผวจ.น่าน ท่านอัธยาศัยไมตรีมีความเป็นกันเอง ผมเห็นว่า การไปร่วมงานคนพิการ หากท่านใด ท่านหนึ่ง เอาแต่วางมาด วางท่า หรือที่เรียกว่า ท่ามาก เขาคงไม่พร้อมที่จะเรียนรู้ รับรู้อะไร จึงมองว่า คนท่ามากเป็นพวกที่รอแต่การตั้งรับ ให้คนอื่นเขามาทักทายตัวเอง เลยเป็นเหมือนอยู่ในโลกมืด
สวัสดีค่ะท่าน
ขอบพระคุณค่ะอาจารย์
ยินดีจังเลยที่ได้รับรู้ว่ามีหลายๆท่านเข้าใจและให้โอกาสคนพิการค่ะ
สวัสดีครับทั้ง 3 ท่านก่อนหน้า ผมเองก็ไม่รู้จะสื่อสารอย่างไร ก็มีอยู่บ้างล่ะ ผมถึงเขียนมา ไม่ขอระบุชื่อเพราะเป็นบุคคลิกส่วนบุคคล จึงไม่อยากให้ผู้พิการได้ใส่ใจ หรือไปเสียอารมณ์กับท่านที่ท่ามาก สำหรับอากาศนั้น พื้นราบกำลังดี แต่บนดอยหนาวเหน็บครับ ชาวน่านบนดอยต้องปรับตัว ระหว่างผิงไฟ มีหลาย ๆ เรื่องที่พวกเขาชาวน่านและนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบไม่ต้องวางท่าอะไร เรียนรู้ร่วมกันสรรค์สร้างสังคมดีงาม