ที่จะเล่าเรื่องผีในพระลอนี้ เคยคิดไว้นานแล้ว เพราะนิยายเรื่องพระลอ มีคติความเชื่อทางไสยศาสตร์หลายเรื่อง มีบางท่านศึกษาวิจัยเป็นวิทยานิพนธ์เลยก็มี (จำไม่ได้ ไม่อ้างก็แล้วกัน อิๆ)
มีอยู่ตอนหนึ่ง เป็นฉากที่เต็มไปด้วยภูตผีปิศาจมากมายบะลั่กกั้ก เห็นว่าน่าสนใจ จึงขอยกเนื้อเรื่องช่วงนี้มาเล่ากันฟังครับ
ความเดิม
เมื่อพระเพื่อนพระแพง ออกปากให้นางรื่นนางโรยไปหาหมอ ทำเสน่ห์แก่พระลอ เพื่อจะได้เดินทางมาหาตนนั้น ในที่สุดก็ได้ปู่เจ้าสมิงพราย เป็นหมอใหญ่ ใช้อาคมเพื่อใส่พระลอ
ครั้งแรก ปู่เจ้าสมิงพราย นำไม้มาทำลูกลม เขียนรูปพระลอตรงกลาง เขียนรูปพระเพื่อนพระแพงซ้ายขวา แล้วร่ายมนตร์ให้ต้นยางใหญ่ขนาดเจ็ดคนโอบโน้มยอดลงมาติดดิน ปู่เจ้าก็เอาลูกลมปักปลายยาง พอปลายไม้เหวี่ยงกลับไป ลมพัด ลูกลมก็หมุนคว้าง พระลอใจป่วนนึกถึงแก่พระเพื่อนพระแพง ฝ่ายเมืองสรวงของพระลอ ก็เที่ยวหาหมอแก้อาถรรพณ์ จนพระลอหายคลุ้มคลั่งไป
เมื่อไม่ได้ผล ปู่เจ้าก็ใช้วิธีที่สอง เอาธงสามชายมาร่ายยันต์มากกว่าเดิม เขียนภาพพระลอตรงกลาง ขนาบด้วยเจ้าหญิง แล้วเป่าให้ตะเคียนใหญ่ขนาดเก้าคนโอบ โน้มปลายไม้ลง ปู่เอาธงปัก แล้วปล่อยขึ้นไป ไม้ก็สั่นระริก ลมพัด ธงสะพัด ส่งเสียงหวีดหวิว ปลิวไปต้ององค์พระลอ ท้าวเธอก็รู้สึกสยิวเหมือนสองนางมาลูบไล้ถึงเนื้อถึงตัวเลยทีเดียว อย่างนี้ก็ทนไม่ได้ ได้แต่มองไปทางทิศที่สองพระนางประทับ ฝ่ายเมืองสรวงก็ต้องเยียวยากันอีก เที่ยวนี้ได้หมอเก่ง (ไม่กล้าเขียนว่าหมอดี เพราะจะมีคนผวน) ชื่อ หมอสิทธิไชย
หมอทราบเรื่องก็ตั้งพิธี ร่ายอาคมให้พระลอหายหลง ให้เสวยยา ทั้งสระผม ทั้งอาบ ตั้งกำแพงสามชั้น ด้านในมียักษ์คอยรักษา ชั้นนอกมีปิศาจ ภูตนานา เป็นอันว่าพระลอหายเป็นปกติ ฝ่ายพระเพื่อนพระแพงก็รอ นานแสนนานพระเอกของเราก็ไม่มาสักที ให้สองพี่เลี้ยง นางรื่นนางโรย ไปถามปู่เจ้าอีกรอบ
ปู่เจ้าสมิงพรายเล็งแล้ว ก็ทราบทันทีว่า ทางโน้นเขาแก้อาถรรพณ์ได้ อย่างกระนั้น เที่ยวนี้เราต้องเผด็จศึกให้ได้ จึงร่ายมนตร์เป็นการใหญ่ ทีนี้แหละครับ ทวยเทพ ผีสางมากันเป็นโขยง
ปูเจ้าอาราธนาเทพยดา ทั้งในป่า ในน้ำ ในถ้ำ ทุกทิศ รวมทั้งเจ้าปู่ทุกถิ่น พร้อมบริวาร พระพนัสบดี พหรมยักษ์ ปิศาจมากมาก เทวดาชั้นผู้ใหญ่ขี่ช้าง ขี่เสือ สี่ราชสีห์ ขี่หมี ขี่หมู ขี่งู ขี่เงือก ขี่ม้าเผือกก็มี ยังไม่หมดครับ ขบวนนี้ยังมีที่ขี่ควายขี่แรด ร้องดังกึกก้องโกลาหล ภูตก็มากันหลากหน้าหลายตา ตัวแปลกๆ หัวเป็นกา หัวเป็นแร้ง (คือว่า หัวล้าน) แปลงกายเป็นเสือ เป็นช้าง เป็นกวาง เท่านั้นยังไม่พอ เอาอาวุธยุทธภัณฑ์กันมาครบมือ กระโดดโลดเต้นกันยกใหญ่ เสียงดังครึกครื้น ทั้งป่า ทั้งเขาสะเทือนสะท้านไปทั่ว พลผีมากันครบถ้วนกระบวนความ ปู่ก็บังคับให้ไปถอนมนตร์ทางโน้น (พระลอ) ให้หมด ถ้ามีเทพยาดาอารักษ์ ก็ไปขับไปไล่ หรือโห่ให้หนีกระเจิงไป พอพวกอารักษ์หนีไปหมดแล้ว “กูจึงจะใช้สลาเหิร เดิรเวหาไปสู่” ว่าแล้ว อมนุษย์ทั้งปวงก็รีบตาลีตาเหลือกปฏิบัติตามคำสั่งปู่เจ้าสมิงพรายโดยพลัน
</tbody></table><p>ทีนี้ผีต่อผีก็รบกันยุ่ง ชุลมุน อยากให้อ่านร้อยกรองตรงนี้ครับ เด็ดจริงๆ </p>
<p>"มากลากลาศกันแดน ผีแขกแค้นเข่นขุก ผีแดนรุกรบพุ่ง แล่นไล่ยุ่งโลดเต้น บ้างหลบบ้างหลีกเร้น บ่ได้ตอบตี</p>
<p></p>
<table border="0" align="center" style="width: 354px; height: 143px"><tbody>
</tbody></table>
"ผียยุ่งรบกัน ครชิตฤทธิราวี ผีทุ่มผีไล่แทง รบแรงผันเผ็งแผด ผีเจ้าแจดจ้ายจ้าย ร้องเร่งพลคล่ำคล้าย ผาดร้ายรุกราญฯ"
ผีของฝ่ายปู่เจ้าบันดาลให้มีไฟโหม ควันคลุ้ง จนผีฝ่ายพระลอทนไม่ได้ รีบหนีไป ได้แต่ฝากให้ลมช่วยบอกข่าวแก่พระเสื้อเมืองว่าแย่แล้ว อาการอย่างนี้ “ใจเมืองบ้าดังจะผก หัวอกเมืองดังจะพัง เทพดาฟังฟั่น ตกใจสั่นระรัว” สู้ไม่ได้ หมอสิทธิไชยเห็นแล้วก็รู้แน่ว่าแพ้เด็ดขาด จึงทูลพระแม่เจ้านางนาฏบุญเหลือ </font></font></font></font>
สวัสดีครับ อ.ธ วั ช ชั ย
มันมาก...ภาพก็ให้บรรยากาศชวนจินตนาการถึงภูติผีปีศาจเสียเหลือเกิน นึกว่าเก่งแต่เรื่องฟิวส์ อิอิ
ขอบคุณสำหรับซองน้ำตาลที่ส่งให้
ขอบคุณที่เขียนถึง
ขอบคุณสำหรับน้ำใจอันงดงามครับ
บรรยากาศแบบนี้ หม่นๆ มัวๆ สลัวๆ เหมาะแก่การเล่าเรื่องผีค่ะ ^_^
สวัสดีครับ อ.น้องลูกหว้า อิๆ ยังไม่คุ้นปาก
สวัสดีครับ คุณcoffee_mania
สวัสดีครับ ท่านอัยการชาวเกาะ
สวัสดีครับ คุณเนปาลี
ก๊อปภาพมาไม่ได้ เมนูไม่ขึ้น อิๆๆ
อากาศเย็นๆ มืดๆ เล่าเรื่องผีสนุกดีครับ
ได้ข่าวว่า จะมีฝนฟ้าคะนองนะครับ ไม่ทราบแถวไหน
เอ แล้ววันนี้ลอยกระทงไหมครับ ;)
สมัยเรียนมัธยมชอบอ่านวรรณคดีมากค่ะ...แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้อ่าน ... สงสัยว่าทำมั้ยถึงเรียกว่า ลิลิต... เพราะวรรณคดีเรื่องอื่นๆ ไม่เห็นเรียกว่า ลิลิต ...หรือเรียกแต่ไม่ทราบเอง...แหะๆๆ
สวัสดีค่ะ..ครู
..ซ๊ะป๊ะผี..ทั้งผีผา ผีแขวน ผีแขก ผีเจ้า ผีแดน ที่ครูเล่า..เอ..ครบหรือยังคะ ร้ายนะคะ ก่อศึกกันพัลวัน ถ้าปู่เจ้าเรียกมามากกว่านี้ คงเป็นศึกใหญ่เลย จะส่งไปช่วยค่ะ..มีผีในตัวเองอยู่ตั้งหลายตัว..ฮิ..ฮิ..ภาพสวยมากค่ะสวัสดีครับ อ.paew
สวัสดีครับ auon 10
สวัสดีครับพี่ธวัชชัย
บันทึก ลิลิตพระลอ นี้ทำให้ผมนึกถึง สาวเมืองแพร่ คนหนึ่ง ที่ผมพบเธอเมื่อเดือนที่แล้ว เธออยู่เมืองลองครับ และได้เล่าเรื่อง พระอ พระเพื่อนพระเเพงให้ผมฟัง ทำให้ผมสนใจประวัติศาสตร์เรื่องนี้ขึ้นมาทันที (เพราะผู้เล่าเร้าใจครับ)
เคยเห็นในละคร ว่า พระลอ ตามไก่...
แต่ผมว่า สาวแพร่คนนั้น เธอสวยละม้ายคล้ายพระเพื่อนพระเเพงครับ ...(เห็นภาพพระเพื่อนพระเเพงในบันทึกเก่าๆของพี่เช่นกัน)
ฝนฟ้าแถวบ้านต้อมตกปรอยๆ แต่ไม่มากนัก ไม่มีผลกับต้อมเลยเพราะไม่ได้ออกไปลอยกระทงกับใครเขา อิอิ
ตอนพ่อต้อมยังอยู่นะ เวลาโพล้เพล้..นึกสนุกเล่าเรื่องผีๆ หน้าตาเฉย ไม่รู้มั่งว่าลูกขี้กลัว
เนี่ยนะ อยากให้มีวิชานั่งอ่านหนังสือทั้งวันเลย อิอิ ^_^
สวัสดีครับ น้องเอก
สวัสดีครับ คุณต้อม เนปาลี
ลิลิตพระลอ...เป็นวรรณคดีที่มีคุณค่ากับสังคมไทยมาก ศึกษาได้หลายมิติ ... แต่ส่วนหนึ่งที่ติดตรึงใจคนอ่านก็คือ ...โศกนาฏกรรมความรักอันเศร้าสลด กระมังครับ
สวัสดีครับ คุณnaree suwan
สวัสดีครับ คุณพี่ sasinanda
สวัสดีครับ อ.ขจิต
สวัสดีครับ อ.ขจิต
อยากไปครับ ด้วยใจจริง
แต่ไปไม่ได้จริงๆ
โอกาสหน้าครับ จะพยายามไม่พลาด
ขอบคุณมากๆ ครับที่มาชวน
เสียดายๆ ฮือๆ
[[ เปลี่ยนรูปแล้วดูจิ๊กโก๋ดีครับ :) ]]
^
^
จิ๊กโก๋น่ารักค่ะ อิอิ ไม่เชื่อไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากแผนกประชาสัมพันธ์ได้
นี่ต้อมมารออ่านอิทธิฤทธิ์ของปู่เจ้าสมิงพรายอยู่นะเนี่ย ....
ขออนุญาตแซวท่านพี่ขจิตนิดหนึ่ง.. อิอิ อาจารย์ธวัชชัยไม่ไป ท่านพี่รับประทานแห้วอีกแล้วเน้อ โฮ่ะๆๆ
สวัสดีครับ คุณต้อม
อิๆ มีแซวด้วย
ถามฝ่ายประชาสัมพันธ์แล้ว ยืนยันว่าจิ๊กโก๋ เอ๊ย ยืนยันว่าน่ารักครับ ;)
อิทธิฤทธิ์ปู่เจ้าฯ น่ากลัวนะ อ่านแล้วเดี๋ยวจะหนาว ;)