สวัสดีค่ะ อ ขจิต
ขอบคุณค่ะที่ขยันมาเยี่ยมเช่นเคย หาก อ เห็นว่าบันทึกนี้จะเป็นประโยชน์กับใครได้บ้าง ก็ขอขอบคุณ อ ที่ช่วยเผยแพร่ ต้อมเขียนบันทึกนี้ก็เพื่อประโยชน์แก่คนอ่่าน อาจจะเป็นการบ่นถึงการวิเคราะห์เกี่ยวกับปัญหาและทางออกของปัญหา ไม่อยากจะพูดแค่ปัญหา แล้วไม่มีการนำเสนอทางออกของปัญหา
สวัสดีครับ อ.ต้อมครับ
สบายดีนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ ที่เขียนเรื่องนี้ เรามีซอฟท์แวร์ปาร์คใช่ไหมครับ แต่ผมไม่ทราบว่าเรารณรงค์กันได้อย่างไร ขนาดไหนนะครับ หรือว่าเราจะต้องเปลี่ยนเป็น ซอฟท์แวร์ฟอเรสท์ ให้มันใหญ่กว่า ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า ให้ปัญหาต่างๆ ที่ต้องการนำไปสู่การย่อยก่อนการเขียนโปรแกรมมีระบบที่ดี
การให้ตัวอย่างของครูในการสอน นำไปสู่การสร้างระบบคิดให้เด็กเป็นระบบที่ดี ในการวางแผน แนวทางเดินไปสู่คำตอบอย่างมีคุณค่าและมั่นคง
คนสอนอาจจะต้องเป็นคนกลางในการประสานแนวทางสร้างแบบจำลองในการบ้าน ให้นำไปสู่การใช้จริงได้
การจะสอนให้เด็กจบไปแล้วใช้ได้จริง ควรจะมี Individual Senior Project โครงงานรายบุคคล ในชั้นปีที่สี่ ให้เวลาหนึ่งภาคการศึกษาในการศึกษาและทำวิจัยเพื่อนำไปสู่การใช้จริงจากระบบจริง ผมเชื่อว่านี่คืือจุดหลักแน่นอนครับ
นศ. ป. ตรี นั้น หากได้ฝึกและสอน หรือเรียนรู้ร่วมอย่างถูกหลักการแล้ว ก็ไม่ต่างจาก นศ. ป.โท หรือ เอก เลยครับ อยู่ที่ว่าเราได้ใจเด็กมาร่วมทำงานหรือเปล่า
การเชื่อมโยงของจริงนอกห้องเรียนเข้าสู่ระบบโมเดลก่อนการวิ่งไปสู่การเขียนโปรแกรมนั้น เราต้องมีระบบพื้นฐานทางแนวคิด ทางตรรกที่สำคัญ นั่นคือ จะเขียนโปรแกรมได้นั้น ต้องเข้าใจหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะภาษาที่จะเขียนเพื่อสั่งงานเครื่อง ลอจิกที่อยู่ภายในเพื่อจะนำไปสู่คำตอบ ดังนั้นคณิตศาสตร์เข้ามาเกี่ยวแน่นอนครับ
ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจครับ ว่า คนเรียนคณิตศาสตร์ กับ คนเรียน คอมพิวเตอร์ รู้จักกันหรือเปล่า คุยกันรู้เรื่องไหม.... หากจะให้ชัด มองไปที่ครูสอนคอมพ์ กับครูสอนคณิตฯ ก็ได้ครับ
เมื่อก่อนนะครับ ตอนคอมพ์มาใหม่ๆ คนสอนคอมพ์ คือจะเป็น ครูสอนไฟฟ้า ครูสอนอังกฤษ ครูสอนคณิตฯ เพราะคิดว่าเกี่ยวกับคอมพ์
แต่โลกแห่งการบูรณาการมันคือองค์รวม ไม่มีใครจะปฏิเสธในอีกสาขาหนึ่งที่เกี่ยวข้องได้ หรือว่าปฏิเสธได้แต่ระบบแหว่งครับ
สิ่งที่น่าสนใจคือ การรับตัวอย่างสิ่งที่ยังขาดในองค์กร ให้นำเป็นตัวอย่างสอนเด็ก ผมว่าได้อะไรเยอะครับ เด็กจะเข้าใจว่า ตอนออกจบไปนั้น ตัวเองมีศักยภาพหรือไม่ โดยเด็กจะทราบเอง แล้วประเมินผลย้อนกลับสู่ภาควิชา หรือสาขาวิชาในฐานะบัณฑิตมองสู่หลักสูตร และหลักสูตรก็มองเด็กตัวเองด้วย ว่าจบแล้วไปไหน ไม่ใช่จบแล้วก็จบ(เห่) กันไป ดังนั้น เด็กที่จบไป ก็เป็นแนวทางหนึ่งในการโคงานร่วมกันกับ อ.ที่สอนไป ในการนำปัญหาตัวอย่างบางอย่าง ให้กับ อ. และส่งต่อเป็นตัวอย่างให้นักเรียน เด็กต้องเรียนทั้งแนวคิด ปฏิบัติ ทฤษฏีไปพร้อมๆ กัน พร้อมกับการต่อยอดใหม่ได้ มิฉะนั้น ก็อย่างๆ ที่เห็นนะครับ
ปัจจุบัน ผมเลยมีคำถามว่า คนเีรียนจบ Comp.Sci. นี่เขียนโปรแกรมเป็นกี่ % ครับ หมายถึง ระดับ ป.ตรี แล้วโปรแกรมที่จะนำไปใช้ได้จริง มีกี่ %
หากเราลืมมองไป ให้ไปมองประเทศอินเดียก็ได้ครับ ไปดูงานที่อินเดียก็ได้ครับ ว่าเค้าเรียนสอนกันอย่างไร ที่เราจะเอามาต่อยอดได้ เครื่องเค้าเร็วแรงจริงหรือเปล่า ถึงสร้างคนเก่งให้ไปทำงานให้กับ M$ ได้ ทำไมบิลเกตท์ถึงต้องสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่นั่น เพราะอะไร
และอีกๆ หลายๆ อย่างครับ น่าสนใจครับ
หากไทยจะเอาเรื่องนี้จริงๆ ผมว่าคนไทยทำได้ ผมจึงเริ่ม โครงการ ไทยคิด ไทยทำ ไทยใช้ ..... จากตัวผมเองเป็นหลัก หากเราทำได้ และเด็กอยากจะทำร่วม เราจะได้เกิดทีมนำไปสู่การพัฒนาได้ครับ
สร้างบ้านทั้งที จะออกแบบเองทุกอย่าง หรือว่า ยกบ้านที่สร้างแล้วมาวางตั้งบนดินเรา อันนี้ก็แล้วแต่ครับ
พูดมายาวแล้วครับ อิๆๆ เดี๋ยวจะเบื่อเสียก่อนครับผม
ขอบคุณมากครับผม และสนุกในการสอนน้องๆ นะครับ
ขอบคุณมากครับ
บันทึกนี้ผมชอบมากเลยครับ ผมคิดว่าเป็นบันทึกที่อาจารย์และนักศึกษาสายสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ควรได้อ่านทุกคนครับ
ขอบคุณอาจารย์ที่เขียนบันทึกนี้ครับ
ขอบคุณครับอาจารย์กานดา สำหรับบทความดีๆ และคงต้องขออนุญาต copy ไปให้นักศึกษาอ่านกันบ้าง นะครับ และสุดท้ายขอแสดงความยินดีกับข่าวดีด้วย ให้สุขภาพแข็งแรงทั้งคู่นะครับ
สวัสดีครับทุกท่าน
เอามาฝากเพิ่มเติมนะครับ คิดว่าจะเป็นประโยชน์ให้ท่านๆ อ่านกันนะครับ
ตอบสัมภาษณ์ ดร. ธวัชชัย ปิยะวัฒน์ แห่ง GotoKnow
น่าสนใจมากเลยทีเดียวครับผม
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีค่ะคุณเม้ง
ขอบคุณค่ะที่เข้ามาเยี่ยมและเสนอข้อคิดเห็นดี ๆ หลายประเด็น
การจะสอนให้เด็กจบไปแล้วใช้ได้จริง ควรจะมี Individual Senior Project โครงงานรายบุคคล ในชั้นปีที่สี่ ให้เวลาหนึ่งภาคการศึกษาในการศึกษาและทำวิจัยเพื่อนำไปสู่การใช้จริงจากระบบ จริง ผมเชื่อว่านี่คืือจุดหลักแน่นอนครับ
อันนี้ยากในทางปฏิบัติค่ะ เพราะจากแ่ต่ก่อนที่มีนักศึกษาประมาณ 45 คนตอนนี้เพิ่มประมาณ 1 เท่าตัวกลายเป็น 90 คน จึงมีกลุ่มโปรเจคแทน แต่กลุ่มโปรเจคก็ทำให้เฉพาะคนที่ทำเท่านั้นที่ได้ความรู้
นศ. ป. ตรี นั้น หากได้ฝึกและสอน หรือเรียนรู้ร่วมอย่างถูกหลักการแล้ว ก็ไม่ต่างจาก นศ. ป.โท หรือ เอก เลยครับ อยู่ที่ว่าเราได้ใจเด็กมาร่วมทำงานหรือเปล่า
เป็นแนวคิดที่ดีค่ะ แต่ตั้งแต่สอนมา 4 ปีมี นศ. ป ตรีเพื่อแค่คนเดียวที่มีใจมาช่วยอาจารย์มาร่วมฝึกและสอนรุ่นน้อง เข้าใจเ็ด็กโดยทั่วไปอยู่ค่ะว่า เขาชอบความสนุกสนานมากกว่า แทนที่จะเอาเวลามาสอนน้อง ๆ เอาไปเล่นเกม ดูหนัง น่าสนุกกว่าเยอะค่ะ
ปัจจุบัน ผมเลยมีคำถามว่า คนเีรียนจบ Comp.Sci. นี่เขียนโปรแกรมเป็นกี่ % ครับ หมายถึง ระดับ ป.ตรี แล้วโปรแกรมที่จะนำไปใช้ได้จริง มีกี่ %
นี้เป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบเหมือนกันค่ะ แต่ทราบแต่ว่าหลายมหาวิทยาลัย เด็กหลายคนที่เรียนวิทยาการคอมหรือวิศวคอม ไม่ชอบเขียนโปรแกรม อยากทำงานที่ไม่ต้องเขียนโปรแกรม
หากเราลืมมองไป ให้ไปมองประเทศอินเดียก็ได้ครับ ไปดูงานที่อินเดียก็ได้ครับ ว่าเค้าเรียนสอนกันอย่างไร ที่เราจะเอามาต่อยอดได้ เครื่องเค้าเร็วแรงจริงหรือเปล่า ถึงสร้างคนเก่งให้ไปทำงานให้กับ M$ ได้ ทำไมบิลเกตท์ถึงต้องสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่นั่น เพราะอะไร
ไปดูงานอินเดียมาแล้วค่ะ แต่จริง ๆ ก่อนไปดูงานที่อินเดีย รับนักศึกษาอินเดียมาฝึกงานด้วยค่ะ เพราะเขาสมัครมาฝึกงานด้วยตั้ง 2 ครั้ง ครั้งแรกปฏิเสธแล้ว ปีต่อมา เขาก็สมัครมาอีก ปรากฎว่าจริง ๆ แล้วเด็กอินเดียคนนั้นเขาก็ไม่ได้มีความรู้ความสามารถมากไปกว่าเด็กไทยเลยค่ะ ทั้ง ๆ ที่ดูจากประวัติเขา เขาก็อยู่ในอันดับดีของประเทศเขาเลย
แต่เข้าใจว่าิิอินเดียเจริญมากทางด้านซอฟต์แวร์เพราะคนเขาเยอะ (1,200 ล้านคน) แล้วโดยวัฒนธรรมเขา เขาเป็นนักคิด ชอบคิด และเก่งภาษาอังกฤษ จึงเข้าใจได้ว่าเขาน่าจะมีคนพัฒนาซอฟต์แวร์ได้มาก
ขอบคุณมากค่ะสำรหับข้อคิดเห็นและประเด็นต่าง ๆ และขอบคุณที่เอาลิงค์ ตอบสัมภาษณ์ ดร. ธวัชชัย ปิยะวัฒน์มาให้อ่าน อ่านแล้วมีประโยชน์และสนุกค่ะ
สวัสดีค่ะ ดร ธวัชชัย
ขอบคุณค่ะที่เ้ข้ามาเยี่ยมและเข้ามาให้กำลังใจในการเขียนบันทึกนี้ อ่านสัมภาษณ์ของ ดร. แล้วรู้สึกสนุกค่ะ และรู้สึกชื่นชมในความสามารถและทัศนคติของ ดร. ค่ะ
สวัสดีค่ะ อ. ไววิทย์
ขอบคุณค่ะที่เข้ามเยี่ยมและเข้ามาให้กำลังใจในการเขียนบันทึกนี้ และขอบคุณค่ะสำหรับการแสดงความยินดี ขอให้สุขภาพของอาจารย์และคนที่อาจารย์รักแข็งแรงเช่นกันค่ะ
ก่อนอื่นต้องกล่าว สวัสดีครับอาจารย์กานดา
ตัวผมเองเป็นนักศึกษา วิศวะ - คอม ขอนแก่น ผมแวะมาอ่านบอร์ดของอาจารย์ประจำครับ แต่บทความนี้ซึ้งมาก ผมเพิ่งจามาโพสนี้เป็นครั้งแรก
ตัวผมเองก็มีปัญหาด้านการเขียนโปรแกรมอ่านแล้วโดนใจมากตอนนี้ผมพยายามศึกษาเพิ่มเติมอยู่ (ตอนนี้พยายามอ่านภาษา C อยู่ครับ) ผมอ่อนด้านเขียน GUI มากๆเลยครับ ในความคิดผมสาเหตุหลักที่อ่อนด้านเขียนโปรแกรมมาจากรายวิชาที่ทำการสอนนะครับ เนื่องจากภาควิชามีวิชาทีเขียนโปรแกรมจริงๆจังมีไม่กี่ตัวเอง 2-3ตัวมั้งครับ และใน 2-3 ตัวนั้นไม่ได้เน้นการเขียนลงลึก อย่างพวก GUI เลย เขียนเป็นแค่แก้ปัญหานิดๆหน่อยๆ เองครับ
c++ สมัยเรียนปี 1 ก็ไม่เน้น ลงรายละเอียดเลย
สัวสดีค่ะ
หนูเรียนคณะวิศวกรรมซอฟต์แวร์ค่ะ จะไปสหกิจ
แต่ไม่รู้จะไปบริษัทไหนดีค่ะ
ไม่รู้ว่าที่ไหนดี ช่วยแนะนำหน่อยได้ไหมค่ะ