ไปแอบเห็น วัยรุ่นบันทึก รุ่นวัย ไหนบันทึก


สอบได้เป็นเรื่องตลก สอบตกเป็นเรื่องธรรมชาติ

สวัสดีคะ โกทูโนที่รัก  (กิ๊กของทุกคนในบล็อค) พูดแบบญี่ปุ่นเลยนะ เขียนอย่างไร ก็ขอให้เข้าใจ  ว่าหมายถึงอะไร

วันนี้ดิฉันได้ไปแอบเห็นบันทึกวัยรุ่น อ่านแล้วก็น่าเห็นใจ วัยรุ่นบางคนดิฉันจึงขออนุญาต เขียนลงที่นี่ไว้  เพื่อผู้ใหญ่จะได้อ่าน แล้วเข้าใจวัยรุ่นบ้าง  เพราะวัยรุ่นสมัยนี้  แตกต่างกับสมัยก่อนมากมายทีเดียว

สอนเหลือกูเกลียด (คือสอนไม่แจ้ง สอนไม่หมด กำกะ สอนครึ่งๆกลางๆ  สอนไม่ดูคนเรียน สอนเหลือเฟือ มากมาย สับสน)

สอนละเอียนกูงง (คือสอนกลัวนักเรียนไม่รู้เรื่อง  สอนละเอียด คือพูดเสียยาวมาก นักเรียนไม่มีประสบการณ์ เลยสับสน ด้วยความละเอียดเกินไป)

บอกตรงๆกูขี้เกียจเรียน  เรียนไปก็ไร้ค่า  เรียนจนตายห่าก็ลืมหมด ( นั่นคือเขาไม่รู้ว่า วิชานี้มีคุณค่าขนาดไหน เอาไปใช้ชีวิตประจำวัน อะไร หรือจะไปเรียนต่อ คณะไหน อาชีพอะไรได้ใช้)

สอบได้เป็นเรื่องตลก  สอบตกเป็นเรื่องธรรมชาติ( สำหรับคนที่สับสน  จับต้นชนปลายไม่ถูก เลยปลงซะเลย)

การบ้านคือยาพิษ  เสาร์อาทิตย์คือสวรรค์  วันจันทร์คือวันนรก

สมุดพกคือวันตาย (สมุดที่บ่งบอกว่าแต่ละวิชาได้คะแนนเท่าไร) ใด ใด ในโลกล้วนอนิจัง ไม่อ่านหนังสือยังสอบได้

กูอ่านอีกอ่านอีกแล้วไซร้ยังดันสอบตก  ฉะนั้นอย่าอ่านแม่มึงเลย

บทกลอนบทความนี้ คงจะกลั่นกรองออกมาจากความคิดของวันรุ่นที่เริ่มจะเบื่อหน่ายการศึกษา เพราะการสอนของอาจารย์คงจะขาดหลักจิตวิทยา สิ่งไหนเด็กชอบ สิ่งไหนเด็กไม่ชอบ  จะมุ่งมั่นแต่ให้นักเรียนท่องจำเอา  การท่องจำถ้าไม่มีความเข้าใจ ท่องอย่างไร ก็ไม่จำ เพราะจับจุดไม่ถูก  ฉะนั้นในฐานะที่ผู้เขียนก็เป็นนักศึกษาผู้ใหญ่อยู่ ก็ไม่อยากจำ เพราะจำไม่ดี  อยากจะเข้าใจมากกว่า ฉะนั้นท่านอาจารย์ที่รักทั้งหลายจะสอนนักศึกษาให้เข้าใจ  จะทำอย่างไร  ก็คงเตรียมการสอนมาเป็นอย่างดี อย่ามาให้จำ  ขอให้เข้าใจดีกว่า คะ อุปกรณ์การสอนสรรหามา ตัวอย่างที่ดี อยากให้ทำตามหามา

เพราะจากบทกลอนที่กล่าวมานี้  มันก็เป็นประสบการณ์ของดิฉันเหมือนกัน ในเรื่อง   การสอบ ดิฉันท่องหนังสือ จับใจความ  ถ้าจะให้ตอบแบบแสดงความคิดเห็น โอเคได้  แต่จะมาให้จำสิ่งเล็กๆน้อยๆเป็นแค่ตอบสั้น ๆ ละเอียดถึงขนาดนั้นก็จำไม่ได้เช่นกัน เพราะบางข้อ ไม่จำเป็นจะนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ออกมาทำไม   เคยอ่านหนังสือแบบละเอียด มาสอบก็โอเค สอบได้ เพราะ ผ่านสายหูสายตาหมด  มีมาสอบอีกครั้งใหม่  ไม่มีเวลาอ่านมาสอบเพราะงานประจำก็มาก  และวิชาที่เรียนเริ่มมากขึ้น คิดว่าตนเองไปเรียนสมำเสมอ  ฟังอาจารย์ และติ๊กอันที่จำเป็นไว้ คือจับความให้ได้ ว่าอาจารย์สอนเรื่องอะไร มีเป้าหมายอะไรที่สอนเรื่องนี้แค่นั้นก็พอ  เชื่อไหมวันสอบ ไม่อ่านหนังสือเลย เพราะมันมากไม่รู้จะอ่านตรงไหน ถึงเวลาสอบ  เอ้า--ข้อสอบเราก็ทำได้ ถึงแม้ว่าไม่ได้อ่านหนังสือ เพราะเราเข้าใจ และจับจุดที่อาจารย์เวลามาสอนไว้แล้ว  จึงอยากจะบอกนักศึกษา ทุกท่านขอให้เรียนด้วยความเข้าใจแล้วท่านจะไม่ต้องมาอ่านหนังสือเวลาสอบให้หามรุ่ง หามคำ บางคนโรยมาเชียววันที่สอบ เพราะเวลาเรียนปกติก็ขาดซะ จับจุดไม่ถูก สบายตอนเรียน แต่ยากตอนสอบ   เวลาจะสอบ นอนให้อิ่มก็แล้วกัน สมองจะโปร่งไปเอง  แต่ถ้าเวลาเรียนไม่ไปเรียน เวลาสอบท่านก็จะต้องท่องหนังสืออย่างมโหราฬทีเดียว เพราะจับจุดยังไม่ได้ ยากตอนสอบนะคะ

อีกอย่างหนึ่งก็อยู่ที่อาจารย์จะเตรียมความพร้อมมาสอนนักศึกษาอย่างไร  เพราะสอนผู้ใหญ่มันก็ไม่เหมือนกับสอนเด็ก ผู้ใหญ่มีประสบการณ์แล้วเพียงนำประสบการณ์มาจัดระบบ ระเบียบใหม่ เพื่อการพัฒนา  แต่เด็กน้อยไม่มีประสบการณ์เลย เพราะฉะนั้นเวลาสอนอะไร ควรจะยกตัวอย่างจากชีวิตจริงๆ ที่อยู่ในท้องถิ่นเขาบ้าง จากหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์บ้างเขาจะได้จับจุดถูกว่า อาจารย์กำลังจะสอนอะไรเขา  สอนไปเพื่ออะไร สอนด้วยเหตุและผล  ดิฉันชอบมากเลย คำว่าเหตุและผล ก็ได้หลักการมาจากเศรษฐกิจพอเพียงนี่แหละ  แต่ดิฉันมาคิดดูแล้ว หลักการนี้นำมาใช้ได้  เกี่ยวกับการให้ความรู้นี่แหละ ยกตัวอย่าง

1.พอประมาณ นั่นคือสอนที่เด็กสามารถรับรู้ได้ เข้าใจได้ ไม่ยากเกินไป ไม่เกินความสามารถของเด็ก  คือถ้ายาก สอนแบบไหนให้มันง่ายไม่สับสนเด็ก มีศิลป์และศาสตร์อย่างไร นำมาใช้

2.มีเหตุมีผล  สอนวิชานี้ไปเพื่ออะไร มีจุดมุ่งหมายอะไร จะได้จับทิศทางของการออกข้อสอบ แล้วใช้ความเข้าใจ ตอบโจทย์ แต่เด็กคงไม่คิดไกลปานนั้น เรื่องเหตุและผล จะมีวิธีอย่างไร ให้เกิด กรมสามัญสำนึกขึ้นในสมองเด็ก 

3.มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี  พอเด็กเข้าใจแล้ว สอนไม่เบื่อ จะว่าจำได้ ก็จำได้  พอเข้าใจ งานอะไรที่ให้ทำส่ง มันก็ง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้เวลาทำนานไม่ต้องลอกกัน  เวลาสอบ ก็สอบได้เลย ไม่ท่องหนังสือก็สอบได้ และไม่หนักเกินไปสำหรับเด็ก ความเข้าใจ คือภูมิคุ้มกันที่ดี

อีก  2 เงื่อนไข 1. มีความรู้  ถ้าเข้าใจ ก็จำได้ มีความรู้ ครูสอนอะไรก็เข้าใจง่ายขึ้น  ในที่สุดก็รอบรู้ มีความรู้จากการเข้าใจ

 2.คุณธรรม   ซื่อสัตย์ สุจริต ขยัน อดทน ก็ตามมา เพราะมันเรียนง่าย การบ้านก็ไม่ลอกกัน ช่วยสอนกัน เพราะเข้าใจเลยแนะนำคนอื่นได้  ช่วยเหลือครูทางอ้อมเพราะสอนกันเองได้

ทุกท่านที่อ่านบทความของดิฉันนี้  อ่านแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง และมีแนวแนะนำเสริมอะไรอีก  อาจจะเป็นตัวท่าน มีประสบการณ์ หรือสอนนักเรียนวัยรุ่น หรือท่านนักศึกษาเช่นดิฉัน ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง  แต่ก็ขอให้กำลังใจอาจารย์

 ทุกๆท่านคะ  แม่พิมพ์ของชาติ กำลังพัฒนา ตามนักเรียน นักศึกษาให้ทันเช่นกันคะ  สวัสดีคะ

หมายเลขบันทึก: 145852เขียนเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2007 14:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 11:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
  • สวัสดีค่ะ
  • แวะตามมาขอบคุณค่ะ
  • ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
  • อ่านบันทึกแล้ว...
  • ทำให้เข้าใจวัยรุ่นมากขึ้น
  • แต่บางครั้ง...
  • วัยรุ่ยก็ต้องเข้าใจผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน
  • แต่อย่างว่าล่ะนะ...
  • ช่องว่างระหว่างวัย ค่อนข้างจะทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง
  • แต่ถ้าหาก...พบกันคนละครึ่งทาง
  • ก็คงจะดีไม่ใช่น้อย
  • ขอบคุณค่ะ

 

 

สวัสดีครับพี่เล็ก

  • ได้รับอีเมล์และตอบกลับแล้วครับ
  • พี่ต้องเข้าดูที่ www.hotmail.com ที่พี่สมัครไว้
  • ใส่ชื่อที่สมัคร sumalee-83 และระหัสตัวเลข...
  • อีเมล์นี้จะอ่านได้เฉพาะคนที่รู้ระหัสตัวเลข...ครับ
  • ถ้าจำระหัสตัวเลขไม่ได้ก็ไม่เป็นไรสมัครใหม่ครับ
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีค๊ะ คุณว่าที่บัณฑิต

*ขอเข้ามาเยี่ยมเยียนด้วยคนค่ะ

*ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย ว่าวัยรุ่นสมัยนี้เขามีความรู้สึกแบบนี้

เพราะคนที่จะเข้าใจวัยรุ่น น่าจะเป็นวัยใกล้เคียงกันน๊ะ

*วันหน้าเวลาสอนนักศึกษาจะได้ไม่ต้องสอนเหลือเพราะกลัวเด็กเกลียด

*ขอบคุณน๊ะค๊ะที่นำความรู้สึกวัยรุ่นมาฝาก

ขอบพระคุณ คุณพี่ปรารมภ์มากเลยคะ  ที่เข้ามาเยี่ยม นี่แหละคะ  ไปแอบเห็นเด็กวัยรุ่นเขียนจริงๆ  ฉะนั้นใครที่เป็นอาจารย์หรือเป็นครู  จะได้เข้าใจถึง หัวอกเด็กวัยรุ่นบ้าง สอนเขาด้วยใจกระแทกใจ แบบเข้าใจวัยรุ่นสมัยใหม่ ที่ในหัวสมอง มีเรื่องนอกประเด็นในการเรียนมากมาย แทนที่จะสนใจการเรียน เพื่ออนาคตแต่สิ่งแวดล้อมมันพาไป กระทำในสิ่งที่ทำไปด้วยเรียนไปด้วย มันเลยหลายเรื่องอยู่ในหัว เรียนก็ไม่รู้เรื่อง  ชีวิตภายนอกก็ไม่รู้เรื่อง  โตแต่ตัว แต่ความคิดไม่โต ฉะนั้นการเรียนการสอน ควรเน้นด้านคุณธรรมมากกว่า คนเราถ้ามันดีแล้ว  มันคงไม่คิดชั่วปล่อยตัวตกอับหรอก เพราะมีคุณธรรม เขาบอกว่ามีคุณธรรมคำจุนโลก  ใครมีก็คำจุนตนเองด้วย ว่าจริงไหม สวัสดีคะ

-ขอบคุณน้องอ้อยขวั้น  ที่เข้ามาเยี่ยม เปิดหน้านี้มาหลายครั้งแล้วลืมตอบ เพราะไปพะวงเกี่ยวกับการฝีกภาพใส่บล็อคอยู่  น้องอ้อยขวั้นเป็นคน สองวัย ทั้งวัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ เลยตอบแบบกลางไช่ไหมคะ ตามจริงบทสรุปนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ขอให้ทุกคน เอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วก็ถนอมนำใจกันไป นั้นคือสอนให้เขามีความรู้มีการศึกษาแต่ลืมเน้นคุณธรรม ไม่สอนให้เขาเป็นคนหัดคิด  มีแต่บอกไปวัด ไปให้พระสั่งสอนพระกว่าจะได้มีโอกาสสอน นักเรียนก็ไปชั่วแล้ว ฉะนั้น ครูนั่นแหละควรสอนให้เขาสำนึกในคุณธรรมความดี สลับกับวิชาที่ตนเองสอน  ทุกวิชาเอาคุณธรรมเข้าร่วมได้ เพราะครูเจอนักเรียนทุกคาบ ให้คิดไว้เลยว่า วันนี้สอนเรื่องของตัวที่รับผิดชอบแล้ว ก่อนออกจากห้องก็ให้ข้อคิด วันละข้อก็ยังดี

-สำหรับพ่อแม่ก็เป็นคนส่งเสริมลูกในเรื่องคุณธรรมอยู่ทางบ้าน อันนี้เป็นหน้าที่ส่วนหนึ่ง แต่ไหนแต่ใดมาแล้ว ใครๆก็อยากให้ลูกเป็นคนดี พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีอยู่แล้ว

-สำหรับวัยรุ่น ถ้าได้ครูดี พ่อแม่ตัวอย่างที่ดี สังคมจะดีและวัยรุ่น ทำอย่างไรถึงจะเข้าใจหัวอกพ่อแม่ หัวอกครูอาจารย์ ก็อยู่ที่อาจารย์จะมีกิจกรรมอะไรมาแสดงให้วัยรุ่นได้มี  กรมสามัญสำนึกบ้าง

-ขอบคุณ คุณเดินดิน อีเมลย์ไม่ไค่อยได้ใช้ เลยยังไม่ฝึก เพราะรู้แล้วต้องสมัครใหม่ สมัครแล้วก็ไม่ได้ใช้ และคิดว่า ทำได้อยู่ คะ ขอบคุณในนำใจนะ  สร้างบ้านใกล้เสร็จแล้วยัง คิดถึงนะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท