วันที่ 21 ตุลาคม 2550
ตื่นตั้งแต่ 06.00 โมงเช้า เดินไปตลาดเช้า (ตลาดสิงคโปร์) ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ฉันและเพื่อนที่รู้ใจ เดินชมตลาดเช้า เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพหลายๆ เด้อ สิ่งที่น่าสนใจก็คือจิ้งหรีดมี เยอะมาก พืชผักพื้นบ้าน เช่น บวบ พืชอาหารจากป่า เหลือบไปเห็น น้ำอยู่ในถุงพลาสติกสีเขียวๆ ทีแรกเข้าใจว่าเป็นน้ำเพลี้ย ถามไปถามมาบอกว่ามันคือน้ำผักย่านาง ราคาถุงละ 1,000 กีบ เห็นสภาพตลาดทำให้นึกถึงน่านบ้านเราในอดีต เสียดายสิ่งที่สูญหายไปจากธรรมชาติ ขากลับต้องนั่งรถจัมโบ้ เพราะถ้าเดินต้องขาลากแน่ ๆ กลับมาถึงโรงแรม อาบน้ำ แต่งตัว เสร็จเรียบร้อย เราชวนกันออกมาเดินหาอาหาร เช้านี้เลยต้องกินข้าวเปียกกับน้ำเต้าหู้ หลังจากนั้น นั่งรถจัมโบ้ไปเดินเลาะลำโขง เห็นผู้คนกำลังเตรียมงานสำหรับการออกพรรษา เช่น การเซ่นไหว้แม่น้ำ การแข่งขันเรือยาว เหนื่อยนักก็นั่งพักผ่อนที่วัดไชยะพูม สังเกตเห็นต้นไม้ในวัด สูงใหญ่แสดงให้เห็นถึงความเก่าแก่ และร่มรื่น แต่ที่ขัดนัยตาก็คือสีสรรที่ใช้แต่งเติมสิ่งปลูกสร้างทีเกิดใหม่ภายในวัดโดยเฉพาะพื้นสนามที่กลายเป็นซีเมนต์รอบ ๆ วัด ทำให้นึกถึงคำพูดของอาจารย์ที่ว่า “ภัยคุกคามที่สำคัญต่อความหลากหลายทางชีวภาพก็คือคนนี่เอง”
วัดไชยะพูม ภัยคุกคามทางน้ำ
เดินกลับมาที่โรงแรม Check out ออกจากเดินโรงแรมไปสถานีขนส่ง นั่งรถจากปากเซ-สาละวัน เพื่อจะเดินทางต่อไปปากเซ รถประจำทางจะออกสถานีเวลา 12.30 น. จะถึงปากเซ เวลาประมาณ 5 โมงเย็น ตลอดสองข้างทางที่นั่งรถบรรยากาศก็เหมือนเดิม มีเพลงไทยให้ฟัง คนขายไก่ปิ้ง ข้าวเหนียว และสารพัดที่อยากขายแต่รถสายใต้นี้รุนแรงกว่าคือจุดจอดผู้โดยสารคนขายของขึ้นมาขายของบนรถ จนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ไม่เหมือนสายเหนือจะขายเฉพาะด้านล่าง ใช้เวลาเดินทางเวลา 5 ชั่วโมง นั่งรถสามล้อสไตส์ปากเซ (อิทธิพลจากเวียดนาม) มาพักที่ วันนะพา เกสต์เฮ้าส ซึ่งอยู่ติดกับน้ำโขง หลังจาก Check in แล้วฉันและเพื่อนก็พากันเดินมากินอาหารริมฝั่งโขง บรรยากาศ ม่วนชื่น หลายเด้อ
สวัสดีครับพี่เยาว์