ถ้าจะพูดถึงปัญหาการศึกษาของไทย ปัจจุบันนี้คงไม่มีผู้ไม่นึกถึงการศึกษาของพี่น้องมุสลิมในสามจังหวัด เพราะมีปัญหาสารพัดที่เป็นปัจจัยเกื้อหนุนทางการศึกษาเป็นไปในทางลบ
ปัญหาความสงบ ครูเป็นเป้าหมาย คือปัญหาหลักปัญหาหนึ่ง ครูดีๆที่ไม่ใช่บุคคลในพื้นที่ขอย้ายออกนอกพื้นที่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้โรงเรียนหลายโรงขาดครูที่จะสอนเด็ก วิธีการแก้คือ เรียกบุคคลในพื่นที่มาช่วยสอน ในฐานะครูอัตราจ้างเป็นลำดับแรกก่อน
แต่เท่าที่คุยกับ ผอ.หลายแห่ง ผมรู้สึกว่า ครูที่ได้จากคนในพื้นที่มีไม่น้อยที่ไปในทางลบ คือ แทนที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้า กลับต้องเหยียบย้ำอยู่กับที่ และค่อยๆ ถอยหลังไปเรื่อยๆ ถ้าไม่รีบแก้..
ผมชอบยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเราเอาเมล็ดมาปลูกถ้าไม่พัฒนาเมล็ดให้ดี สักวันหนึ่งเมล็ดพันธุ์ดีๆของเราก็จะกลายพันธุ์และลูกหลานที่ได้จากเมล็ดนี้ก็จะหาดีได้ยาก
เรียนที่นั้น จบที่นั้น สอนที่นั้น แล้วเด็กๆจะได้ประสบการณ์ใหม่ๆได้อย่างไร
ผมเห็นด้วยกับอาจารย์เพราะเท่าที่ประสบมันเป็นเช่นดั่งที่อาจารย์กล่าวมาครับ ความหลากหลายไม่ใช่ความแตกต่างแต่มันคือความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมที่จะช่วยกันผลักดันสังคมสู่ความเจริญงอกงาม บางครั้งเราก็แยกกันไม่ออก สุดท้ายคนที่ได้รับผลกระทบกลับเป็นลูกหลานของเรา เราคงต้องหันมาทบทวนกับคำว่าครูอาชีพกับอาชีพครูอย่างใคร่ครวญ เพราะผลพวงนั่นคือความหวังของสังคมและประเทศ...วัลลอฮฺอะลัม
แต่ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทุกคนมีสิทธิ์เรียนรู้ พัฒนาตนเองสู่โลกกว้าง ได้เท่ากัน
internet ช่วยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะจบจากสถานศึกษาจากในหรือนอกพื้นที่ฯ ครูทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพัฒนาตนเองทั้งนั้น
เพียงแต่ปัญหาที่เรา สาม จว. มี และมองข้ามไม่ได้คือ ความใฝ่รู้ อยากรู้อยากเห็น อยากก้าวหน้า "movitation" และจริงใจในการทำงานเพื่อสังคม (นอกเหนือจากการทำงานเพื่อเงิน) ฯลฯ
"การศึกษา"...เรายังแบ่ง ยังแยกออกเป็นสองแขนง คือ เรียนสามัญ กับ เรียนศาสนาอยู่เลย อย่างนี้ จะไปไหนไกล?