เรื่องเล่าจากเด็กผู้ป่วย


แม้ร่างกายจะเจ็บป่วย แต่สภาพจิตใจของเขานั้นไม่ได้ป่วยตาม

เด็กผู้ป่วยนั้น แม้สภาพภายนอกนั้นน้องเขาจะมีอาการเจ็บป่วยทางร่างกาย ทำให้ฉันรู้สึกเห็นใจในอาการเจ็บป่วยของน้องเขา ตึกที่ฉันต้องไปดูแลและทำกิจกรรมกับเด็กผู้ป่วย เป็นตึกเกี่ยวกับโรคกระดูก ดังนั้นสภาพของน้องผู้ป่วยแต่ละคนนั้น จึงอยู่ในสภาพที่บางคนก็ใส่เหล็กดามกระดูก หรือบางคนก็ใส่เฝือกตามร่างกายส่วนต่างๆ วันนี้ฉันได้มีโอกาสรับฟังเรื่องราวของน้องคนหนึ่ง เขาเป็นเด็กชาย อายุ 15 ปี เขาเล่าให้ฉันฟังว่า ผมเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิด เท้าผมบิดงอไปด้านหลัง ทำให้ต้องมาผ่าตัดในโรงพยาบาลบ่อยๆ ผมอยู่ที่นี่มา 3 เดือนกว่าแล้ว ผมมาผ่าตัดอีกรอบ เพราะเท้าบวมน้องต้องนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา แต่น้องก็สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในระดับหนึ่ง และในตึกนี้น้องเขาเป็นเด็กโตที่สุด หลายๆคนเมื่อได้ฟังเรื่องของน้องเขา อาจรู้สึกว่าน้องเขาคงรู้สึกน้อยใจ หรือไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้ เป็นฉันก็อาจคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่จริงๆถ้าใครไม่ได้มาสัมผัส พูดคุยกับน้องเขาจริงๆ คงไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ระหว่างที่น้องเขาเล่าเรื่องราวต่างๆของตัวเองนั้น น้องเขามีรอยยิ้มตลอดเวลา ฉันเข้าใจดีว่าที่น้องยิ้มนั้น ไม่ได้ยิ้มดีใจเพราะมีคนมาสงสาร มาเห็นใจในสิ่งที่ตนเป็น แต่ที่น้องยิ้มได้นั้น อาจเพราะน้องเขายอมรับในสิ่งที่ตนเป็น และพยายามทำหลายๆสิ่งด้วยตัวเอง โดยส่วนตัวแล้วฉันคิดว่าน้องเขาเป็นคนที่มีความกล้า และมีความมุ่งมั่นมาก

ส่วนเด็กชายอีกคนที่ฉันได้เข้าไปดูแลและทำกิจกรรมด้วยนั้น  เป็นเด็กชายอายุ 11 ปี เขาก็ได้เล่าเรื่องของตนเองให้ฟังบางส่วนเช่นกัน แต่น้องเขาเล่าเรื่องด้วยสีหน้าเศร้าๆนิ่งๆ ฉันจึงไม่กล้าที่จะซักถามสิ่งใดมาก น้องเล่าว่า ผมโดนรถชนตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ทำให้ขาเป็นแบบนี้ และผมก็ไม่ได้ไปโรงเรียนด้วย แม่ก็ไม่ว่างมาหา เมื่อไรแม่จะมารับผม ผมอยากกลับบ้านเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทำเอาฉันรู้สึกผิดที่ทำให้น้องเขาต้องเล่าเรื่องของตัวเองขึ้นมาทันที น้องอายุถึง 11 ปีแล้ว แต่น้องกลับไม่ได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กคนอื่นๆ แม้แต่ชื่อของน้องเอง น้องยังไม่สามารถเขียนได้ อ่านหนังสือก็ไม่ได้ หรือแม้แต่ตัวเลขน้องยังนับไม่ถูกเลย น้องต้องคอยถามฉันตลอดว่า พี่ ผมหยิบตัวโดมิโน่ ครบ 10 ตัวยังตัวเลขเพียงไม่กี่จำนวน น้องก็ไม่สามารถนับได้ ไม่ใช่ว่าน้องจะไม่สนใจศึกษาเรียนรู้ แต่น้องก็พยายามเรียนรู้เท่าที่น้องจะทำได้ เช่น ระหว่างพูดคุยกันอยู่ น้องชวนฉันเล่นเกมจับคู่ ซึ่งเกมจับคู่จะเป็นกระดาษหนึ่งแผ่นที่มีอยู่ต่างๆอยู่มากมาย รวมทั้งมีภาพที่เป็นคู่กันด้วย เกมนี้ก็จะผลัดกันเปิดหาภาพที่เป็นคู่กัน ใครได้มากที่สุดชนะ เกมจับคู่มีอยู่หลายแบบมาก น้องได้หยิบกระดาษจับคู่แผ่นหนึ่งขึ้นมา เกมจับคู่แผ่นนั้น ให้เราจับคู่รูปผลไม้กับชื่อผลไม้ คือ ภาพส้ม ก็คู่กับชื่อส้ม แต่มียากคือ ชื่อของผลไม้นั้นเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด น้องสนใจกับเกมจับคู่แผ่นนี้มาก ชวนฉันตลอด ฉันก็ถามน้องเขาว่า รู้ไหมว่าเขาให้จับคู่อะไรกับอะไร น้องก็บอกว่าไม่รู้ แต่น้องก็ยังสนใจที่จะเล่น ฉันจึงมีหน้าที่ที่จะต้องสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษไปด้วยเช่นกัน อีกมุมหนึ่งของน้องนั้น แต่ละวันๆน้องได้แต่นั่งอยู่บนเตียงเฝ้ารอใครสักคนที่จะมาเยี่ยม มาเล่น มาพูดคุยด้วย ฉันก็ได้แต่หวังว่าน้องจะมีอาการที่ดีขึ้น ได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กๆทั่วไป และน้องจะได้กลับบ้าน ตามที่น้องต้องการให้เร็วที่สุด

หมายเลขบันทึก: 144710เขียนเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2007 09:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีครับ

แวะมาอ่านกิจกรรมดีๆ ที่มีประโยชน์

เก่งจังเลยครับ

การทำกิจกรรม กับเด็กป่วย บางครั้งต้องระวังเรื่องความเจ็บป่วย ที่เราซึมซับ มาอย่างไม่รู้ตัว เรา

  • สวัสดีครับ
  • พี่ที่สำนักงานเคยเอาของเล่นเด็กไปบริจาคที่โรงพยาบาลให้ผู้ป่วยเด็กได้เล่นเหมือนกัน
  • เด็กเวลาป่วยจะน่าสงสารมากครับ
  • ขอบคุณครับสำหรับสิ่งดีๆ
  • ตามมาขอบคุณ
  • เด็กๆๆน่าจะชอบนิทาน
  • ลองให้ฟังนิทาน
  • หรือเล่นเกมภาษาอังกฤษก็น่าจะดีครับ
  • ขอบคุณครับผม
  • ฝึกงานอยู่ที่ไหนครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท