พนักงานไทย เป็นผู้ที่มีประสบการณ์เรื่องการทำงานมาก แต่ละคนล้วนแล้วมีความสามารถสูง เคยสอนงานกับพนักงานไทยมามากต่อมาก คุ้นเคยกับวิธีการทำงานแบบไทยๆ ซึ่งหมายถึงสอนงานก็สอนแบบง่ายๆ ใช้ PowerPoint ก็สามารถทำให้พนักงานในไทยเข้าใจได้อย่างไม่ยากนัก
พนักงานกัมพูชา เป็นกลุ่มพนักงานที่พึ่งเรียนจบ ไม่มีประสบการณ์ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมเลย แม้แต่ชิ้นส่วนของเครื่องจักรบางคนก็ไม่รู้เลย ทั้งนี้เป็นเพราะว่าที่ประเทศกัมพูชายังไม่เคยมีโรงงานอุตสาหกรรม ที่ใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่แบบนี้เลย ที่หนักกว่านั้นคือระบบการเรียนการสอนในโรงเรียนของกัมพูชายังไม่มีระบบ รวมถึงเรื่องระเบียบวินัยในการทำงาน ยังมีอยู่น้อยมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกของที่กัมพูชา มีความต้องการที่จะทำงานเพื่อสร้างความเป็นอยู่ของตนเอง จึงมีความกลัวที่จะไม่ได้ทำงานหากไม่สามารถผ่านการทดลองงาน จึงพยายามตอบเพื่อให้ผ่านไปเป็นครั้งๆ แต่หารู้ไม่ว่านั่นยิ่งจะทำให้ทักษะการทำงานของเขาไม่ได้รับการพัฒนา เพราะ “เขากำลังปกปิด ความสามารถที่เป็นจริง”
จากการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นแบบคร่าวๆ ก็พบว่าคนทั้ง 2 กลุ่มที่จะเกี่ยวข้องกับการทำโครงการของทีมในครั้งนี้มีความแตกต่างกันอย่างมาก และที่สำคัญคนทั้ง 2 กลุ่ม มีความสามารถทางด้านภาษาที่แตกต่างกันมาก ซึ่งเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการสอนงาน
ผมใช้เวลานานในการที่จะคิดหาแนวทางที่จะนำมาใช้ในกระบวนการเรียน การสอนงานในครั้งนี้ พอสมควร ประเด็นสำคัญไม่ใช่ เรื่องรูปแบบการจัดกระบวนการ แต่สำคัญอยู่ที่ผมจะมีวิธีในการปรับเปลี่ยน กลุ่มคนที่เกี่ยวข้อง ทั้ง 2 กลุ่มได้อย่างไร หากจะไปบอกตรงๆ ก็เกรงจะเกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นได้ โดยเฉพาะทีมไทย ซึ่งเป็นผู้ที่ทำงานในระดับเซียน แต่ก็ขาดวิธีการในการถ่ายทอดความรู้ เพราะส่วนใหญ่ก็ถนัดแต่ทำงาน หากผมไปแนะนำตรงๆก็เกรงว่าจะเกิดความขัดแย้งกันได้...ส่วนพนักงานกัมพูชา เป็นกลุ่มเด็กๆ ที่ไม่มีประสบการณ์ในการทำงานเลย...
ผมคิดรูปแบบการจัดกระบวนการได้แล้ว..แต่ผมก็เก็บไว้ก่อน..ผม Focus การแก้ปัญหาไปที่กลุ่มพนักงานกัมพูชาก่อน โดยผมได้จัดประชุมกับกลุ่มพนักงานกัมพูชา เพื่อสร้างความเป็นกันเอง และถือโอกาสแนะนำถึงการเรียนงาน โดยเน้นให้เขาเข้าใจว่าหากต้องการที่จะทำงานให้ได้ดีต้องเรียนงานให้เข้าใจและสามารถปฏิบัติงานได้จริง ไม่ใช่บอกแค่ว่าทำได้ แต่เอาเข้าจริงๆทำไม่ได้ และแนะนำให้เขารู้ว่า ทีมไทยที่มาสอนงานล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีความสามารถ หากไม่เข้าใจหรือทำไม่เป็นให้สามารถถามได้... ระหว่างการประชุมผมพยายามสร้างความเป็นกันเองให้มากที่สุด เพื่อให้พนักงานกัมพูชาสามารถที่จะเห็นว่าเราเป็นกันเอง และลดความกลัวลง
วิธีการที่ผมทำครั้งนี้เป็นวิธีการที่แตกต่างจากที่เคยทำในเมืองไทยอย่างสิ้นเชิง หากเป็นที่เมืองไทย ผมจะแนะนำให้ผู้สอนลองหาวิธีการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียน แต่ในครั้งนี้ที่ผมต้องทำเช่นนี้เพราะว่า มีเรื่องปัจจัยของ “ความกลัว” เข้ามาเกี่ยวข้อง ผมจึงจะต้องกำจัดความกลัวของผู้เรียนออกไปก่อน ซึ่งจริงต้องเป็นหน้าที่ของผู้สอนที่จะทำหน้าที่นี้ แต่ในครั้งนี้สถานการณ์บวกกับทักษะของผู้สอนงาน มีความแตกต่างกันมาก ประกอบกับปัจัยเรื่องของเวลาที่บีบรัดเข้ามาเร่งเร้าด้วย ผมจึงทำหน้าที่นี้ช่วยผู้สอน ไปก่อน และหากมีโอกาสผมคงจะต้องหาวิธีปนรับกระบวนการของผู้สอนอีกเช่นกันครับอิอิ แวะมาอ่านต่อจ้ะ
ก็เป็นความรู้ที่ดีมากที่เกี่ยวการทำงานของประชาชนชาวไทยในต่างแดนของเรา ได้รู้ถึงความยากลำบากและการทดสอบต่างๆ ยังไงก็ขอให้ทุกคนสู้ๆต่อไปนะคะ
แวะมาอ่าน เป็นกำลังใจให้ทำภารกิจให้สำเร็จครับ
สามารถอ่านทั้งผู้สอนงาน และผู้เรียนได้ เยี่ยมจริงๆครับ
ขอบคุณมากครับ..
พี่หนิง...ด้วยความยินดีครับ แวะมาบ่อยๆนะครับ ห่างหายไปนานกลับมา พี่สาวก็ยังสวยเหมือนเดิมนะครับ..
คุณแคท...ถ้าจะพูดถึงความยากลำบากมีมากกว่าที่เขียนไว้เยอะครับ...ก็นับเป็นโอกาสการเรียนรู้อีกครั้งหนึ่งของผมครับ ไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกันว่า ไทย กับ กัมพูชา มีชายแดนติดกัน แต่มีวิถีชีวิตหรือวัฒนธรรมการทำงาน ที่แตกต่างกันมาก...แต่ก็มีส่วนที่เหมือนกันอยู่เหมือนกันนะครับ เป็นบางเรื่อง...
คุณมณฑล..ขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจ ตอนนี้ก็กำลังพยายามครับ..ซึ่งก็ดีขึ้นมาเยอะแล้ว..ครับ..