7 ชั่วโมง กับวิกฤตภัย ที่เขาคันทรง


คนเราไม่ว่าจะเฉพาะตน หรือหมู่คณะ ก็ต้องใช้ สุภาษิตที่ว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"

   จากอาการตะครั่นตะครอ ปวดเมื่อยเนื้อตัว ด้วยอากาศที่เรียกว่าปลายฝน ต้นหนาว ทำให้ผู้เขียนกำลังจะป่วยเป็นโรคโบราณ ที่เรียกว่า ไข้หัวลม ประกอบกับเมื่อวานนี้ ช่วงเช้า ออก หน่วย พอ.สว. และทำประชาคมตอนเย็นที่ หมู่ 4 กว่าจะถึงบ้าน ก็ดึกพอสมควร รู้สึกแปลก กับอาการที่กินข้าวแล้วรสชาดแปร่งๆ กินไม่ลง เลยอาบน้ำ และกินยาก่อนเข้านอน ปล่อยวางทุกภารกิจ รวมถึงการท่องG2K ด้วย ปล่อยให้ร่างกายปรับสภาพตัวเอง พรุ่งนี้ วันหยุด จะนอนเสียให้พอ

    เช้าวันหยุด ผู้เขียนถูกปลุกด้วยโทรศัพท์ จาก ชาวบ้าน เขาคันทรงผู้หนึ่ง ดูเขาจะมีธุระร้อนจริง ๆ " หมอเราจะทำอย่างไรกันดี ตอนนี้ หมู่บ้านเรา ไม่ทราบว่าเป็นอะไร มีกลิ่นเหม็นเหมือนสารเคมี เต็มไปหมด หลายหมู่เลย น้ำมูก น้ำตาไหลกันหมดแล้ว" เวลาที่ผู้เขียน ต้องการรับรู้อะไร ที่เข้ามาแบบคาดไม่ถึง จะเจริญสติด้วยการกำหนดลมหายใจสักครู่ แล้วจากนั้นจึงเริ่มซักถามความเป็นมา ได้ความดังนี้ เมื่อคืน หลายบ้านตื่นขึ้นมา ราวๆ ตี หนึ่ง เป็นต้นไป เพราะอาการที่หายใจไม่ค่อยสะดวก เรียกว่าถูกปลุกด้วยกลิ่น แล้วก็พากันค้นหา ตั้งแต่ ไปใช้จมูกดมกลิ่น เครื่องทำไฟฟ้าในบ้าน คิดว่าไฟฟ้าช็อต จนออกมาดูนอกบ้านว่าใครเผาอะไร จนเวลาผ่านไป แต่ละบ้านก็เริ่มตื่น ขึ้นมาสอบถามกันออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง มีการจัดหน่วยออกลาดตระเวณ ไปตามเส้นทางต่าง ๆ จนทั่วหมู่บ้าน ก็ไม่พบต้นเหตุแห่งกลิ่น มหาภัยนี้ เริ่มสว่าง

   ชาวบ้าน ก็เริ่มกระวน กระวายกับภัยมืดที่ไร้ตัวตน ยิ่งมีลมพัด กลิ่นก็รุนแรงตามลำดับ กระจายเป็นวงกว้างขึ้นไปเรื่อยๆ ทีมค้นหาออกปฏิบัติการในความมืด ก็คว้าน้ำเหลว ต่างกลับที่พัก ด้วยความอ่อนเพลีย คงตามสูดกลิ่นกันทั้งคืน ว่ามันอยู่บริเวณไหน แต่กลิ่นไปไกลเสียแล้ว กลิ่นเสมอภาค หาจุดหนักเบาไม่ได้ และเมื่อสว่างแต่ปมปริศนายังไม่สว่างตามไปด้วย จึงทำให้ผู้เขียนได้รับโทรศัพท์ดังกล่าว โดยคาดหวังว่า หมอพอจะรู้ไหมว่ากลิ่นนี้ กลิ่นอะไร แล้วมันมาจากไหน เขาคาดหวังกับหมอของเขาสูงมาก และคงเป็นความหวังสุดท้าย ที่หมอน่าจะช่วยหาคำตอบให้เขาได้ ผู้เขียนกำลังนึกหาวิธีการจัดการกับภัยเงืยบนี้ ให้กับชาวบ้าน ซึ่ง ขณะนี้ หนึ่งกำลังอยู่ในความหวาดกลัว ด้วยไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้น สองกำลังรู้สึกหมดหวังที่ทีมค้นหาก็ยังไม่สามารถจะค้นหาได้ และกำลังจะกลับเข้าพักผ่อน แต่เวลาแห่งการรอคอยกับสภาพแย่ๆนี้ ยังดำเนินต่อไป

  ด้วยผู้เขียนไม่ได้พักที่พื้นที่ จึงไม่ได้สัมผัสกลิ่นโดยตรง จึงโทรไปปลุก เจ้าหน้าที่ ว่าช่วยสำรวจหน่อยว่า เกิดอะไรขึ้น และสถานีอนามัยของเรามีกลิ่นมากไหม ผู้เขียนกำลังนึกถึงการอพยพคนมาไว้ในที่ปลอดภัย พร้อมประสานงาน หน่วยเหนือ ให้เตรียมพร้อม หากต้องการความช่วยเหลือ ทั้งหน่วยกู้ภัย 1669 และโรงพยาบาล จนท.สถานีอนามัยใกล้เคียง เมื่อเรียบร้อย ก็มานึกว่า ลำพังเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ถูกมอบหมายให้ดูแล เฉพาะ"คน" เมื่อมีภัยพิบัติเกิดขึ้น แต่ส่วนอื่น จะทำอย่างไร และยังเป็นวันหยุดอีกต่างหาก

  นึกขึ้นมาได้ ถึงว่าคนเราไม่ว่าจะเฉพาะตน หรือหมู่คณะ ก็ต้องใช้ สุภาษิตที่ว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" ดังนั้น เมื่อทราบว่าใครคือหน่วยลาดตระเวณในหมู่บ้านเมื่อคืนนี้บ้าง จึงได้โทรศัพท์ติดต่อ เขาก็ดีใจที่มีคนสนใจหมู่บ้านเขา และเล่าอย่างละเอียดว่า "พวกผมใช้วิธี ลาดตระเวณแบบปูพรม และอาศัยทิศทางลม คำนวณ เอาว่ามันน่าจะมาจากทางไหน แต่อุปสรรคคือความมืด ทำให้เราไม่เห็นแหล่งต้นเหตุ" ผู้เขียนคิดว่านี่คือความรับผิดชอบ และการทำหน้าที่เพื่อส่วนรวม ที่น่าสรรเสริญทีเดียว แต่เขากำลังจะหมดแรงและอยากจะพัก กันสักหน่อย แต่คำว่าอันตรายจะรอนานไม่ได้ ผู้เขียนจึงชวนคุย และว่าถ้าเราปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้ คาดว่า ผลกระทบจะเกิดกับพวกเราทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกลมหายใจ มีแต่สิ่งที่เป็นพิษ และโยนคำถามกลับไปว่า เราคาดหวังจะให้ใครมาช่วยเราได้ไหม เขาเอง ก็ไม่ได้คาดหวัง เพราะตัวเขาเองซึ่งรู้พื้นที่ ยังหาไม่พบเลย ที่สุด ก็เกิดแรงฮึดขึ้นมาในใจพวกเขาอีกครั้ง สว่างแล้ว พวกเราจะค้นหาแหล่งควันพิษนี้อีกครั้งครับ

 ระหว่างที่ผู้เขียนเตรียมตัวจะเดินทางเข้าหมู่บ้าน ก็ได้ยินโทรศัพท์ เข้ามาสายสุดท้าย(ที่จริงมีเข้ามาตลอดว่า เช่นพอลมหยุดกลิ่นก็น้อย ลมแรงกลิ่นก็มากบ้าง หรือเราเห็นควันที่หลืบเขาถ้ำเรือแตก กำลังจะให้คนไปดู และฯลฯ......) โทรศัพท์สายนี้ เสียงตื่นเต้นมาก "พบแล้วครับ เป็นโรงงานของบริษัท ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ที่เลิกกิจการ คนมาซื้อพื้นที่ต่อ ได้เก็บเอาแผงวงจรที่ทิ่งๆกันไว้ มาเผา เขาใช้น้ำมันมาราดเป็นระยะจึงเห็นควันไฟ แต่อยู่ท้ายบริษัทมีต้นไม้หนาแน่น จึงนำบันได ไปปืนรั้วดู"

  เขาค้นหากันจนพบ เก่งมากๆ เมื่อผู้เขียนไปถึง เป็นโรงงานของพื้นที่ อำเภอใกล้เคียง แต่มีการประสานงาน จน อบต.ของเราและเขาก็มา ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน พร้อม มีทั้งรถดับเพลิงฉีดน้ำดับ กองไฟมหาภัย จนสงบแล้ว ผู้เขียนเห็นใบหน้าทุกคน ยิ้มแย้มดีใจ แม้จะอิดโรยไปหน่อย เขาพากันเล่า ทั้งการค้นหา ทั่งสภาวะที่เขาต้องผจญกันมานาน ถึง 7 ชั่วโมง บรรยากาศเต็มไปด้วยความจริงจังคือผู้รับผิดชอบ ต้องนำขยะนี้ไปกำจัด ตามระบบ ในเขตอุตสาหกรรม เพราะเป็นมีสารเคมีอันตราบ มีการขอเบอร์โทร. เพื่อติดตามควบคุมผู้รับผิดชอบ เป็นปรากฎการณ์ที่น่าชื่นใจ การบริหารจัดการปัญหาที่ยอดเยี่ยม จนระงับเหตุแห่งภัยมืดนี้ได้ จากนั้นทุกคนร่ำลากัน จากกันด้วยความโล่งใจ ผู้เขียนกลับออกมาจากพื้นที่ แต่ยังไม่หมดความกังวลภายในใจ เพราะไม่แน่ใจว่า เวลา นับจากวันนี้ สุขภาพของผู้ที่สูด สารตะกั่วเข้าไป นานถึง 7 ชั่วโมงจะเป็นอย่างไร ก็ขอภาวนาให้ อากาศในพื้นที่ ได้ทำการฟอกพิษร้าย ให้เจือจางที่สุด ก่อน เข้าสู่ปอด ชาวบ้านของผู้เขียนก็แล้วกัน ส่วนอะไรจะเกิด ก็ต้องว่ากันไป

  ขณะที่ขับรถกลับบ้าน ไปถึงเขตหนึ่งที่มีรถติดกันหนาแน่น ผู้เขียนมองผ่านร้านรวงข้างทางมีอาหารขายมากมาย และแม้ว่าแอร์ในรถจะเย็นสบาย แต่ผู้เขียนกำลังรู้สึกวิงเวียนศรีษะ เอ๊ะ หรือเราจะได้รับสารพิษนะนี่ แต่เมื่อเราไปถึง ก็แทบไม่มีกลิ่นแล้ว แต่พอผู้เขียนขับรถต่อไป ท้องมันร้องจ๊อกทันที โธ่เอ๋ย ผู้เขียนกำลังรู้สึกหิวข้าวอย่างมาก จะเป็นลมนั่นเอง เลยต้องรีบจอดรถ แล้วก็บอกกับตัวเองว่า ดีเหมือนกัน กินมันทีเดียว สองมื้อรวมกัน เช้าและกลางวัน จากนั้นอาการดังกลาวก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง......

หมายเลขบันทึก: 138130เขียนเมื่อ 13 ตุลาคม 2007 14:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

อ่านแล้วสนุกทั้งทุกข์ไปพร้อมกัน

สวัสดีค่ะคุณเอกP

    ภารกิจของ จนท.สาธารณสุข เทียบกับอาชีพอื่น เช่นทหาร ยังไม่ได้คืบเลยค่ะ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ

 

สวัสดีครับP

  • ทียะลามีอำเภอหนึ่งย้ายใครก็ไม่ยอมไป
  • เพราะเกษตรอำเภอทำตัวเหมือนที่หมอทำ
  • คนทีไปอยู่ที่หลัง....ถ้าไม่เก่งจริง
  • อยู่ยาก...........จริงไหม
  • กินน้อย  นอนดึก..น.น.ลด ได้
  • แต่ระวังสุขภาพ
  • ขอบคุณมาก

สวัสดีค่ะพี่เกษตรยะลาP

  •    ยินดีกับชาวยะลา ที่มีข้าราชการที่เป็นที่พึงแก่ชาวบ้าน จนเป็นที่รักใคร่ ความผูกพันนี่แปลก มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ อย่างไร ก็ไม่ทราบ รู้แต่ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับเขาได้เสมอ
  •  กลับมาบำรุงสุขภาพตัวเอง มื้อเย็นนี้ กินแกงเลียงร้อนๆ เผ็ดๆ กับใบปอผัด แถมด้วยน้ำส้มคั้นสดๆ น่าจะดีขึ้น
  • พรุ่งนี้ นัดประชาคมชาวบ้าน 2 หมู่ เช้า เย็นค่ะ
  • ขอบคุณพี่มากค่ะ
  • ดูแลตัวเองบ้างนะครับพี่
  • เป็นห่วงนะเนี่ย
  • อย่าทำงานหนักมากนักครับ
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ

P

  เหตุการณ์มันพาไป ที่จริงก็อยากจะหยุดเหมือนกัน ไม่มีจังหวะสักที ว่ากันไปเรื่อยๆ คงจะแก่มากแล้ว กำลังถดถอยค่ะ คนหนุ่ม คนสาวสู้ต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับคุณบุญรุ่งP

             ถูกแล้วครับ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" หมู่บ้านเดี๋ยวนี้ถึงได้มีการวางแผนช่วยเหลือตนเองมากขึ้น เพราะรัฐมีภาระสูงขึ้น เนื่องจากมีสิ่งแปลกปลอมมากขึ้น นับเป็นด่านแรกครับ

             กลิ่นที่ว่านั้นเป็นการเผาแผ่นวงจร หรือช่างเรียกว่า Printed Circuit Board ครับ

             กลิ่นพวกนี้ พวกผมช่างอีเล็กทรอนิกส์คุ้นครับ เพราะเราต้องคลุกคลีกับเขาตลอด

            ตั้งแต่เริ่มเรียนครับ ทั้งกลิ่นตะกั่วบัดกรี กลิ่นแผ่นพริ้นไหม้

            ปอดพวกผมถึงไม่ค่อยดี สารตะกั่วสะสมในร่างกายก็เยอะ เป็นภูมิแพ้กันเกือบทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีชั่วโมงการทำงานสูง

            ดังนั้น ในโรงงานที่ผลิตอุกกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันจึงได้มีการป้องกันเพื่อสุขภาพของพนักงาน

            ตั้งแต่ป้องกันฝุ่น ป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ ป้องกันตะกั่ว ป้องกันควันตะกั่ว ป้องกันกลิ่น ป้องกันสารเคมี ป้องกันเสียง 

            เราคงเคยเห็นภาพพนักงานโรงงาน ทำงานในห้องเฉพาะ ใส่ชุดทำงานที่คลุมทั้งตัว เว้นเฉพาะจมูกและปากที่ใส่เครื่องป้องกันเฉพาะ ใส่ถุงมือ

            ที่เขาป้องกันขนาดนี้ ก็เพราะเขาทำงานเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ไม่ใช่อุตสาหกรรมครอบครัวเหมือนร้านซ่อมวิทยุโทรทัศน์ทั่วไป อัตราความเสี่ยงย่อมสูงกว่า

           ที่ร่ายยาวมานานก็เพราะว่า จะได้ทราบถึงความโหดร้ายที่เกิดจากการทำงาน กลิ่นก็เหมือนกับที่คนทั้งหมู่บ้านได้กลิ่นนั่นแล

รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

เป็นกำลังใจให้เต็มที่ครับ

สวัสดีค่ะคุณคำสุวรรณ์P

  เป็นข้อมูลที่ดีมากค่ะ ยังสรุปไม่ได้ว่า ผลกระทบต่อสุขภาพของชาวบ้านจะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ต้องบังคับ ให้ช่างคำสุวรรณ์ ไปเจาะเลือด หาปริมาณสารตะกั่วค่ะ อย่าให้สะสมจนเกิดโรค ตรวจเสียตั้งแต่ไม่มีอาการจะได้ระวังตัว เป็นห่วงค่ะ บางที่ความเคยชินทำให้เราไม่สนใจ เหมือนอาชีพหมอ ที่เย็บแผลคนไข้ อย่างไม่สะทกสะท้าน จนญาติคนไข้ชอบคิดว่า หมอโหด มันชินค่ะ

  ขอบคุรกับข้อมูล และความปรารถนาดีค่ะ ขอให้ได้รับเช่นกันค่ะ

สวัสดีครับคุณบุญรุ่ง

                   ขอบคุณครับไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลนนทเวชมาแล้วครับ

            ไม่มีสารตะกั่ว

             ไม่มียูริค ไม่มีเก๊า

             มีแต่น้ำตาล กะไขมันสูง ไตรกีเซอรายเยอะครับ

             หมอบอกออกกำลังเยอะ ๆ นะ  

 คุณคำสุวรรณคะ

  ถือว่าสุขภาพยอดเยี่ยมแล้วค่ะ น้ำตาลสูงแค่ควบคุมความหวานก็จะลด คงไม่สูงถึงกับเป็นเบาหวานนะคะ ( ค่าเกิน 110 เจาะเลือดขณะงดนำอาหารมาอย่างน้อย6 ชั่วโมง) ส่วนไขมัน และไตรกีเซอรายนั้น งดอาหารมันจัด และโดยเฉพาะปลาหมึก หนังสัตว์ มันสัตว์ (แหม ของอร่อย) การออกกำลังจะทำให้ร่างกาย แปรสภาพไขมันร้าย กลายเป็นไขมันดีได้ค่ะ ออกทุกส่วน เดี๋ยวจะมาบอกว่า ออกด้วยมือทุกวันนะคะ(ในG2K)

  • สวัสดีค่ะ อาจารย์รุ่ง
  • ป้าแดง นึกถึง กลิ่นที่อังกฤษ ที่เป็นเรื่องเป็นราว เป็นข่าว กันใหญ่ ขึ้นมาได้ไงไม่รู้ค่ะ
  • รักษาสุขภาพด้วยนะคะ  คงเหลือเรื่องการประสานงานค่ะ เอาใจช่วยค่ะ

สวัสดีค่ะ

  แหม! ชักจะมีคนบ่นหนาหูแล้วนะคะ เรื่อง ป้าแดงนี่ เขาว่าคนที่ได้พบตัวจริง แล้วตะขิดตะขวงใจ ใช้คำไม่เหมาะสม ป้าแดงชอบเอารูปมาอำ อาจารย์ขจิต ตอนโทร.คุยกันยังบอกว่า เซอไพรส์มาก ป้าแดงไม่ใช่ที่เราคิดนะ (ยังสาวอยู่)

ค่ะ ระหว่างทางก็นึกขำๆ ถึงข่าวที่อังกฤษ เรื่องกลิ่นพริกคั่วเหมือนกัน แต่ถ้ามาคั่วที่เขาคันทรง รับรอง ป้ารุ่ง เอาน้ำปลามะนาวไปเสริมแน่ หยำข้าวอร่อยเหาะ

ขอบคุณ......แดงค่ะ

  • พี่รุ่งขา...
  • รักษาสุขภาพด้วยนะคะ  
  • จะได้มีแรงทำงานในวันต่อไปค่ะ

สวัสดีค่ะPองลูกหว้า

  ขอบคุณในไมตรีจิตที่เป็นห่วงค่ะ ยังพอไหวค่ะ ยังมีกำลังใจอยู่ อาจารย์ทำตามสัญญาเลยนะคะ ว่า เวลาทำสิ่งดีๆ ให้คิดว่ายังมีหว้าเป็นเพื่อนอีกคน เดินไปด้วยกันนะคะ อบอุ่นใจจัง

  • ใช่แล้วครับตนเป็นที่พึ่งของตน
  • แต่ไม่พึ่งตนแล้วจะไปพึ่งใคร
  • นอกจากผู้เป็น พ่อ แม่ ใช่ไหมครับ
  • อย่างน้อยก็ให้ผู้เป็น พ่อ เป็น แม่ ได้พึ่งบ้างนะครับผม

สวัสดีค่ะคุณรักชาติP

 กล่าวมาถูกต้องแล้วค่ะ ขอส่งเสริมให้มีการปลูกฝังคุณธรรมข้อนี้กันมากๆค่ะ

สนุกและตื่นเต้นดีจริงๆ ครับ

ทิดปัญญากับนกแก้วฝากความเป้นห่วงมานะครับ

อยางไรเสียก็ต้องดูแล "รูป" และ"นาม" นี้ให้ดีนะครับ

สวัสดีค่ะท่านทิดปัญญาและคุณนกแก้ว

    มาพร้อมกับสติเลยนะคะ รูปและนาม มีไว้สำหรับสร้างสมบารมี แต่รู้สึกว่าเจ้าของบล็อกจะสนุกมากไปหน่อย ทำให้มวลมิตรเป็นห่วง ต้องกำหนด พอประมาณหนอๆๆๆ

  ขอบคุณทิดปัญญและนกแก้วมากๆค่ะ

   

สวัสดีครับ คุณ ตันติราพันธ์

ผมตามคำหลัก"สามัคคี"มาดูจึงมีโอกาสได้รู้จัก"คุณหมอ" ที่แท้อยู่แค่"เขาคันทรง" ศรีราชา นี่เอง

อ่านแล้วตื่นเต้น เป็นเหตุ เป็นผลดี
โดยเฉพาะการสืบหาเหตุแห่งปัญหา(ทุกข์)
ตามหลักอริยสัจ 4  ที่สุดก็พบต้นเหตุ(สมุทัย) จนได้
แล้วคิดหาทางแก้ไข(มรรควิธี) เพื่อนำไปสู่ความสิ้นไปแห่งปัญหา(นิโรธ)

 เขียนวกเข้าหลักธรรมเสียหน่อย....อิอิ

ยินดีที่รู้จัก ครับผม

สวัสดีค่ะP

 ยินดีมากค่ะที่ได้รู้จัก บุคคลที่เป็นแม่พิมพ์ของชาติมาก่อน และยังได้ชี้แนะธรรมะ ในการกระทำของดิฉันให้อีก

 ที่จริงดิฉันรับราชการที่สุรศักดิ สถานีอนามัยบ้านนาพร้าว มา ๔ ปีค่ะ เพิ่งจะย้ายไป เขาคันทรงยังไม่ครบปีเลยค่ะ

 ไม่ทราบว่าเราเคยพบกันบ้างหรือเปล่านะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท