จากบันทึกเรื่อง นั่งก็ "โอย" ลุกก็ "โอย" : เสียงโอดครวญจากคน (เกือบ) สูงวัยใกล้ๆ ตัว มีคนถามว่า สาวคนแรก และ สาวคนที่สอง เป็นใครที่ไหนกัน...อะ.ฮ้า อันนี้บอกไม่ได้หรอก เดากันเอาเองแล้วกันเรื่องของสองสาวนี้ จะมีมาเล่าสู่กันฟังเรื่อยๆ และเพื่อให้เรียกกันได้ง่ายขึ้น จะขอตั้งชื่อให้สาวคนแรกว่า "B1" ส่วนสาวคนที่สองให้ชื่อว่า "B2"พี่ B1 กำลังเตรียมตัวเข้าคอร์สลดน้ำหนัก จัดโดยฝ่ายโภชนาการ (ยุคใหม่) ของคณะแพทย์ ของเรานี่เอง โดยเค้าจะจัดอาหารแครอลี่ต่ำๆ (แต่อร่อย) ให้กินเป็นมื้อเที่ยงและมื้อเย็น แน่นอนว่าอาหารทั้งสองมื้อนี้ ...ฟรี... (น่าสนใจตรงนี้ล่ะ)งานนี้ไม่ใช่สมัครกันง่ายๆ นะคะ แล้วตอนนี้ก็มีผู้สมัครล้นโควต้าแล้ว (เห็นว่าต้องไปคัดออกกันอีก) เค้าจะเลือกเฉพาะผู้ที่มี body mass index เกินพิกัด ซึ่งกว่าจะสะสมมาให้ได้มากขนาดนี้ ยากนะ ต้องใช้เวลาตั้งหลายปี แถมบางคนต้องลงทุนด้วยการมีลูกอีกสองคนแน่ะ โห...ลำบากกันขนาดนี้ ถ้าต้องไปเอาออก ไม่เสียดายแย่หรือ.. ...(เหอะ...เหอะ)คงต้องรอดูกันว่า วีธีการของลดน้ำหนักของฝ่ายโภชนาการนี้ จะได้ผลหรือไม่ แต่ที่ดิฉันสนใจไม่ใช่เรื่องน้ำหนักหรอกค่ะ แต่เป็นอาหารที่บอกว่า แคลอรี่ต่ำและอร่อย นั่นล่ะ....พี่ B1 เตรียมตัวอย่างไร...เท่าที่เห็นรู้สึกว่า จะทานข้าวน้อยลง (มั๊ง) แต่ที่เห็นชัดๆ คือ งดกินทุเรียน คือเธอมีทุเรียนหมอนทองที่แกะแล้วแพ็คใส่ถุงพลาสติก แช่ไว้ในช่องแช่แข็ง เวลาจะกินก็เอาออกมาวางไว้แป๊บหนึ่ง แล้วกินแบบไอติมทุเรียน ทีนี้พอเธอไม่กินแล้ว เจ้าทุเรียนพวกนั้นเลยตกเป็นสมบัติของข้าพเจ้าเอง...แหม...ลาภลอยอร่อยเหาะ ขอบคุณเจ้าภาพและคอร์สลดน้ำหนักค่ะอ้อ...วันนี้พี่ B2 ไปหาหมออีกแล้ว ทำไมหรือ !! เดี๋ยว..ต้องขออนุญาตเธอก่อน ว่าจะนำมาเล่าได้ไหม
มาปูเสื่อรอติดตามเรื่องราวความคืบหน้าจากทั้งพี่ B1 และ B2 ของคุณ nidnoi เลยค่ะ น่าสนใจทั้ง 2 เคสเลย
จะพยายามเขียนให้สม่ำเสมอค่ะ พี่โอ๋ คุณขจิต
ช่วงนี้ พี่ B1 ไปทำกายภาพบำบัด เป็นประจำค่ะ เพื่อลดอาการบวมของเท้า เห็นว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
ส่วนพี่ B2 ยังรักษาสุขภาพแบบเข้มข้นเหมือนเคย