จากการประชุมสรุปโครงการ “หอผ้าคราม” อุทยานภูมิปัญญาไทยสกลทวาปี ที่ จ.สกลนคร นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ รมช.อุตสาหกรรม แถลงว่าจ.สกลนคร มีการผลิตมากที่สุดในโลก แต่ที่ผ่านมาต่างคนต่างทำ และขาดตลาด ทำให้มีการรวมกลุ่มโครงการคลัสเตอร์ผ้าครามของผู้ผลิตในแถบอีสาน 8 จังหวัด เพื่อพัฒนาผ้าครามสู่การส่งออก เน้นการวิจัยและพัฒนากระบวนการผลิต
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้สนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงาน และมีสถาบันการศึกษาและเอกชนเข้ามาร่วมวิจัย และส่งเสริมการตลาด สร้างแบรนด์ ชื่อ “INDICO” โดยจะช่วยให้ผ้าครามไปสู่ต่างประเทศได้อย่างยั่งยืน สร้างรายให้แก่ชาวบ้าน 18,000 คนในภาคอีสาน และจะพยายามผลักดันให้ จ.สกลนคร ซึ่งเป็นแหล่งผลิตผ้าครามมากที่สุด
ผ้าครามที่เตรียมออกตลาดในต้นปีหน้า คาดว่าจะมียอดขายปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และในเดือนพฤศจิกายนนี้ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม International Small Business Congress [ISBC] ซึ่งมีผู้ประกอบการ SMEs กว่า 400 รายจากทั่วโลกเข้าประชุม ก็จะนำผ้าครามไปจัดแสดงด้วย
(ข่าวจาก manager.co.th คลิกได้ที่ http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9500000118973)
สวัสดีครับ..
เป็นข่าวดีที่เห็นธุรกิจบางอย่างจะเติบโตขึ้นในภูมิภาค
เห็นด้วยกับข้อสังเกตของการผลิตที่ต่างคนต่างทำ แต่ขาดการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาตนเอง หรือการรวมกลุ่มในแง่ของการตลาด
แนวคิดนี้น่าสนใจมากและน่าจะเกิดประโยชน์กับชุมชนจริงได้ในระดับหนึ่ง ส่วนเริ่มต้นแล้ว ปัญหาจะมีอะไรตามมาบ้าง, ก็คงต้องร่วมกันแก้ไขทีละประเด็นไป
สวัสดีค่ะ ตามรอยมาจากคุณอุบลนะคะ อยากรู้จักคนชอบผ้าครามด้วยกัน
ยิ่งทราบว่าเพิ่งเขียนบล็อก ก็ขอมาให้กำลังใจค่ะ ตอนตัวเองเขียนใหม่ๆก็พิมพ์ได้อย่างเดียว งานศิลปก็ต้องไปวานน้องที่สคส.ช่วยทำ แถมเพิ่งจะนำรูปขึ้นในบล็อกเป็นไม่นานนัก ก็ค่อยๆเรียนรู้ ไม่รู้ก็ถามเลยค่ะ อาจารย์ขจิตสอนเก่งนะคะ
สวัสดีค่ะ
ตามรอยคุณนายด๊อกเตอร์
มาดูผ้าครามค่ะ
โอ้..ดีจังเลย
ตัวเองเคยมีโอกาสได้เจอกับกลุ่มสตรีที่ทำผ้าครามของสกลนครค่ะ พี่ผู้นำเขาเข้มแข็งมากเลยนะคะ
ขอบพระคุณในข่าวดีดีแบบนี้นะคะ