การเรียนรู้ตลอดชีวิตกับชาวนา (๑๑)
ขอนำรายงานของมูลนิธิข้าวขวัญ ตอนที่ ๑๑ มาลงต่อนะครับ จุดมุ่งหมายสำคัญอย่างหนึ่งของโรงเรียนชาวนาคือการลดความเจ็บป่วยที่เกิดจากการได้รับสารเคมีทางการเกษตร แต่ชาวนามักไม่ตระหนักว่าความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากสารเคมี ดังนั้นการตรวจหาระดับสารเคมีในเลือดจึงเป็นรูปธรรมอย่างหนึ่งสำหรับการเปลี่ยนวิธีคิด หรือความเชื่อของชาวนา ให้ชาวนาเห็นพิษภัยของสารเคมี และตั้งหน้าทำนาแบบอินทรีย์เต็มรูปแบบ
ตอนที่ 11 หมอจ๋า…อะไรอยู่ในเลือด ?
ช่วงกลางปีในเดือนกรกฎาคม 2547 มูลนิธิข้าวขวัญได้จัดสัปดาห์ตรวจเลือดหาสารเคมีตกค้างสำหรับนักเรียนชาวนาและเจ้าหน้าที่ ครั้งที่ 1 โดยได้เชิญเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำตำบลของแต่ละแห่งมาช่วยตรวจตามขั้นตอน นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านทั่วไปที่ทราบข่าว ก็ให้ความสนใจมาขอรับบริการกันอย่างมากมาย
ในระหว่างที่มีการเจาะการตรวจเลือด ก็พากันใจหายใจคว่ำกันเป็นแถวๆ พอดีว่ามีนักเรียนชาวนาบ้างคนมาเจอเครื่องไม้เครื่องมือการตรวจเลือดแล้ว ก็ยิ่งนึกยิ่งคิดทึกทักว่าจะให้ตรวจหาเชื้อหาโรคอะไรกันหรือเปล่า ? ... อ๋อ... เปล่า อย่าได้เข้าใจผิดคิดไปไกลขนาดนั้น ขวัญเอ๋ย... ขวัญมา... เพียงแค่ตรวจหาสารเคมีในเลือดอย่างเดียว อย่างอื่นไม่เกี่ยวนะ เจาะเลือดนิดเดียว พอๆกับมดกัด “ไม่เจ็บหรอกคะๆ” เจ้าหน้าที่สาธารณสุขขอเชื่อมสัมพันธ์กับนักเรียนชาวนา “กลัวเข็มหรือคะ?”
พอผลตรวจเลือดออกมาแล้ว ก็มีการจัดเป็นระดับต่างๆ คือ 1 2 3 และ 4 ต่างคนต่างก็ลุ้น ยิ่งกว่าหวยออกเสียอีก เพราะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะขานชื่อทีละคนพร้อมแจ้งระดับของสารเคมีที่ตกค้างในเลือด
ระดับสารเคมีที่ตกค้างในเลือด แบ่งได้ออกเป็น 4 ระดับ ดังนี้
ระดับ 1 หมายถึง ในเลือดมีสารเคมีตกค้างอยู่ในระดับที่ปกติ
ระดับ 2 หมายถึง ในเลือดมีสารเคมีตกค้างอยู่ในระดับที่ปลอดภัย
ระดับ 3 หมายถึง ในเลือดมีสารเคมีตกค้างอยู่ในระดับที่มีความเสี่ยง
ระดับ 4 หมายถึง ในเลือดมีสารเคมีตกค้างอยู่ในระดับที่ไม่ปลอดภัย
|
|
ภาพที่ 59 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเจาะเลือดเบาๆจากปลายนิ้วนักเรียนชาวนา เพื่อนำไปตรวจวัดระดับสารเคมีในเลือด
|
|
ภาพที่ 60 นักเรียนชาวนาร่วมเรียนรู้ การตรวจระดับสารเคมีในเลือด (ระดับ 1 2 3 หรือ 4)
|
|
และผลจากการตรวจหาสารเคมีที่ตกค้างในเลือด เป็นดังต่อไปนี้
นักเรียนชาวนาที่ทำการตรวจเลือดทั้งหมดจำนวน 191 คน พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 43.46 อยู่ในระดับ 3 หรือระดับที่มีความเสี่ยง รองลงมาอับดับที่ 2 ร้อยละ 34.03 อยู่ในระดับ 2 หรือระดับที่ปลอดภัย รองลงมาอันดับที่ 3 ร้อยละ 15.18 อยู่ในระดับ 4 หรือระดับที่ไม่ปลอดภัย และมีเพียงส่วนน้อย ร้อยละ 7.33 อยู่ในระดับ 1 หรือระดับปกติ
จะเห็นได้ว่านักเรียนชาวนาจาก 4 โรงเรียน ส่วนใหญ่อยู่ในระดับ 3 (มีความเสี่ยง) ยกเว้นนักเรียนชาวนาในโรงเรียนชาวนาบ้านดอน ตำบลบ้านดอน อำเภออู่ทอง ส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับ 2 (ปลอดภัย)
จากข้อมูลยังพบอีกว่า กรณีนักเรียนชาวนาในโรงเรียนชาวนาบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง ไม่พบว่ามีนักเรียนอยู่ในระดับ 1 (ปกติ) เลย และมีนักเรียนอยู่ในระดับ 2 (ปลอดภัย) เพียงร้อยละ 2.44 เพราะส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 70.07 อยู่ในระดับ 3 (มีความเสี่ยง) และร้อยละ 26.83 อยู่ในระดับ 4 (ไม่ปลอดภัย)
(ดูภาคผนวก ข ประกอบ)
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ?
นักเรียนชาวนาบางคนคลุกคลีอยู่กับสารเคมีมานาน นานเป็นสิบๆปีก็ว่าได้ จึงทำให้ผล การตรวจเลือดอยู่ในระดับ 4 เพราะกลายเป็นผู้สัมผัสสารเคมีที่ใช้ฉีดพ่นในนาข้าวแปลงผักอยู่เป็นระยะๆ หรือบางคนแม้จะทำนาทำไร่มาตลอด แต่ผลการตรวจเลือดอยู่ในระดับ 2 อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ได้สัมผัสเองโดยตรง เนื่องจากจ้างคนอื่นเขาฉีดพ่นแทน (คนอื่นก็รับสารเคมีไปแทน)
การรับสารเคมีทางอ้อม ได้แก่ การกินพืชผักผลไม้ที่ฉีดพ่นด้วยสารเคมีเป็นประจำ ผล การตรวจเลือดอาจจะอยู่ในระดับ 3 – 4 ก็ได้ ทั้งนี้ก็เพราะเป็นผู้บริโภคที่รับสารเคมีตกค้างในอาหาร ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปสัมผัสจากการฉีดพ่น
ระดับสารเคมีตกค้างในเลือดนี้ มีหลายปัจจัยประกอบเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การสัมผัสสารเคมีโดยตรง หรือทางอ้อมจากการกินอาหารที่มีสารเคมีตกค้าง เรื่องของปริมาณสารเคมีที่ร่างกายรับเข้าไป เรื่องของระยะเวลาที่รับสารเคมี ดังนั้น ทุกคนจึงมีโอกาสอยู่ในระดับที่ปกติ ปลอดภัย มีความเสี่ยง และไม่ปลอดภัย แตกต่างกันออกไป
สำหรับผู้ที่มีผลการตรวจเลือดหาสารเคมีตกค้างอยู่ในระดับที่ 4 จึงจำต้องป้องกันและระวังการสัมผัสสารเคมีโดยตรงและการกินอาหารที่มีสารเคมีตกค้าง เพื่อให้สารเคมีเข้าสู่ร่างกายสู่ เส้นเลือดให้น้อยลงเท่าที่จะสามารถควบคุมดูแลได้ จึงจะปลอดภัย แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่มีผลการตรวจเลือดหาสารเคมีตกค้างที่อยู่ในระดับที่ 1 หรือ 2 จะชะล่าใจ เพราะถ้าหากไม่ระมัดระวังการดำเนินชีวิตประจำวัน นำพาตนเองเข้าไปสู่การสัมผัสสารเคมีหรือการกินอาหารที่มีสารเคมีตกค้างเพิ่มขึ้นอีก โอกาสที่จะเลื่อนระดับสูงขึ้นก็มีสูง ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลย
และจากการตรวจสุขภาพของนักเรียนชาวนา พบอาการป่วยของนักเรียนชาวนารวมทุกพื้นที่ ในกลุ่มอาการทางร่างกาย ทางสายตา ส่วนใหญ่เป็นอาการตาลาย – พร่ามัว ร้อยละ 31.67 รองลงมาอันดับที่ 2 เป็นอาการน้ำตาไหล ร้อยละ 28.33 และรองลงมาอันดับที่ 3 เป็นอาการ ตาแดง ร้อยละ 15.00
ในกลุ่มอาการทางร่างกาย ทางเดินหายใจ ส่วนใหญ่ร้อยละ 45.79 เป็นอาการเหนื่อยและคอแห้ง (ร้อยละ 23.36 และ 22.43 ตามลำดับ) รองลงมาเป็นอาการใจสั่น ร้อยละ 14.02
ในกลุ่มอาการทางร่างกาย ระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ส่วนใหญ่เป็นอาการปวดศรีษะ ร้อยละ 21.21 รองลงมาอันดับที่ 2 เป็นอาการเวียนศรีษะ ร้อยละ 18.18 และรองลงมาอันดับที่ 3 เป็นอาการอ่อนเพลี้ย – ไม่มีแรง ร้อยละ 15.15
ในกลุ่มอาการทางร่างกาย ทางเดินอาหาร ส่วนใหญ่เป็นอาการคลื่นไส้ ร้อยละ 54.29 รองลงมาอันดับที่ 2 เป็นอาการท้องเสีย – ท้องร่วง ร้อยละ 25.71 และรองลงมาอันดับที่ 3 เป็นอาการอาเจียน ร้อยละ 20.00
ในกลุ่มอาการทางร่างกาย ทางผิวหนัง ส่วนใหญ่เป็นอาการคันตามผิวหนัง ร้อยละ 34.25 รองลงมาอันดับที่ 2 เป็นอาการผิวหนังผื่นแดง ร้อยละ 21.92 และรองลงมาอันดับที่ 3 เป็นอาการปวดแสบ – ปวดร้อน ร้อยละ 20.55
และกลุ่มอาการทางจิต ส่วนใหญ่เป็นอารมณ์หงุดหงิด ร้อยละ 27.50 รองลงมาอันดับที่ 2 เป็นอาการนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ร้อยละ 26.25 และรองลงมาอันดับที่ 3 เป็นความเครียด ร้อยละ 22.50
ผลการตรวจเลือดและสุขภาพในครั้งแรกนี้ บ่งบอกอะไรแก่เราๆท่านๆทั้งหลายได้บ้าง ? นี่คือสภาพร่างกายของนักเรียนชาวนา ชาวนาไทยในยุคหลังปี 2000 และยุคโลกาภิวัฒน์ ระดับผลการตรวจเลือดนั้นชี้ให้เห็นว่า ทุกคนมีโอกาสได้รับสารเคมีด้วยกันทั้งหมด เพียงแต่ใครได้เสี่ยงมากเสี่ยงน้อยก็ว่ากันไป แทบจะไม่มีใครบอกได้ว่าอยู่กันอย่างปกติ จะขึ้นอยู่กับดวงหรือเปล่า ? อันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่ก็คงเกี่ยวข้องกันด้วย เพราะว่าอาจจะไปกินอะไรที่วางขายสวยๆงามๆแล้วเป็นอาหารที่มีสารเคมีตกค้างอยู่ ... ก็ไม่รู้นี่จ้า อาหารออกน่ารับประทานอย่างนี้ ?
แต่ที่แน่ๆ สำหรับนักเรียนชาวนา ระดับของสารเคมีตกค้างในเลือดในครั้งนี้ เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับการตรวจครั้งต่อไปอีก จะมีความเคลื่อนไหวอันใดเกิดขึ้นบ้าง ? เป็นประเด็นที่น่าติดตามอย่างควรเฝ้ามอง
(ดูภาคผนวก ข ประกอบ)
ภาคผนวก ข
ข้อมูลสถิติ
ลำดับที่
|
ระดับสารเคมีที่ตกค้างในเลือด
|
จำนวน (คน)
|
ร้อยละ
|
1
|
ระดับ 1 ปกติ
|
0
|
0.00
|
2
|
ระดับ 2 ปลอดภัย
|
1
|
2.44
|
3
|
ระดับ 3 มีความเสี่ยง
|
29
|
70.73
|
4
|
ระดับ 4 ไม่ปลอดภัย
|
11
|
26.83
|
รวม
|
41
|
100.00
|
ตารางที่ ข – 1 ผลการตรวจสารเคมีในเลือด ครั้งที่ 1
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2547 ของโรงเรียนชาวนาบ้านโพธิ์
ตำบลบ้านโพธิ์ และตำบลดอนโพธิ์ทอง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
ลำดับที่
|
ระดับสารเคมีที่ตกค้างในเลือด
|
จำนวน (คน)
|
ร้อยละ
|
1
|
ระดับ 1 ปกติ
|
1
|
1.82
|
2
|
ระดับ 2 ปลอดภัย
|
21
|
38.18
|
3
|
ระดับ 3 มีความเสี่ยง
|
27
|
49.09
|
4
|
ระดับ 4 ไม่ปลอดภัย
|
6
|
10.91
|
รวม
|
55
|
100.00
|
ตารางที่ ข – 2 ผลการตรวจสารเคมีในเลือด ครั้งที่ 1
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2547 ของโรงเรียนชาวนาบ้านสังโฆ
ตำบลวัดดาว อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี
ลำดับที่
|
ระดับสารเคมีที่ตกค้างในเลือด
|
จำนวน (คน)
|
ร้อยละ
|
1
|
ระดับ 1 ปกติ
|
6
|
10.71
|
2
|
ระดับ 2 ปลอดภัย
|
33
|
58.93
|
3
|
ระดับ 3 มีความเสี่ยง
|
13
|
23.21
|
4
|
ระดับ 4 ไม่ปลอดภัย
|
4
|
7.14
|
รวม
|
56
|
100.00
|
ตารางที่ ข – 3 ผลการตรวจสารเคมีในเลือด ครั้งที่ 1
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2547 ของโรงเรียนชาวนาบ้านดอน
ตำบลบ้านดอน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
ลำดับที่
|
ระดับสารเคมีที่ตกค้างในเลือด
|
จำนวน (คน)
|
ร้อยละ
|
1
|
ระดับ 1 ปกติ
|
7
|
17.95
|
2
|
ระดับ 2 ปลอดภัย
|
10
|
25.64
|
3
|
ระดับ 3 มีความเสี่ยง
|
14
|
35.90
|
4
|
ระดับ 4 ไม่ปลอดภัย
|
8
|
20.51
|
รวม
|
39
|
100.00
|
ตารางที่ ข – 4 ผลการตรวจสารเคมีในเลือด ครั้งที่ 1
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2547 ของโรงเรียนชาวนาบ้านหนองแจง
ตำบลไร่รถ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี
(ติดตามต่อ)