ผู้ที่มีความเชื่อมั่นในเรื่องกฎของกรรม


คนที่เข้าใจและเชื่อในเรื่องกฎของกรรมอย่างแจ่มแจ้งและลึกซึ้ง  ทุกคนย่อมมีลักษณะดังที่กล่าวมา  ขอให้ท่านทั้งหลายจงพิจารณาดูว่า

สนิทใจจริง ๆ ว่า  แต่เดิมทีเดียวโลกนี้ไม่มี  ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ก็ไม่มี  มีแต่ความว่างเปล่า  มีแต่ความมืดปกคลุมอยู่ทั่วไป  แต่ในความมืดนี้ได้มีพระเจ้าซึ่งมีสภาพเป็นวิญญาณ  คือเป็นสิ่งที่สามารถจะรู้อะไรได้ทุกอย่าง  และมีฤทธิ์มีอำนาจที่จะบันดาลให้เกิดอะไรก็ได้  พระผู้เป็นเจ้าที่มีคุณลักษณะเช่นนี้แหละ  ที่เป็นผู้สร้างโลกและสิ่งทั้งปวงในโลกนี้ขึ้นมา  กล่าวคือ  โลกซึ่งประกอบไปด้วย แผ่นดิน แม่น้ำ ภูเขา สัตว์นานาชนิด ตลอดทั้งมนุษย์  พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้นมา  กฎธรรมชาติที่ควบคุมสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกฎธรรมชาตินั้น  พระผู้เป็นเจ้าก็ได้สร้างขึ้นมา  ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาเอง  แต่เป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าสร้างขึ้นมาเหมือนกัน  ยิ่งกว่านั้นคนเราไม่ว่าจะทำดีทำชั่วแค่ไหนอย่างไร  จะทำอย่างเร้นลับสักเพียงไรก็ตาม  พระเจ้าก็สามารถที่จะทรงรูเทรงเห็นทั้งหมด  และทรงรู้ทั่วถึงทุกคนด้วย  ไม่มีใครที่สามารถจะทำอะไร  โดยที่พระเจ้าไม่ทรงรู้ทรงเห็นนั้นเป็นอันไม่มีเลย  และพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่จะเป็นผู้ทรงให้รางวัล  และทรงลงโทษอย่างแท้จริง  ตามสมควรแก่กรรมที่ได้กระทำเอาไว้  และจะทรงลงโทษและทรงให้รางวัลอย่างยุติธรรมที่สุดเฉียบขาดแน่นอน  โดยไม่มีใครจะสามารถหลบหลีกการลงโทษหรือให้รางวัลจากพระเจ้าไปได้

สมมติว่า  จะมีใครก็ตามมีความเชื่อในเรื่องของพระเจ้าดังที่กล่าวมา  และเชื่ออย่างสนิทไม่มีความสงสัยใด ๆ เลย  ทั้งไม่คิดที่จะหาเหตุผลมาโต้แย้ง  เราก็จะเห็นว่า  เขาผู้นั้นจะต้องเป็นคนดีอย่างแน่นอน  โดยไม่ต้องสงสัย  จะเป็นคนที่ไม่ทำความเดือดร้อนความทุกข์ยากลำบากให้แก่ใคร ๆ  ตรงกันข้ามเขาจะเป็นคนที่เต็มใจเสียสละทำประโยชน์แก่ผู้อื่น  เขาทำเพื่อพระเจ้า  เพื่อให้พระเจ้าทรงโปรดปราน  และเขาก็จะได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่  ซึ่งไม่มีใครสามารถจะให้เขาได้  นอกจากพระเจ้าเท่านั้นที่จะทรงประทานให้เขาได้  คนที่มีความเชื่อมั่นในพระเจ้าดังที่กล่าวมา  จะเห็นได้ว่าจะเป็นคนที่มีคุณค่าสูงมาก  เว้นไว้แต่ว่า  ความเชื่อของเขาจะไม่มั่นคง  และอดสงสัยในเรื่องของพระเจ้าไม่ได้  และยิ่งเป็นผู้ที่ชอบหาเหตุผล  หาข้อพิสูจน์  เขายิ่งจะมีความสงสัยมากขึ้น  และในที่สุดก็อาจจะไม่เชื่อในเรื่องพระเจ้า  ตามที่กล่าวมา  และในที่สุดเขาก็จะไม่มีหลักยึดในด้านศีลธรรม  ตรงกันข้ามสำหรับคนคนที่เชื่อในเรื่องกฎของกรรม  ซึ่งถ้าได้ศึกษาให้ถูกต้องมาตั้งแต่แรกแล้ว  ในที่สุดเขาก็จะมีความเชื่อมั่นในเรื่องกฎของกรรมยิ่งขึ้น  เพราะเขายิ่งหาเหตุผลหาข้อพิสูจน์  เขาก็ยิ่งจะพบความจริงดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้มากขึ้นโดยลำดับ  ศรัทธาปสาทะในเรื่องกฎของกรรมก็จะมีความมั่นคง  ปราศจากความสงสัยใด ๆ

หมายเลขบันทึก: 133410เขียนเมื่อ 1 ตุลาคม 2007 10:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม 2012 22:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีครับ ดีใจครับที่เห็น ขมิ้นเหลือง เดินดิน กล่าวถึงกฏของกรรม คนนั่งข้างๆ หน้าตาน่ารักนะครับ ขอเบอร์โทรหน่อย...อิอิ สวัสดีครับ

P

1. เม็กดำ กลุ่ม 9 นาดูน

กฏของกรรมก็คือกรรมที่เราได้กระทำในวันหนึ่งๆจะดีหรือชั่วเราเท่านั้นที่ทราบได้ครับ

คนนั่งข้างๆเหรอคือตัวตนที่แท้จริงนี่เอง 

สวัสดีครับ กรรมคู่กับการกระทำ ถ้าเราไม่กระทำก็ไม่รู้จักกรรม หรือบุญคู่กับบาป ถ้าเราไม่ทำบาปก็ไม่รู้จักบุญ เหมือนองค์คุลีมาร... น่ากลัวครับตัวตนเช่นนี้แต่ถ้าข้างในสวยก็น่าลุ่น สวัสดีครับ  

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท