“ขับเคลื่อนชีวิต คิดเชิงระบบ” เป็นชื่อหัวข้อการเสวนาของ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ ที่มีขึ้นเมื่อวันที่ ๑๑ ก.ย. ๕๐ ที่ห้องประชุมใหม่ โรงเรียนเพลินพัฒนา ในโอกาสเปิดใช้ห้องประชุมอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ประเด็นสำคัญที่อาจารย์ฝากไว้ในเวลาครึ่งวันมีดังนี้
นอกจากนี้ยังมีเคล็ดลับในการเลี้ยงดูลูกมาฝากคุณพ่อคุณแม่ที่นั่งฟังด้วยว่า ให้รักลูกคนโต ทุ่มเทให้ลูกคนโตให้มาก สอนให้คนโตดูแลคนเล็ก แล้วคนเล็กจะดีตามมาเอง แต่ถ้าทุ่มเทให้กับลูกคนเล็กมากกว่า จะทำให้เสียลูกทั้ง ๒ คนไป
เลี้ยงลูกอย่าสอน แต่ให้เขารู้จัก learn how to learn
ที่ใดมีกฎเกณฑ์มาก ที่นั่นก็จะมีทุกข์มาก แต่กฎใดๆก็ไม่แย่เท่ากับ “กฎกู”
ที่จริงแล้วคำว่า “กู” เป็นคำที่หวานมาก เพราะเป็นไปตามทฤษฎี U theory จะส่งสารอะไรออกไปก็ต้องย้อนกลับมาดูตัวเองก่อน
ชีวิตที่เต็มไปด้วยการตัดสินคนอื่น คือชีวิตที่มีความทุกข์
อีกเคล็ดลับที่นำมาฝากครู และพ่อแม่คือ อยากให้ดูรายการ AF แล้วศึกษาวิธีการพูด วิธีการชม วิธีการให้กำลังใจของคุณเศรษฐา เพื่อจะได้เห็นแบบอย่างที่ดี
ทุกวันนี้ครูไม่มีแล้ว มีแต่โค้ช( coach) และโค้ชที่ดีนั้นต้องเคารพในความแตกต่าง
ที่กล่าวเช่นนี้เพราะคนที่เป็นครูนั้นคือคนที่ต้องเก่งในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างเชี่ยวชาญ จนคนอื่นมายกย่องว่าเป็นครู แล้วจึงค่อยมาสอนคนอื่นๆ แต่คนที่จบวิชาครูทุกวันนี้นั้นเก่งในเรื่องของการถ่ายทอด ก็ควรสอน learn how to learn คือการสอนให้เด็กรู้วิธีเรียน และวิธีสอนที่ดีที่สุดก็คือ การสอนด้วยอิทธิบาท ๔
เริ่มจากการสอนให้เขารักก่อน เพราะเด็กจะอยากเป็นอะไรเมื่อโตขึ้นนั้น อยู่ที่เราไปยั่วเขา พาให้เขาได้พบประสบการณ์ดีๆจากเรื่องนั้น อย่าเอาความต้องการของเราไปครอบลูก
คนที่ใกล้ชิดกับเด็กต้องใช้ฉันทะ คือ ยั่วให้รัก แล้วพาให้มีวิริยะ คือต้องใช้ปิยวาจา สนับสนุน ให้กำลังใจ จากนั้นจิตตะ คือสมาธิ กับ วิมังสา คือ ความฉลาดคิดจะค่อยๆตามมาเอง
วงจร PDCA ที่ประกอบด้วยอิทธิบาท ๔ นี้ต้องวนซ้ำหลายรอบ P นี้หากว่าเป็นสุดยอดของการวางแผนก็คือต้องเปลี่ยนแผนได้ แต่ยอดที่สุดแล้วต้องเป็น P – Principle คือยึดที่หลักการ ไม่ยึดที่แผน ตราบใดที่หลักการยังคงอยู่ ตัวแผนเปลี่ยนได้เสมอ
ที่สำคัญคือ เราต้องเคารพในความแตกต่าง ที่เขาดื้อกับเราก็เพราะว่า เขายังไม่อยากทำ ต้องลองสังเกตให้ดีว่า ตอนนั้น mode ของเขาอยู่ที่ไหน อย่าให้ลูกตกอยู่ใน mode ต่อต้าน
mode ที่คนเราวนเวียนอยู่ก็คือ mode ปกติ / เรียนรู้ และต่อต้าน ก่อนที่เราจะพูดอะไรกับใครขอให้ย้อนกลับมาดูจิตของเราก่อนว่า “จิตในขณะนั้นเป็นกุศล หรือ อกุศล” หากว่าจิตเป็นกุศลหากจะชมใครเกินจริงไปบ้างก็ไม่ถือว่าเป็นมุสาวาทา
อาจารย์กับครูทั้งหลายมักจะพากันเข้าชมรม “ตำหนิแห่งชาติ” ทำให้กลายเป็นคนปากยื่นไม่น่าเข้าใกล้ ถ้าเป็นอย่างนี้ความสวยที่มีอยู่แล้วก็ช่วยไม่ได้
ถ้ารู้เท่าทันสติตัวเองเมื่อไหร่ก็จะได้คะแนนสติสะสมพลัส เก็บแต้มจนเต็มเมื่อไหร่ก็จะได้โสดาบัน
สวัสดีครับ ครูใหม่
ขอบคุณค่ะตุณเกษตรยะลา ที่แวะเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยกัน
สวัสดีครับครูใหม่
เสียดายมากครับ ที่ไม่ได้ไปร่วมงานด้วย ตั้งใจว่าอยากจะไปเยี่ยมที่โรงเรียน แต่พอดีติดไปทำแผนงานที่ต่างจังหวัด ยิ่งอ่านที่ครูใหม่สกัดออกมาแล้ว ทำให้เห็นบรรยากาศที่อาจารย์ได้ไปสร้างกระแสไว้ มนุษย์ติดวัตถุมากจนมองเห็นการพัฒนาคนเป็นเรื่องการทำกับวัตถุ ขาดความเป็นธรรมชาติ และ มาถึงขาดความเป็นมนุษย์ ไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็เชื่อมั่นว่าก็ยังมีหน่อพันธุ์ดีๆที่สร้างสรร แทรกซึบกระจายอยู่เช่นกัน
ในช่วงวันดังกล่าวที่ไม่ได้ไปร่วมงานที่โรงเรียนเพลินพัฒนา ทีแรกก็นึกว่าพลาดสิ่งดีๆไป แต่ก็เมื่อถูกลิขิต กลับกลายได้ไปมีโอกาสแทรกซึบกับ Dialogue workshop ของทางปูนที่จัดขึ้น มีโอกาสไปเจอ อาจารย์วิศิษฐ์ ด้วย มันเป็นความบังเอิญแบบจัดการ เราเปลี่ยนฐานการทำแผนให้ไปอยู่ที่เดียวกันซะ ทำให้เกิดเหตุการณ์ดีๆนี้ขึ้นมา โชคดีไปครับ แถมในครั้งนี้อาจารย์วิศิษฐ์ ได้มีโอกาสมานำDialogue ให้กับหน่วยงานด้วย แล้วจะเขียนบันทึกไปเล่าให้ฟังนะครับ ตามๆบันทึกของผมดูละกันครับ