๒-๓ วันนี้ สังเกตว่าในโลกแห่งอินเทอร์เน็ต มีผู้ตั้งชื่อตัวเองว่าเป็น เทพนั่นเทพนู้นกันเยอะ... ผู้เขียนจึงมาเปิดสารบัญของบล็อกนี้ว่า คำนี้ได้เล่าไว้หรือยัง ? บังเอิญว่ายังไม่ได้เล่า ก็เลยได้โอกาสเพื่อจะนำศัพท์นี้มาเล่า... และเพราะนอกจากคำว่า เทพ แล้ว ยังมีคำว่า ทิพย์ และ เทวะ ซึ่งมาจากรากศัพท์เดียวกัน จึงถือโอกาสเล่ารวมๆ กันไป.....
เทพ มาจากคำว่า เทวะ โดยแปลง ว.แหวน เป็น พ.พาน ... ซึ่งในภาษาไทยก็มีใช้ทั้งสองศัพท์ และคาดเดาเอาเองว่า คนไทยทั่วไปก็คงจะพอรู้ว่า เทพ ก็คือ เทวะ .... ประมาณนี้
เทพหรือเทวะ นั้นเป็นคำเรียกบุคลขั้นสูงกว่ามนุษย์... ส่วนสิ่งของหรือสถานที่อยู่ของเทพหรือเทวะเหล่านี้ จะเรียกว่า ทิพย์...
คำว่า เทพหรือเทวะ นั้น เป็นได้ทั้งบาลีและสันสกฤต... ส่วนคำว่า ทิพย ์เป็นสันสกฤต ถ้าจะเขียนเป็นบาลีก็คือ์ ทิพพะ (แต่รู้สึกว่า ทิพพะ ไม่มักจะเห็นว่ามีใช้ในภาษาไทย โดยมากมักเจอ ทิพย์ ทั้งสิ้น)
เทพหรือเทวะ และทิพย์ มาจากรากศัพท์ว่า ทิวุ ใช้ในความหมายว่า เล่น. ปรารถนาชนะ, รุ่งเืรือง, ชมเชย, น่ารัก และสามารถ เป็นต้น...
เทพหรือเทวะ แปลว่า ผู้เล่น หมายถึง ผู้สนุกสนานรื่นเริง ไม่มีงานมีการทำ... ประมาณนี้
เทพหรือเทวะ แปลว่า ผู้ปรารถนาชนะ หมายถึง ผู้ไม่ยอมแพ้ มีความมุ่งมั่น มีความมุ่งหวัง เพื่อชัยชนะ.... ประมาณนี้
เทพหรือเทวะ แปลว่า ผูุ้รุ่งเรือง หมายถึง ผู้ที่มีแสงในตัวเอง มีรัสมีสว่างไสว หรือผู้เจริญก้าวหน้า มิใช่ผู้ตกต่ำ... ประมาณนี้
เทพหรือเทวะ แปลว่า ผู้ควรแก่การชมเชย หมายถึง ผู้อันมนุษย์และสัตว์อื่นๆ ยกย่อง สรรเสริญ เทิดทูน บูชา ... ประมาณนี้
เทพหรือเทวะ แปลว่า ผู้น่ารัก หมายถึง มีวรกายสดใส สวยงาม น่ามองน่าชม มิใช่น่าเกียจ น่าชังเหมือนภูตผีปีศาจ... ประมาณนี้
เทพหรือเทวะ แปลว่า ผู้สามารถ หมายถึง มีความสามารถกระทำสิ่งที่ปรารถนาให้สำเร็จได้ ซึ่งต่างจาก อสูร ซึ่งแปลว่า ผู้ไม่แกล้วกล้า นั่นคือ ไม่สามารถสู้เทพหรือเทวะ ได้.... ประมาณนี้
..........
ส่วนคำว่า ทิพพะ หรือ ทิพย์ ซึ่งเป็นศัพท์พ่วงมาจากเทพ ก็อาจแปลได้ไม่ยากว่า ที่อยู่ของเทพหรือเทวะ เรียกว่า ทิพย์ ... สิ่งของอันเป็นทิพย์ ก็คือสิ่งของที่เทพหรือเทวะใช้สอย... ประมาณนี้
อนึ่ง ยังมีศัพท์อื่นๆ ที่เป็นอนุพันธ์ของคำว่าเทพหรือเทวะ เช่น เทวดา เทวี ฯลฯ... คำแปลก็เหมือนกัน เพียงแต่การปรุงศัพท์แตกต่างกันเท่านั้น
.....
นอกประเด็นอีกนิด ในวรรณคดีบาลี รากศัพท์ว่า ทิวุ ซึ่งสำเร็จรูปมาเป็นคำศัพท์ว่า เทวะ เป็นต้น บางครั้งก็หมายถึง น้ำฝน การเปรียกฝน หรือ ฝนตก ... ได้เช่นเดียวกัน
ในการสอบบาลีในประโยคชั้นสูง กรณีที่ เทวะ หมายถึงน้ำฝน แปลผิดเป็นเทวดา ... หรือในกรณีที่ เทวะ หมายถึงเทวดา แปลผิดเป็นน้ำฝน... รับรองได้ว่า ปีนั้นสอบตกแน่นอน ท่านว่าเสียภูมิรู้ ให้ไปทบทวนมาสอบใหม่ในปีหน้า... ทำนองนี้
กราบนมัสการ
ได้ความกระจ่างเพิ่มขึ้นอีกค่ะ..แต่ก่อนมักได้ยินเด็กๆเขาเอาคำว่า"เทพ"มาใช้ในความหมายว่า"มีความสามารถ"อย่างเช่น..โจอี้เป็นนักเล่นAuditionชั้นเทพ..เมื่ออ่านบันทึกนี้แล้วก็เลยคิดว่าเด็กๆเขาก็เข้าใจเอาคำมาใช้เปรียบเทียบจริงๆ
กราบนมัสการค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุ กับธรรมทานจากท่านค่ะ อาการที่อาพาธ หายหรือยังคะ
เด็กคงจะไม่ได้ขุดความหมายจากรากศัพท์มาทำนองนั้น พวกเค้าคงจะยกย่องผู้มีความสามารถบางคนว่า เหนือมนุษย์ .... หรือบางครั้งก็อาจเลียนแบบคำที่ผู้ใหญ่ใช้กัน โดยไม่ได้เข้าใจความหมายที่แท้จริง.....
.......
ประเด็น คนทรงเจ้า หรือ เทพประทับทรงในร่างคน ทำนองนี้ .... อาตมาไม่รู้เรื่องและมิใช่ผู้ชำนาญ... ได้แต่เพียงสังเกตเห็นหรือฟังเค้าเล่าเท่านั้น... และไม่ได้ใส่ใจถึง จริงหรือเท็จ ในเรื่องเหล่านี้ด้วย...
...........
อาตมาก็อาพาธในยามฝนตกเป็นปกติ พอฝนแล้งก็หาย ไม่มีอะไรน่าวิตกกังวล....
.........
เจริญพรทุกท่าน
พระอาจารย์ทำให้ผมกระจ่างแจ้ง...
ลูกชายคนกลางของกระผมมักจะอ้างว่าตนเองระดับเทพเมื่อเขาเป็นผู้นำเหนือเพื่อน ๆ ในการเล่นเกมส์ออนไลน์...
เมื่อสมัยเรายังหนุ่มแน่นกัน(มิใช่ว่าพระอาจารย์กับกระผมชราลงไปแล้วนะขอรับ...อิอิ)มีคำที่เรามักใช้แทนผู้ที่เก่งกาจเหนือมนุษย์ว่าเซียน...
ทั้งสองคำแค่ใช้ความรู้สึก(common sense)ก็เข้าใจกันเอาเองว่าเหนือมนุษย์(superman)
แต่ไม่เข้าใจว่าไฉนคนเราจึงอยากเหนือมนุษย์...
แนวคิดว่า มนุษย์คือสัตว์กระหายอำนาจ ยังคงมีอยู่ ไม่เสื่อมคลาย...
ไม่แน่ใจว่า ประวัติฮ่องเต้พระองค์ใดแล้ว ถูกบอกเล่าไว้ว่า...
.....
ปรัชญาวิวัฒนาการก็มีหลายสำนักว่า มนุษย์พัฒนาการมาจากสสาร แล้วก็จะพัฒนาการไปสูู่ ่เทวภาพ....
ลืมๆ ไปแล้ว ถ้าจะอธิบายก็ต้องไปปัดฝุ่นหนังสือก่อน...
......
ส่วนพระบาลีบอกว่า...
อธิบายว่า แม่น้ำโขง ชี มูล ตาปี คงคา อิรวดี อเมซอน ไนท์ ฯลฯ บางครั้งที่เอ่อล้นตะลิ่ง และมีบางคราวที่แห้งข้อด... แต่แม่น้ำคือความทะยานอยากของคน ไม่แห้งและไม่ล้น จะพร่องอยู่เป็นนิด คือไม่รู้จักเต็ม.... ประมาณนี้
คร้านจะบ่นแล้ว... จ้า
เจริญพร