1. คณิตศาสตร์ 2 ศูนย์
2.
ภาษาอังกฤษ 2 ศูนย์
3.
ภาษาไทย 2 ศูนย์
4.
สังคม 2 ศูนย์
5.
วิทยาศาสตร์ 2 ศูนย์
โดยใช้กิจกรรม Story telling , Dialoque , Lesson Learned, Peer Assist,BrainStorming,
Coaching,Appreciative Inquiring,CoPs,Sharing Day ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่อไป
ช่องที่ไม่ว่าง : สลายช่องว่างระหว่างวัยในที่ทำงาน
หนึ่งในสาเหตุของความเครียดในที่ทำงาน คือการที่คนหลายรุ่น หลายวัย หลายความคิด ต้องมาทำงานร่วมกัน ความแตกต่างระหว่างเลขวัยที่สัมพันธ์กับเลขไมล์ของประสบการณ์ มักนำมาซึ่งความไม่เข้าใจจนก่อตัวกลายเป็นความขัดแย้งในที่สุด
ได้รับ forward mail เป็นสิ่งที่ดี หากเผยแพร่ให้คนอื่น ได้ความรู้เกี่ยวกับการทำงาน บางสถานที่ วัยการทำงานมีความแตกต่างกันมาก บางสิ่งเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่เราสามารถปรับตัวเข้าหากันได้ คิดแง่ดี ทำสิ่งที่ดี มององค์กรเป็นหลัก แล้วรีบปรับตัวเข้าหากัน ความเครียดก็จะไม่เกิดคะ
หลังออกจากห้องประชุม อลิสาฟันธงทันทีว่าคุณนัทที ที่ปรึกษาครีเอทีฟรุ่นน้าคอยจ้องจิกกัดถากถางไอเดียของเธอกลางที่ประชุมนั้น คือตาแก่หัวดื้อผู้ไม่ยอมรับว่ายุคของตัวหมดสิ้นลงแล้ว
ในห้องทำงานถัดไป ฉัตรพรฝ่ายบริหารลูกค้ากำลังนึกอยากทึ้งผมตัวเองด้วยความโมโห เมื่อเธอเรียกแอน พนักงานฝึกหัดมาสอนงาน แต่กลับโดนทำหน้าว่างเปล่าใส่เหมือนกับจะบอกว่า “หนูรู้หมดแล้ว”
ยินดี ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนถึงกับอึ้ง เมื่อเธอขอร้องให้สิปปนนท์ ฝ่ายกราฟฟิค ให้ช่วยออก แบบโปสเตอร์ที่ต้องใช้ด่วน แต่เขาปฏิเสธว่าวันนี้เขาคงทำให้ไม่ได้ เพราะนัดกับเพื่อนไว้แล้ว
ช่องว่างของวัย ช่องว่างของความคิด
หนึ่งในสาเหตุของความเครียดในที่ทำงาน คือการที่คนหลายรุ่นหลายวัยหลายความคิดต้องมาทำงานร่วมกัน ความแตกต่างระหว่างเลขวัยที่สัมพันธ์กับเลขไมล์ของประสบการณ์ มักนำมาซึ่งความไม่เข้าใจจนก่อตัวกลายเป็นความขัดแย้งในที่สุด
ความจริงที่อลิสา ฉัตรพรและยินดีอาจลืมเสียสนิทมีอยู่ว่า แม้จะทำงานด้วยยากเพียงใด แต่คน ทำงานในวัยที่แตกต่างนั้นก็มีคุณสมบัติบางอย่างที่คนรุ่นเธอไม่มี บางทีความแตกต่างอาจคือกุญแจแห่งความสำเร็จ เพียงยอมเปิดใจทำความรู้จักคนแต่ละรุ่นให้ลึกซึ้ง พวกเธออาจจะได้พบโลกกว้างใบใหม่ที่งดงามด้วยความหลากหลาย และหากเลือกที่จะสื่อสารได้ถูกช่อง ถูกกลุ่มก็อาจจะได้อะไรใหม่ๆ ที่คาดไม่ถึง
ใครเป็นใครในที่ทำงาน
เราจะแบ่งรุ่นของเพื่อนร่วมงานในที่ทำงานให้เห็นชัดๆ ก่อน โดยจำแนกจากช่วงปีที่เกิดซึ่งจะสัมพันธ์กับประสบการณ์ในช่วงเติบโต ทำให้เห็นยุคสมัยที่หล่อหลอมความคิดของพวกเขาได้ชัดเจนขึ้น
กลุ่มลายคราม — เกิดก่อนปี 2488
ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งกรรมการที่ปรึกษาใหญ่ หรือเป็นพนักงานวัยใกล้เกษียณ แต่กลุ่มนี้จะมี ผู้คนนับหน้าถือตามากมาย อันเนื่องมาจากประสบการณ์การทำงานของพวกเขายาวนานมากที่สุด คนกลุ่มนี้เกิดก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจะยุติ จึงเติบโตมาท่ามกลางสภาพบ้านเมืองที่มี ทรัพยากรจำกัด ทำให้รู้จักคุณค่าของเงิน มักมีคุณลักษณะที่มั่นคง เชื่อใจได้ สู้งานหนัก ใช้จ่าย อย่างรู้คิด และมีความภักดีต่อองค์กรสูง
กลุ่มเบบี้บูม — เกิดปี 2499-2507
หลังสงครามยุติ ประเทศเข้าสู่ความสงบ การรณรงค์คุมกำเนิดยังไม่แพร่หลาย จึงเกิดพลเมืองตัวน้อยๆ ขึ้นมากมาย เบบี้บูมเติบโตขึ้นท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันกับคนวัยเดียวกันเพื่อให้ได้งาน ยิ่งเมื่อประเทศกำลังพัฒนาไปสู่ความเป็นอุตสาหกรรม เบบี้บูมก็ยิ่งจำเป็นต้องทำงานหนักมากขึ้น อาจทำงานเต็มเหยียดวันละแปดชั่วโมง ลูกจ้างเบบี้บูมมักเคยชินกับการพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้นายจ้างยอมรับในศักยภาพ การก้าวไปสู่ตำแหน่งใหญ่นั้นต้องใช้เวลาและแรงผลักดันอย่างสูง
กลุ่มเจนเนเรชั่น X — เกิดปี 2508-2523
เจเนอเรชั่น X ลืมตาดูโลกเมื่อมนุษยชาติส่งยานอวกาศออกไปนอกโลกได้สำเร็จ ของเล่นฮิต ของเด็กรุ่นนี้จึงไม่ใช่ม้าโยกหรือตุ๊กตาหมีอีกต่อไป แต่คือวิดีโอ เกมกดและวอล์คแมน พวกเขา เติบโตมาในยุครอยต่อของอนาล็อกกับดิจิตอล ท่ามกลางเทคโนโลยีที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ ทว่าสังคมที่เปลี่ยนแปลงในทางวัตถุกลับทำให้สถาบันครอบครัวสั่นคลอน ความภักดีในองค์กร ของคนรุ่นนี้จึงคลายลงมาก นำมาสู่การลาออกและเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น ไม่แปลกที่ชาวเบบี้บูม ผู้ไม่เคยเกี่ยงที่จะทำโอทีจนดึกดื่น จะอึ้งที่ชาวเจนเนเรชั่น X จะปฏิเสธและอาจลาออกไปหางาน ใหม่หน้าตาเฉยทั้งนี้เพราะชาวเจนเนเรชั่น X เชื่อว่างานไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต
กลุ่มมิลเลนเนียม — เกิดปี 2524 เป็นต้นมา
นี่คือกลุ่มคนทำงานหน้าใหม่ไฟแรงที่ยังอ่อนประสบการณ์ บางคนอาจยังเรียนไม่จบเสียด้วยซ้ำหรือมีแผนชีวิตที่จะเรียนต่อ นี่คือกลุ่มที่โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งระบบการศึกษาที่เริ่มให้ความสำคัญกับการคิดมากกว่าการท่องจำ พวกเขามีพ่อแม่ที่มีความรู้สูง จึงสนับสนุนให้ได้เสริมทักษะในด้านต่างๆ ตั้งแต่ยังเด็ก มิลเลนเนียมจึงชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูงและสนุกกับการทำงานเป็นทีม ไม่ชอบอยู่ในกรอบและไม่ชอบเงื่อนไข ดังนั้นขณะที่เจน X เปลี่ยนงานครั้งที่สิบสองไปเป็นผู้บริหารระดับสูงกินเงินเดือนเรือนแสน มิลเลนเนียมอาจลาออกไปเริ่มธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง
สลายช่องว่างสร้างความเข้าใจ
เมื่อเข้าใจถ่องแท้แล้วว่าใครมีค่านิยมในชีวิตอย่างไร ใครๆ ก็สามารถสร้างสะพานข้ามช่องว่างเพื่อก้าวข้ามไปหากันได้ สูตรสร้างสะพานข้ามช่องว่างระหว่างวัยมีอยู่แค่สามขั้นตอน
คนที่มีความเชื่อหรือ ทัศนคติต่อชีวิตไม่เหมือนคุณ ไม่ใช่คนไม่ดีเสมอไป
ทำงานกับกลุ่มลายคราม
ให้เกียรติและความเคารพอย่างสูงต่อพวกเขา เมื่อคุณให้เกียรติผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็จะให้เกียรติคุณ ถ้าบังเอิญคุณมีตำแหน่งสูงกว่าพวกเขา จงแสดงความชื่นชมในความเป็นเสาหลักขององค์กร และรับฟังเมื่อพวกเขาถ่ายทอดประสบการณ์ในอดีต ประวัติการต่อสู้และการร่วมใจกันจนผ่านพ้นความยากลำบาก เพราะนั่นคือสิ่งที่คนรุ่นหลังไม่มีและไม่รู้จัก อย่ามองว่าการที่กลุ่มลายครามคือหมาล่าเนื้อที่ไม่มีที่ไป แต่ที่พวกเขาทำงานจนเกษียณเพราะพวกเขาเชื่อในคุณค่าของความมั่นคงและซื่อสัตย์เป็นที่สุด
ทำงานกับกลุ่มเบบี้บูม
แสดงความนับถือ รับฟังและเรียนรู้จากประสบการณ์ของเบบี้บูมแล้วพยายามปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าคุณจะเก่งกาจหรือประสบความสำเร็จเพียงใด คุณก็ยังต้องเรียนรู้อยู่เสมอ อย่าแสดงออกว่าการทำงานหนักคือการถูกเอาเปรียบ เพราะเบบี้บูมให้คุณค่าต่อการทำงานอย่างทุ่มเท ในองค์กรใหญ่ๆ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและบริหารโดยเบบี้บูม ควรพยายามเรียนรู้วัฒนธรรมองค์กรก่อนว่ามีการเจริญเติบโตมาอย่างไร ก่อนที่จะเสนอให้ริเริ่มการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ทำงานกับกลุ่มเจเนเรชั่น X
ต้องพูดให้กระชับ ชัดเจน ไม่อ้อมค้อม เจเนเรชั่น X ชอบความตรงไปตรงมา คุณสามารถใช้อีเมล์กับกลุ่มนีได้ถ้าคิดว่าอีเมล์จะช่วยให้ได้ใจความและตรงเป้าหมายมากขึ้น แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ควรพูดกันต่อหน้า คนกลุ่มนี้ไม่ชอบถูกบงการ ผู้ใหญ่แค่ให้นโยบายกว้างๆ แล้วเปิดโอกาสให้เขาแก้ปัญหาต่อเองจะดีที่สุด เบบี้บูมควรลดความหวังว่าเจนเนเรชั่น X จะทำงานหนักไม่มีวันหยุดและก้าวไปอย่างช้าๆเหมือนตน คนกลุ่มนี้ต้องการชีวิตที่สมดุลและไม่ชอบการอยู่ติดที่
ทำงานกับกลุ่มมิลเลนเนียม
ท้าทายพวกเขาด้วยภารกิจใหม่ๆ มิลเลนเนียมชอบความเป็นคนสำคัญ การได้เพิ่มความรับผิดชอบเหมือนการให้คำชม จะถูกใจมิลเลนเนียมมากถ้าเปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความคิดเห็นเหมือนเป็นหนึ่งในทีม ผู้ใหญ่ที่ยอมรับพวกเขาจะได้รับการยอมรับจากพวกเขาด้วยโดยอัตโนมัติ พวกเขาชอบให้คุณปฏิกิริยาต่อสิ่งที่เขาทำทุกขณะจิต “ความคิดเห็น”ของเพื่อนร่วมงานสำคัญกับพวกเขามาก
แค่เข้าใจ ทุกอย่างก็ลงตัว
หลังออกจากห้องประชุมตอนเที่ยง อลิสาก็เข้าใจแล้วว่าคุณนัททีกำลังพยายามเตือนเธอว่าแผนโฆษณาของเธอนั้น ลืมคำนึงถึงจริยธรรมทางสังคม คุณนัททีเคยถูกสื่อถล่มเละมาแล้วเพราะสาเหตุนี้
ในห้องทำงานถัดไป ฉัตรพรขอความคิดเห็นจากแอนว่าถ้าเป็นแอน จะตัดสินใจกับลูกค้ารายนี้อย่างไร แอนตาประกาย ขณะแสดงความคิดของเธอด้วยความกระตือรือร้น
ยินดีบอกสิปปนนท์ว่าถ้าแบบไม่เสร็จวันนี้เธอจะไม่ได้งานภายในวันศุกร์ สิปปนนท์จึงโทรศัพท์เช็คโรงพิมพ์ใหม่และได้คำตอบว่าทำได้หากส่งแบบก่อนพรุ่งนี้เที่ยง สิปปนนท์รับปากจะรีบทำงานให้เสร็จก่อนสิบเอ็ดโมงวันพรุ่งนี้ เพื่อให้ยินดีตรวจสอบก่อนส่งโรงพิมพ์
หัวใจสำคัญของการปิดช่องว่าง คือการเคารพในกันและกัน เมื่อคนรุ่นหลังเคารพในประสบการณ์ของคนรุ่นก่อน และคนรุ่นก่อนยอมเปิดใจกว้างรับความกระตือรือร้นที่สดใหม่ของคนรุ่นหลัง ที่ทำงานจะมีคนสักกี่รุ่นกี่วัยก็ย่อมไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
คำวิจารณ์
ในโลกปัจจุบัน ข้อมูลข่าวสารสามารถส่งถึงกันได้อย่างรวดเร็ว เช่น การเล่นอินเตอร์เน็ต หรือประชุมข้ามประเทศ เหมื่อนมานั่งคุยอยู่ด้วยกัน เมื่อข่าวสารข้อมูลได้รับมามากและง่ายดาย เราจะเชื่ออะไรหรือเลือกรับสารอะไรก็ควรดูให้ดี มีประโยชน์หน่อย การติดต่อสื่อสารกันก็ต้องมีการแสดงความคิดเห็น หรือการวิพากษ์วิจารณ์กัน ถ้าเราเป็นคนที่ถูกวิจารณ์ เราก็ต้องมาดูว่ามันจริงมั๊ย ที่เขาวิจารณ์ต่อว่าจริงมั๊ย เราต้องคิดตามความจริง คนที่วิจารณ์เข้าใจเรื่องที่เขาวิจารณ์เราจริงหรือไม่ มีอคติหรือไม่ มีความร้ในเรื่องนั้นจริงหรือเปล่า มีส่วนได้ส่วนเสียหรือเปล่า บางครั้งมีคนชื่นชมร้อยคน คนว่าคนตำหนิคนเดียว เรากลับร้อนอกร้อนใจ เหมือนเราขาดความมั่นใจ ถ้าเป็นอย่างนั้นเราคงจะทำอะไรลำบาก เพราะใครว่าอะไรก็เอียงไปทางโน้นทางนี้ตามลมปาก คนมีปัญญามากจะเชื่ออะไรด้วยเหตุผล เราก็ต้องดูให้ดี ถ้าเหตุผลดีเราก็ปรับปรุง คำพูดของคนเราทำอะไรถ้าคิดแล้วว่าดีกลั่นกรองแล้ว เจตนาดีแล้วก็ทำไปเถอะ....